รวบรวมภาพหางฟิล์มชุดวัดไทย
สวัสดีครับ ในเอนทรี่ก่อนๆผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับภาพหางฟิล์มไว้บ้างแล้ว นานๆจะได้ดูภาพย้อนยุคในอดีตกันบ้างก็ดีเหมือนกัน วันนี้เหลือภาพหางฟิล์มอยู่อีกชุดหนึ่งเป็นชุดที่ถ่ายมาจากวัดต่างๆ แม้จะเป็นวัดเดียวกันแต่ก็ถ่ายมาต่างวันต่างเวลากันครับ อารมณ์ของภาพ แนวคิดของภาพจึงดูแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพของแสงและแนวคิดในขณะที่ถ่ายภาพนั้นๆครับ ภาพชุดนี้เป็นภาพที่ถ่ายในยุคที่ยังมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพไม่มากนัก แต่ก็เริ่มเป็นจริงเป็นจังแล้ว คิดก่อนถ่ายทุกภาพแล้ว
ในยุคสมัยกล้องฟิล์ม หลังจากที่ถ่ายภาพในทริปหรือในงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จเรียบร้อย ถ้าบังเอิญยังถ่ายไม่หมดม้วน มีฟิล์มเหลืออยู่ในม้วน ไม่ว่าจะเหลือกี่รูปก็ตาม ครั้นจะส่งฟิล์มเข้าห้องแลบเพื่อล้าง-อัดภาพซะเลยก็ให้นึกเสียดายฟิล์มที่เหลือ ก็เลยถ่ายเล่นๆ หรือถ่ายอย่างตั้งใจเพื่อให้ฟิล์มหมดม้วนเสียก่อนจึงส่งเข้าห้องแลบ ภาพที่ถ่ายเพื่อให้หมดม้วนเหล่านี้ นักถ่ายภาพในยุคนั้นเรียกกันว่า “ภาพหางฟิล์ม” สองภาพแรกนี้ถ่ายที่ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
เช็คไฟล์ทั้งหมดในฮาร์ดดิสค์ เพื่อเอาไฟล์ที่ไม่จำเป็นต้องเก็บในฮาร์ดดิสค์ออกซะบ้าง จะได้มีที่ว่างมากขึ้น เพราะงานบางงานสำเร็จเสร็จส่งให้เจ้าของงานไปแล้ว จึงได้พบว่า มีภาพหางฟิล์มอยู่เยอะทีเดียว สองภาพนี้ถ่ายที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามเหมือนกัน แต่คนละวันกับสองภาพแรก
เมื่อถ่ายภาพในทริปในงานเสร็จเรียบร้อย ถ้ายังมีฟิล์มเหลือ นักถ่ายภาพหลายคน มักจะหาอะไรแถวๆบริเวณที่ออกทริปถ่ายเล่นซะให้หมดม้วน ผมมักจะพากันไปฝึกถ่ายภาพที่สวนสราญรมย์อยู่บ่อยๆ เรียนกันในสวน เพราะมีที่ให้นั่งกันสบายๆ ซึ่งสวนสราญรมย์นี้ก็อยู่ติดกันกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม
สามภาพหลังจากนี้ ก็ถ่ายที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามเหมือนกัน แต่คนละวันกับสี่ภาพแรก เวลาและสภาพแสงแตกต่างกัน การถ่ายภาพ บางทีก็ไม่ได้ภาพที่ดีตามต้องการภายในวันเดียว อาจต้องไปถ่ายซ้ำถ่ายแก้มือในวันต่อๆไปด้วย
ภาพหางฟิล์มนั้น โดยทั่วไปมักจะ เห็นอะไรก็ถ่าย เจออะไรก็ถ่าย ถ่ายเพื่อให้หมดม้วน เพราะจะต้องรีบนำฟิล์มไปล้างอัดขยายภาพ นำมาใช้งาน นำมาส่งให้เจ้าของงาน แต่ถ้าใส่ความคิดเข้าไปในภาพสักนิด รอจังหวะเวลาสักหน่อย อาจได้ภาพที่ดูดีกว่าภาพที่ถ่ายเพื่อดูแล้วทิ้ง
หรือบางทีก็ถ่ายอะไรก็ได้
ตามเส้นทางที่ผ่านไปให้มันหมดม้วน
ภาพนี้เห็นระหว่างทาง
ทุกวันนี้คนไม่นิยมใช้ฟิล์มกันแล้ว แต่ถ้านักถ่ายภาพท่านใดยังชอบที่จะถ่ายภาพด้วยฟิล์มอยู่ ก็ยังพอหาซื้อฟิล์มมาใช้ได้นะครับ แต่ก็มีน้อยแล้ว ห้องแลปที่จะบริการก็เหลือไม่กี่ที่แล้ว ราคาค่าบริการจึงค่อนข้างแพง ภาพหางฟิล์มเหล่านี้ ส่วนใหญ่จึงมักจะถูกลืม หรือไม่ได้ถูกหยิบไปใช้งาน
ภาพหางฟิล์มเหล่านี้
มีเนื้อหาไม่ตรงกันกับทริปหรืองานที่ทำอยู่
จึงมักจะถูกทิ้งถูกลืมเสียเป็นส่วนใหญ่
ในยุคนี้ การถ่ายภาพด้วยฟิล์มเริ่มหายไป กล้องฟิล์มถูกพัฒนา กลายมาเป็นกล้องดิจิตอลที่ไม่จำเป็นต้องใช้ฟิล์มอีกต่อไป สี่ภาพต่อไปนี้เป็นภาพที่ถ่ายที่วัดโพ ท่าเตียนเป็นช่วงต้นๆที่ผมใช้กล้องเป็นรอยต่อของยุคฟิล์มกับยุคดิจิตอล
ในขณะที่ยังเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฟิล์มกับดิจิตอลอยู่นั้น มีนักถ่ายภาพบางคนที่ต้องถ่ายภาพทั้งสองวิธี
ในงานบางงาน จึงยังมีภาพหางฟิล์มอยู่ เพราะบางอย่างที่ยังไม่แน่ใจ ก็ตัดสินใจถ่ายด้วยฟิล์มไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักประกันให้มั่นใจว่าจะได้งานไว้ก่อน
ภาพที่ถ่ายในขณะที่ยังเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฟิล์มกับดิจิตอลจะอยู่ในช่วงประมาณปี 2540 – ปี 2544 ภาพที่ถ่ายด้วยฟิล์ม เมื่อล้างฟิล์มด้วยวิธีการทางเคมีแล้ว ก็สามารถปริ้นท์ภาพออกมาใช้งานได้ และเมื่อต้องการใช้งานแบบไฟล์ดิจิตอล ฟิล์มจะถูกแปลงให้กลายมาเป็นไฟล์ดิจิตอล โดยการใช้เครื่องสแกนฟิล์ม ซึ่งบางทียังสับสนกับความรู้ใหม่ทางดิจิตอล ต้องมานั่งศึกษาเอาใหม่ ซึ่งมันค่อนข้างสับสนจริงๆเพราะเราไม่เคยจับคอมพ์มาเลยในระหว่างที่อยู่ในโรงเรียน อาศัยลูกสอนให้เล่นคอมพ์ เล่นเกมส์ สอนวิธีเปิด วิธีคลิก สำหรับวิธีตบแต่งภาพ ปรับภาพต้องศึกษาเอาเอง ลูกๆไม่สอนให้ สามภาพต่อไปนี้ถ่ายมาจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ข้อมูลเก่าๆค้นไม่เจอแล้ว มีข้อมูลแค่เพียงถ่ายไว้เมื่อปี 2547
แล้วในที่สุด ฟิล์มก็ถูกลดบทบาทลงไปจนหมด ทุกวันนี้กลายมาเป็นการถ่ายภาพระบบดิจิตอลเต็มรูปแบบมากขึ้น แต่ก็ยังมีภาพหางฟิล์มให้ได้เห็นกันอยู่
กล้องถ่ายภาพถูกพัฒนาให้ตอบสนองงานถ่ายภาพที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น การถ่ายภาพแสนง่าย และสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แล้วในยุคดิจิตอลมีภาพหางฟิล์มได้ไง คือผมอยากเรียกเองนั่นละครับ อาศัยเอาลักษณะที่คล้ายกัน แบบว่าถ่ายภาพในทริป แต่ก็มีภาพแนวอื่นปะปนอยู่ในไฟล์
มาชมภาพที่วัดสุทัศนเทพวรารามกันบ้าง เป็นภาพตุ๊กตาจีนทั้งสามภาพ ภาพแรกนี่หน้าแตก คงต้องรอช่างฝีมือดีนำปูนที่ผสมให้เนียนอย่างเดิมมาปะซ่อมแซม
....ภาพนี้มองดูเหมือนตุ๊กตาจีนกำลังชำเลืองมองไปทางพระภิกษุ ชุดนี้ถ่ายในปี 2550 เป็นภาพหางฟิล์มในยุคดิจิตอล ที่ผมอยากเรียกเองละครับ โดยอาศัยลักษณะที่คล้ายกัน คือถ่ายภาพในทริป แต่ก็มีภาพแนวอื่นปะปนอยู่ในไฟล์ ภาพที่ปนอยู่ในไฟล์ของทริปนั้นแทบจะไม่ได้ถูกนำมาใช้งานเลย
เมื่อเวลาผ่านไป สภาพแสงเปลี่ยนไป ทิศทางของแสงเปลี่ยน มุมมองถูกเปลี่ยนไป ตุ๊กตาจีนตัวเดิมนี้ก็ให้อารมณ์และความหมายในภาพไม่เหมือนเดิมไปซะแล้ว บางทีการเดินวนไปรอบๆวัตถุ ก็ช่วยให้เราได้ค้นหามุมมองแปลกใหม่ได้เสมอ
บางทีเราอาจเดินทางผ่านไปเจอะเจอบางสิ่งสะดุดตา ก็อาจถ่ายภาพมาปนอยู่ในทริปนั้นด้วย และส่วนใหญ่ก็จะถูกลืม หรือเกือบถูกลืม
บางทีก็ถ่ายภาพที่เห็นนั้นเก็บมาด้วย ผลสุดท้ายภาพหางฟิล์มเหล่านี้ก็จะแปรสภาพเป็นขยะอยู่ในฮาร์ดดิสค์ เนื่องจาก เป็นภาพที่แตกต่างนอกเหนือจากงาน ไม่ได้ถูกจัดส่งไปให้กับผู้เป็นเจ้าของงาน เมื่อสะสมกันหลายภาพเข้า ก็กินเนื้อที่ในฮาร์ดดิสค์ไปไม่น้อยทีเดียว ตอนนี้จึงมาแปรสภาพขยะ ให้กลายมาเป็น “ภาพหางฟิล์ม”
ต่อมาในระยะหลังๆ เริ่มมีน้องๆนศ.มาสอบถามมาขอเรียนรู้เทคนิคการตบแต่งภาพด้วยโปรแกรมโฟโตชอพ จึงได้มีโอกาสหยิบเอาภาพหางฟิล์มบางส่วน มาเป็นภาพตัวอย่างต้นแบบในการตบแต่งภาพ ภาพในชุดต่อไปนี้ ดือภาพหางฟิล์มที่นำมาตบแต่งเพื่อใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนโฟโตชอพครับ
ภาพตุ๊กตาหินที่ชำรุด
ถูกตั้งรวมกันไว้
คงจะรอการซ่อมแซม
ภาพหางฟิล์มที่จับเอา
ไฮไลท์ลวดลายที่สวยงาม
มาตบแต่งด้วยโปรแกรมตบแต่งภาพ
สุดท้าย...ภาพหางฟิล์มที่จับเอา
ไฮไลท์ลวดลายที่สวยงามซ้ำซ้อน
มาตบแต่งด้วยโปรแกรมตบแต่งภาพ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาให้กำลังใจกัน
และขอขอบคุณพื้นที่ดีดีของ OkNATION.NET
ที่ให้พื้นที่แบ่งปันความสุขครับ