ภาพประกอบจาก (www.naturalthaiherb.com)

 

        เมื่อพูดถึงเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน คงไม่มีใครไม่รู้จัก “พริกไทย” หนึ่งในพืชสมุนไพรที่นำมาประกอบอาหารเป็นเมนูต่างๆ ได้มากมาย
       
       “พริกไทย” เป็นพืชพื้นเมืองของอินเดีย เพราะมีแหล่งกำเนิดอยู่ แถวชายฝั่งมะละบาร์ ทางตะวันออก เฉียงใต้ของอินเดีย แต่ปัจจุบันได้แพร่กระจายไปยังหลายๆ ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อน กอปรกับกลิ่นหอมฉุน ทำให้พริกไทย ถูกนำมาใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู โดยเรามักพบเห็นได้ในเมนู แกงป่า ผัดฉ่า ผัดพริกไทยดำ ฯลฯ หรือนำมาโรยจานตกแต่งอาหารให้ดูน่ากิน
       
       พริกไทยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ พริกไทยดำ (Black Pepper) พริกไทยขาวหรือเรียกว่าพริกไทยล่อน (White Pepper) และพริกไทยอ่อนหรือพริกไทยสด (Green Pepper) โดยพริกไทยดำมาจากผลพริกไทยที่โตเต็มที่มีสีเขียวเข้มจัด นำมาตากแดดให้แห้งจนเป็นสีดำ ส่วนพริกไทยขาวมาจากผลสุกที่แก่จัดจนเป็นสีแดงมาแช่น้ำ นำมาลอกเปลือก ออก แล้วจากแดดให้แห้ง ก็จะได้ผล สีขาว ส่วนพริกไทยอ่อนก็คือผลของพริกไทยที่ยังโตไม่เต็มที่นั่นเอง
       
       และถึงแม้ว่าพริกไทย จะเป็นพืชเม็ดเล็กๆ แต่พืชเม็ดเล็กชนิดนี้ แฝงไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์มากมายทีเดียว โดยในพริกไทยประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอาซิน วิตามินซี และมีน้ำมันหอมระเหย
       
       ไม่เพียงเท่านั้น พริกไทยยังช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ ช่วยขับเสมหะ แก้หอบ แก้ไอ สะอึก อีกทั้งยังเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและลำไส้ทำงานดีขึ้น กระตุ้นให้ระบบทางเดินอาหารหลั่งน้ำย่อยเพื่อย่อยโปรตีน ไขมัน และแป้ง ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี เพิ่มการผลิตสารในสมองที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านการชัก ต้านมะเร็ง ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ และช่วยป้องกันอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย
       
       ด้วยคุณประโยชน์มากมาย ทำให้ “พริกไทย” เป็นพืชสมุนไพรที่ถูกยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งเครื่องเทศ (King of Spices)” ที่ผู้คนใช้กันมาเป็นพันๆ ปี เลยทีเดียว