การไปศึกษาต่อยังต่างประเทศเรียกได้ว่าเป็นความใฝฝันของนักเรียนนักศึกษาหลายคน แม้จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะได้วิชาความรู้แล้ว ยังได้รับประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ที่ประเมินค่าไม่ได้ วันนี้Life on campus ขอเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดีๆ สำหรับใครที่กำลังคิดจะเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ไปดูว่าค่าเทอมของมหาวิทยาลัย Top 10 ของโลก ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท คิดเป็นเงินเท่าไหร่?...เรียงตามการจัดอันโลกจากสถาบัน QS World University Rankings® 2014/15 ดูแล้วรีบมานั่งกดเครื่องคิดเลขคำนวนค่าใช้จ่ายกันด่วนเลย...
อันดับ 1 : สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology)
สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสถาบันที่มีความโดดเด่นมากในเรื่องเรื่องของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถ้าพูดถึงค่าเทอมแล้วก็สมน้ำสมเนื้อกับมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก บวกกับค่าหอพักที่สถาบันแห่งนี้บังคับให้นักศึกษาปี 1 จะต้องอยู่หอพักภายในมหาวิทยาลัย อีกประมาณ 200,000 บาทต่อเทอม ก็เรียกว่าหนักเอาการ แต่แม้จะมีค่าเทอมและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่สถาบัน MITแห่งนี้ได้รับเงินเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาสูงถึง 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี นักศึกษากว่า 90% ของ MIT จะได้รับทุนการศึกษาเป็นส่วนใหญ่เนื่องจาก MIT ต้องการส่งเสริมผู้มีความสามารถให้ได้เรียนต่อ ทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาให้ทุนการศึกษาแก่คนที่สมัครเข้าไปเรียนเกือบทั้งหมด อย่างในปี 2013 มีจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่ได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยกว่า 4,500 คน เห็นอย่างนี้แล้วใครที่สนใจอยากไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลก ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไป
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
อันดับ 2 : มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (University of Cambridge)
ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2014/15 จากสถาบัน QS สหราชอาณาจักรมีสถาบันการศึกษาที่ติดอันดับ Top 10 ทั้งหมด 4 แห่งด้วยกัน โดย "มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์" อยู่ในอันดับโลกสูงสุดคืออันดับที่ 2 และเป็นที่ทราบกันดีว่าทั้งค่าเรียนและค่าครองชีพในสหราชอาณาจักรมีอัตราที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะนักศึกษาชาวต่างชาติอัตราค่าเทอมจะค่อนข้างสูงกว่า นักศึกษาในประเทศ และจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปค่อนข้างมาก แต่ทางมหาวิทยาลัยก็ยังมีทุนการศึกษาทั้งจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร และองค์กรระหว่างประเทศก็ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษามากมายหลายทุนด้วยกัน นอกจากค่าเทอมที่ค่อนข้างสูงแล้วเกณฑ์ในการคัดเลือกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ถือว่าค่อนข้างโหดอยู่พอสมควร เพราะต้องใช้คะแนน IELTS สูงถึง 7.5 เลยทีเดียว ผู้สนใจสามารถเข้าดูรายละเอียดเรื่องการสมัครเรียน และทุนการศึกษาในเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยทั้งในระดับปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษาได้ที่ www.cam.ac.uk
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2015/16 :
***หมายเหตุ : นักศึกษา EU คือนักศึกษาจากประเทศสหภาพยุโรป เช่น ออสเตรีย, เบลเยียม, บัลแกเรีย, โครเอเชีย, ไซปรัส, สาธารณรัฐเช็ก, เดนมาร์ก, เอสโตเนีย, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, ฮังการี, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย, ลักเซมเบิร์ก, มอลตา, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, โปรตุเกส, โรมาเนีย, สโลวาเกีย สโลวีเนีย, สเปน, สวีเดน, สหราชอาณาจักร
อันดับ 2 : วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน (Imperial College London)
วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยจากสหราชอาณาจักร ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองลอนดอน ซึ่งการจัดอันดับ QS World University Rankings® 2014/15 นี้ วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอนครองอันดับ 2 ร่วมกับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ นับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ สำหรับคะแนน IELTS ที่ใช้ในการสมัครเรียนที่วิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอน ในระดับปริญญาตรีจะอยู่ที่ 6.5 และปริญญาโทจะต้องได้คะแนน 6.5 ขึ้นไป ค่าเทอมเฉลี่ยนสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติจะค่อนข้างสูง เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในส่วนของทุนการศึกษาทางวิทยาลัยอิมพีเรียลลอนดอนได้มีการระดมทุนให้กับนักศึกษามากมายหลายทุนด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุนด้านการวิจัยทางวิทยาลัยจะสนับสนุนให้เป็นพิเศษ
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
อันดับ 4 : มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University)
มหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ของประเทศสหรัฐอเมริกา และยังเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดปัจจุบันมีอายุกว่า 379 ปี มหาวิทยาลัยในฝันของเหล่าบรรดานักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลก ด้วยประวัติความเป็นมาที่ยาวนานในเรื่องของคุณภาพการศึกษา ใครๆ ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่กลับมีอัตราการรับนักศึกษาน้อยมาก ทำให้มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง และสิ่งที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดใช้พิจารณาในการรับนักศึกษาคือ คะแนนสอบ SAT 3 Parts ต้องได้คะแนน 650 ขึ้นไป และ SATII 2 อีก 2 วิชา ใครที่สนใจก็ต้องไปเตรียมตัวกันให้พร้อม แม้จะมีอัตราค่าเทอมและค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดก็ได้มอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาเป็นจำนวนมาก เพราะทางมหาวิทยาลัยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล และเงินบริจาค ต่อปีค่อนข้างสูง จนเรียกได้ว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคนบริจาคเงินสนับสนุนมากที่สุดในโลกก็ว่าได้
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
*นักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินแบบเต็มรูปแบบ ทั้งค่าเล่าเรียน, ค่าธรรมเนียมต่างๆ และค่าครองชีพUS$2,767 ประมาณ 90,118 บาท).
อันดับ 5 : มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด (University of Oxford)
มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษที่นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการศึกษาติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกแล้ว ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศอังกฤษ มีอายุกว่า 800 ปี ตั้งอยู่ในเมืองอ๊อกซฟอร์ด เมืองขึ้นชื่อในเรื่องของสภาพแวดล้อมที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยแม่น้ำ ทิวเขา และทุ่งกว้าง สำหรับอัตราค่าเทอมสำหรับนักเรียนในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปจะอยู่ที่ £9,000 หรือประมาณ 450,386 บาท ต่อปี ในระดับปริญญาตรีทุกหลักสูตร สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติจะมีอัตราค่าเทอมเฉลี่ยที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาวิชาฮอตๆ อย่าง คอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมศาสตร์
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
อันดับ 5 : มหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน (University College London)
การจัดอันดับของ QS World University Ranking ปีนี้ UCL ครองอันดับทื่ 5 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกร่วมกับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด จากสหราชอาณาจักร ได้รับการรันตีจากสถาบันการจัดอันดับต่างๆ มากมายว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพดีเยี่ยม คิดเฉลี่ยอัตรานักเรียน 9 คน ต่ออาจารย์ 1 คน เท่านั้น เปิดสอนกว่า 4,000 สาขาวิชา ที่สำคัญปัจจุบันมีนักศึกษาจาก UCL ได้รับรางวัลโนเบลแล้วกว่า 21 คน เรตอัตราค่าเล่าเรียนจะเท่ากับมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ของสหราชอาณาจักร แต่มีข่าวดีสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติที่ต้องการไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ UCL ปัจจุบันมีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนต่างชาติทั่วโลกมากมาย ใครที่สนใจก็สามารถไปติดตามรายละเอียดเรื่องทุนต่างๆ และการสมัครเรียนได้ทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยได้ที่นี่ www.ucl.ac.uk
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
อันดับที่ 7 : มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University)
มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับ “HYPSMC” ตัวย่อที่เด็กไฮสคูลใช้เรียก มหาวิทยาลัยเข้าเรียนยาก เช่น Harvard, Yale, Princeton, MIT, Caltech นอกจากนั้นสแตนฟอร์ดยังได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในสามมหาวิทยาลัยชั้นนำทางเทคโนโลยี นอกเหนือจาก MIT และ Caltech เพราะมีนักวิจัยรางวัลโนเบลจำนวนมากมายที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้นั่นเอง อัตราค่าเล่าเรียนก็จะอยู่ในเรตที่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกาทั่วไป แม้จะมีค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างสูง แต่ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีการระดมทุนจากภายนอกในแต่ละปีเพื่อมาเป็นค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัย ใช้ปรับปรุงการสอน และสวัสดิการของนักศึกษา รวมไปถึงทุนการศึกษาต่างๆ อีกมากมาย จนเรียกได้ว่ามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศที่สามารถระดมทุนได้มากที่สุดในแต่ละปี พอๆ กับมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดเลยทีเดียว
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
อันดับที่ 8 : สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Technology)
สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย หรือเรียกย่อๆ ว่า “แคลเทค (CalTech) มหาวิทยาลัยเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในด้านงานวิจัยสาขาวิทยาศาสตร์ และ วิศวกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมอากาศยาน และวิศวกรรมเครื่องกล จนเรียกได้ว่าเป็นสถาบันวิศวกรรมศาสตร์ระดับโลก ใครที่ใฝ่ฝันจะเข้าศึกษาต่อที่สถาบันแห่งนี้ นอกจากจะต้องเตรียมตัวเรื่องค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงแล้ว ยังต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพราะสถาบันแห่งนี้จะคัดเฉพาะนักศึกษาระดับหัวกะทิระดับชาติเท่านั้น ในแต่ละปีจะรับนักศึกษาทั้งในประเทศ และนักศึกษาชาวต่างชาติเข้าศึกษาต่อทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ระดับละ 1,000 คนเท่านั้น สำหรับทุนการศึกษาทางมหาวิทยาลัยก็มีการระดมเงินทุนจากภายนอกให้กับนักศึกษาเป็นจำนวนมาก สามารถดูรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยได้ที่ finaid.caltech.edu/Costs
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
*หมายเหตุ : โปรแกรมทั้งหมดที่แคลเทคอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียบเพิ่มเติม นอกจากค่าใช้จ่ายในการเรียนการสอน และค่าครองชีพแล้ว นักศึกษาทุกคนจะต้องจ่ายเพิ่มอีก US$1,500 ในส่วนของประกันสุขภาพ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
อันดับที่ 9 : มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University)
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยแถวหน้าของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ติดอยู่ในอันดับ 9 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2014/15 มีชื่อเสียงมากในด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ จัดอยู่ในกลุ่มไอวีลีก (IVY LEAGUE)คือ กลุ่มมหาวิทยาลัยเอกชนในอเมริกาที่มีชื่อเสียงในเรื่องของคุณภาพการศึกษาดีเยี่ยม และเป็นที่ใฝฝันของเหล่านักเรียนนักศึกษาที่อยากจะเข้าไปศึกษาต่อ ประกอบด้วย 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ อาทิเช่น Brown University, Columbia University, Cornell University, Dartmouth College, Harvard University, University of Pennsylvania, Yale University และ Princeton University แม้ว่ามหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน จะไม่มีทุนการศึกษาใดๆ ให้กับนักศึกษา แต่ก็ยังมีในส่วนของเงินทุนกู้ยืม เพื่อช่วยนักศึกษาที่มีปัญหาทางเรื่องการเงิน และจัดหางานพิเศษให้ในบางกรณี อีกด้วย
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
อันดับที่ 10 : มหาวิทยาลัยเยล (Yale University)
มหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับที่ 3 ของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเมืองนิวเฮเวน รัฐคอนเนคติคัท หนึ่งในสมาชิกของไอวีลีก มีชื่อเสียงในหลักสูตรด้านการแสดงและดนตรี ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เข้ายากอีกหนึ่งแห่ง ในแต่ละปีจะมีการเปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนน้อยมาก อัตราส่วนนักเรียน 5 คน ต่ออาจารย์ 1 คน เท่านั้น ในเรื่องของงบประมาณและทุนการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยเยลมีงบประมาณการช่วยเหลือทางการเงินประมาณ 119 ล้านเหรียญสหรัฐ ในแต่ละปี ทำให้มีนักศึกษาจำนวน 64% ที่ได้รับทุนการศึกษา และยังมีบางส่วนที่เป็นทุนสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติโดยเฉพาะอีกด้วย
ค่าเล่าเรียนประจำปี 2014/15 :
ที่มา : topuniversities.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Internet
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ : campus.mgr2014@gmail.com