ขึ้นชื่อว่าโรงพยาบาลแล้ว ถือเป็นสถานที่ที่มีคนตายมากที่สุด และแน่นอนว่าพอมีคนตายก็ย่อมต้องมีวิญญาณ มีผี ซึ่งวันนี้ทางทีมงาน Toptenthailand ก็ได้รวบรวมเอา 10 เรื่องผี เรื่องหลอนทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลมาให้ทุกคนได้ขนหัวลุกไปพร้อมๆกัน!!
ทุกคนคงจะรู้ดีว่ากว่าจะได้มาเป็นหมอเนี่ย นักศึกษาแพทย์ทุกคนต้องผ่านการเข้าเวรดึกกันมาทั้งนั้น...วันนั้นเวลาประมาณ 4-5 ทุ่ม นักศึกษาแพทย์ชายคนนึงกำลังจะเดินเปลี่ยนวอร์ด บรรยากาศตามทางเดินไปยังลิฟต์ก็เงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งคนอยู่แถวนั้น แต่จู่ๆ พอเงยหน้าขึ้นมาไปยังทางเดินก็พบกับชายใส่ชุดสีกากี เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่มาส่งของ แต่พอเดินใกล้กันเข้าๆ กลับรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว พอมองไปที่ชายคนนั้นก็สังเกตเห็นว่าทั้งแขน ทั้งไหล และขาไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย!! จนเมื่อเดินสวนกันก็ถึงได้เห็นว่าชายคนนั้นไม่มีขา และกำลังลอยอยู่บนอากาศ!! พอเห็นอย่างนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปที่ลิฟต์ โดยก่อนลิฟต์จะปิดชายชุดกากีคนนั้นก็หันหน้ามาและยิ้ม แหยะๆให้
เรื่องนี้เคยเป็นข่าวที่ทำเอาคนอยุธยาไม่กล้าไปโรงพยาบาลกันพักใหญ่ เพราะใครๆ ก็พากันพูดถึงผีหัวขาดกันทั้งนั้น เรื่องมีอยู่ว่าชาวบ้านคนนึงได้ไปเฝ้าพี่สาวที่โรงพยาบาล ซึ่งได้พักอยู่ที่ห้องผู้ป่วยรวมทำให้ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน จากที่สังเกตก็ไม่ได้มีญาติคนไข้ที่เป็นผู้ชายเลย เวลาประมาณ 2 ทุ่ม เธอก็ได้ไปเข้าห้องน้ำ พอเปิดประตูเข้าไปก็พบกับผู้ชายใส่เสื้อสีชมพู ตัวสูง ซึ่งก็แปลกใจเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ชายมาเยี่ยมไข้ใครเลยแม้แต่คนเดียว จึงได้หันกลับไปมองดูที่เตียงทั้งหลาย แต่พอหันกลับมาก็ทำเอาตกใจแทบจะเป็นลม เพราะ เห็นชายคนเดิมยืนคู่กับหญิงสาวหัวขาด และมือขวาของชายคนดังกล่าวยังหิ้วหัวของหญิงสาวคนนั้นไว้ด้วย!! จึงรีบวิ่งเพื่อไปถามพยาบาล โดยพยาบาลก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจ แต่ตอบสั้นๆว่า “อ๋อ..มีคนเจอแบบนี้มาสองรายแล้วค่ะ”
เรื่องของสองพี่น้องลูกคุณหมอ ที่ได้ตามพอมาออกเวร ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลา 5 ทุ่มกว่าแล้ว ทั้งคู่ก็เบื่อกับการนั่งอยู่เฉยๆ เลยพากันออกมาเดินเล่นแถวๆนั้น ซึ่งหารู้ไม่ว่ามันคือ ห้องดับจิต!! พอเดินไปเดินมากลับหลงทางหาทางไปห้องของพ่อไม่ถูก จู่ๆ กลับมีผู้หญิงคนนึงใส่ชุดคนไข้เดินเข้ามา บอกว่าจะช่วยพาไปส่งให้ เพราะแถวนี้มันอันตรายผีเยอะ!! ทั้งคู่ก็เดินไปเรื่อยๆ จนสังเกตเห็นสายสิญจน์ผูกอยู่ที่ข้อมือแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร จนพามาส่งถึงที่ทั้งคู่จึงหันไปขอบคุณผู้ป่วยคนนั้น เธอได้บอกว่าเธอยินดีที่จะช่วย และเหงามาก ถ้าว่างๆ อยากให้ไปคุยเป็นเพื่อนเธอที่ห้อง 139 พอเธอเดินกลับไปทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในห้อง พยาบาลต่างมองทั้งคู่เป็นตาเดียว แล้วถามว่าเมื่อกี้คุยกับใคร ทำไมไม่เห็นจะมีใครอยู่ตรงนั้นเลย!? พอตอนเช้าจึงได้เล่าให้พ่อฟัง พ่อจึงพาไปที่ห้อง 139 แต่พอไปถึง พยาบาลกลับบอกว่า “คนไข้ห้องนี้เสียไปเมื่อ 2 วันที่แล้วค่ะ”
เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ได้มีเด็กวัยรุ่นพม่าผู้หญิงคนนึงมาคลอดลูกที่โรงพยาบาลนี้ ซึ่งทั้งแม่และลูกก็ปลอดภัยดี แต่ผ่านไป 1 วันก็มีคนพบศพเด็กถูกกดน้ำตายในห้องน้ำ พร้อมกับพม่าคนนั้นที่หายตัวไป...ซึ่งเรื่องราวสุดหลอนก็เกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะบรรดาแม่ๆทั้งหลายที่มาคลอดลูกที่นี่มักจะเจอดี ทั้งเจอผีเด็กมาดูดนมบ้าง มาร้องไห้ที่ข้างเตียงบ้าง พยาบาลเลยต้องหาวิธีแก้โดยเอาของเล่น และนมมาวางไว้ในห้องน้ำห้องนั้น ซึ่งนานๆที่ก็จะมีคนได้ยินเสียงหัวเราะบ้าง เสียงของเล่นบ้าง ทั้งๆที่ห้องน้ำนั้นไม่มีใครอยู่!!
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนกลางวันแสกๆ ที่หมอเดินเข้ามากำลังจะเข้าไปตรวจคนไข้ที่ห้องรวม พอเดินเข้ามาก็ต้องชะงักเล็กน้อยกับภาพที่เห็น คือมีญาติคนไข้มาเยี่ยม ซึ่งคนไข้คนนั้นนอนโรงพยาบาลมากว่า 1 เดือนแล้ว แต่ก็ไม่เคยมีญาติมาเยี่ยม พอเห็นอย่างนั้นหมอจึงได้แต่ยิ้ม และเดินไปตรวจเตียงอื่นๆ พอถึงคิวของคนไข้คนนั้นหมอได้พูดว่า “วันนี้ดีจังเลยนะมีคนมาเยี่ยมด้วย” คนไข้ได้แต่ทำหน้างง และบอกว่าก็ไม่มีใครมาหนิ พยาบาลแล้วนั้นก็งง กันเป็นแถบๆ เพราะยืนยันได้ว่าไม่มีใครมาขอเยี่ยม หมอจึงบอกว่าก็ผู้ชายคนนั้นไง ที่ใส่เสื้อสีฟ้า หน้าตาคล้ายๆคนไข้เลย คนไข้จึงนิ่งไปและบอกว่า นั่นอาจจะเป็นน้องชายของเค้าที่ตายไปแล้ว..ซึ่งตอนจะเผาก็ใส่เสื้อสีฟ้าแบบที่คุณหมอบอกเด๊ะๆ!!
เป็นเรื่องที่ผู้ช่วยแพทย์ชันสูตรศพเจอมากับตัว ซึ่งวันนั้นเป็นเวรดึกของแกที่ดันเป็นวันที่พายุเข้า ฝนตกหนัก จู่ๆ ก็มีเคสผู้หญิงผูกคอตายเข้ามา ตอนนั้นแกทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องรอหมอ ผ่านไป 1 ชม. หมอก็ยังไม่มา ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับไฟก็ดับ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของวันฝนตก ผ่านไปสักพักไฟของตึกอื่นก็เริ่มสว่างขึ้น แต่ตึกนิติเวชที่แกอยู่นั้นยังมืดสนิท ด้วยความเบื่อจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีเสียง ก๊อกๆ ดังขึ้น ตอนนั้นก็คิดว่าเป็นหมอ แต่พอไปเปิดกลับไม่เจอใคร เลยคิดว่าอาจจะเป็นพวกโจรมาขโมยศพรึเปล่า พอแกกำลังจะกลับไปนั่งที่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ดังมาก เหมือนเคาะมาจากห้องเก็บศพข้างๆ จึงตัดสินใจหยิบมีด และเดินไปที่ห้องเก็บศพ ขณะนั้นก็ได้ยินเสียง “ฮือ...ฮือ....” และเสียงกรี๊ดดังลั่นไปทั่วห้อง จึงรีบเปิดประตูเข้าไป พบผู้หญิงกำลังผู้คอตายอยู่เหนือที่วางศพ จึงรีบขึ้นไปตัดเชือกให้ แต่พอตัดเท่านั้นสิ่งที่ตกลงมากับไม่ใช่ร่างคน แต่เป็นหัว!! ที่กลิ้งไปตกอยู่ที่พื้น พอแกมองไปศพตากับหัวนั่น เธอก็พูดขึ้นว่า "พี่...ช่วย หนู ด้วย"
เรื่องของคนไข้เด็ก 2 คนที่นอนเตียงตรงข้ามกัน โดยทั้งคู่ต่างก็อยู่โรงพยาบาลมานานหลายเดือน จนมีเด็กคนหนึ่งเสียชีวิตไปก่อนด้วยโรคประจำตัว...หลังจากนั้นไม่กี่คืน ขณะที่หมอ 2 คนกำลังพยายามเจาะเลือดเด็กอีกคนที่ยังมีชีวิตอายุประมาณ 2 ขวบ เขาก็ได้พูดชื่อของเด็กที่เพิ่งตายไปออกมา พูดไม่หยุด หมอเรียก หมอห้ามยังไงก็ไม่ฟัง และขณะที่เรียกตาก็จ้องมองไปยังเตียงตรงกันข้ามที่ว่างเปล่านั้น และพยักหน้า ยิ้มแย้ม เหมือนกำลังพูดคุยกับใครอยู่ เล่นเอาหมอกับพยาบาลขนลุกซู่ เดินหนีไปทำใจเลยทีเดียว
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับชายคนนึง ที่ได้เข้าทำการผ่าตัด จึงทำให้ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งเค้าก็ได้ขอนอนที่ตึกใหม่ เพราะตึกเก่านั้นมีเรื่องเล่าเยอะมาก พอได้นอนที่ตึกใหม่ วันแรกก็ยังไม่เจออะไร แต่คืนที่สอง ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับไปก็ได้ยินเหมือนเสียงคนเดินเข้ามาหา ทั้งๆที่ยังไม่ได้เปิดประตูห้อง และพอลืมตาขึ้นก็สบสายตากับเด็กผู้หญิงคนนึงที่ตัวซีดเผือก ใส่ชุดโรงพยาบาล พร้อมกับมองมาที่เขาและพูดว่า “ออกไปนะ นี่ที่ของหนู” พร้อมกับปีนขึ้นเตียงมาจะนอนด้วย ตอนนั้นสติก็ไม่ค่อยมี เลยได้แต่บอกว่าขอนอนคืนนึงนะแล้วจะไป พอพูดจบร่างของเด็กน้อยคนนั้นก็จางหายไป...คืนเดียวกันนั้นทั้งๆที่หลับไปแล้วกลับได้ยินเสียงเด็กผู้ชายดังขึ้น “ซื้อพวงมาลัยมั้ยลุง” ตอนนั้นคิดว่าตัวเองฝัน เพราะโรงพยาบาลนั้นห้ามให้คนขึ้นมาขายของอยู่แล้ว แต่พอลืมตาขึ้น กลับเห็นเด็กชายคนยืนถือพวงมาลัยอยู่ ตัวเต็มไปด้วยเลือด และที่สำคัญขาทั้ง 2 ข้างหายไป!!
คนขับรถส่งต่อของโรงพยาบาลมีหน้าที่ขับรถส่งผู้ป่วยไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ซึ่งก็มักจะมีเรื่องหลอนๆ เกิดขึ้นเสมอ เหมือนกับครั้งนี้ ที่คนขับรถต้องไปส่งคนไข้ที่บาดเจ็บสาหัส โดยระยะทางค่อนข้างไกล พอไปถึงก็ส่งให้อีกโรงพยาบาลนึงดูแล ซึ่งเวลาผ่านไปประมาณเกือบ 1 ชม. คนขับรถก็ได้รับโทรศัพท์ว่าให้ไปรับศพของคนไข้คนเดิมกลับมา ตอนนั้นเค้าก็เพิ่งจะจอดรถได้ไม่นาน เลยสบถออกมาว่า “ทำไมรีบตายจังวะเนี่ย ตายพรุ่งนี้เช้าก็ไม่ได้” พอไปรับศพ ขากลับจู่ๆ ก็เห็นชายคนนึงเดินอยู่ข้างทาง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นก็เกือบจะตี 3 แล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอขับไปสัก 10 นาทีก็เห็นเหมือนชายคนเดิมเดินอยู่ข้างถนน ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดีเลยเหยียบคันเร่งเพราะอยากไปถึงไวๆ แต่ก็ต้องเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะข้างหน้าคือผู้ชายคนนั้น ที่ยืนชี้มาที่รถและพูดเสียงดังว่า “ด่า กู ทำ ไม!!” ตอนนั้นก็รู้แล้วว่านั่นคือคุณลุงที่นอนอยู่หลังรถ จึงรีบเหยียบคันเร่งหนี ระหว่างนั้นก็มีเสียงทุบ ตีดังอยู่ที่หลังรถตลอดทาง จนรถเกือบจะชน เค้าก็ได้ขอโทษสรรพสิ่งวิญญาณที่ได้ล่วงเกิน จนไม่เกิดเหตุร้ายขึ้น
นี่เป็นเรื่องของโรงพยาบาลร้างที่ว่ากันว่าปิดตัวลงเพราะความเฮี้ยน ขนาดกลางวันแสกยังมีคนเห็นรถเข็นคนไข้แล่นไปมาอยู่หน้าอาคาร บางวันหมาก็หอนกันอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งเรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้นกับคุณป้าคนนึงที่วันนั้นดันกลับบ้านดึกเลยเรียกแท็กซี่เข้าไปในซอย ซึ่งก็คือซอยเดียวกับโรงพยาบาลนั้นแหละ ขับไปพอใกล้จะถึงหน้าโรงพยาบาลแท็กซี่ก็หลบซ้ายกะทันหัน ป้าเลยถามว่าทำอะไรน่ะ!! แท็กซี่เลยบอกว่าก็มีรถพยาบาลตามหลังเกิดไฟขอทางเลยต้องแอบให้ ตอนนั้นป้าขนลุกซู่ เพราะไม่มีทางที่จะมีรถพยาบาลเข้ามาในนี้ เลยบอกว่านั่นมันรถผีสิง แท็กซี่กลัวมากเลยจอดให้ป้าลงตรงนั้น แกจึงต้องเดินเข้าไป พอเดินๆไปก็ได้ยินเสียงคนโหยหวนบ้าง ได้ยินเสียงร้องไห้บ้าง มองเข้าไปในโรงพยาบาลก็เห็นไฟเปิดอยู่!! ทำเอาแกตกใจจนหมดสติ ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เหมือนคนสติไม่เต็ม เดี๋ยวก็หัวเราะ เดี๋ยวก็ร้องไห้ พอผ่านไปสัก 3-4 วัน แกก็ผูกคอตายในห้องน้ำ...