บนโลกเราเนี่ยยังมีอีกหลายคำถามที่ยังไม่มีใครตอบได้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ยังหาสาเหตุ ที่มาที่ไปไม่ได้ ซึ่งบางทีมันก็ยากเกินกว่าที่จะหาคำตอบนั้น..วันนี้ทางทีมงาน Toptenthailand จึงได้นำเอา 10 เหตุการณ์ที่ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบให้กับมันได้ว่าใคร หรืออะไรเป็นคนทำ มาให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายลองมาตัดสินดูซิว่ามันคืออะไรกันแน่!!!

เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเวน ประเทศออสเตรเลีย ที่เชื่อว่าถูกคุกคามโดยสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะพวกเค้ามักจะได้ยินเสียงหินปากระทบพนังบ้านอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งหน้าต่าง ข้าวของในบ้านแตกเสียหาย ซึ่งถึงแม้จะมีตำรวจมาคอยสำรวจอยู่รอบๆบ้านก็ยังไม่เห็นใคร หรืออะไรที่จะสามารถทำอย่างนั้นได้!! จนมินนี่ลูกสาววัย 12 ได้ออกมาสารภาพว่าเธอเป็นคนปาหินเล่นกับเพื่อนของเธอนั่นเอง..แต่คำถามคือเพื่อนของเธอคือใครกัน เพราะละแวกนั้นไม่มีเด็ก หรือใครอาศัยอยู่ หรือเป็นเพื่อนกับเธอเลย ทางบ้านทนไม่ไหวจนต้องย้ายเธอออกไปอยู่กับยาย แต่เรื่องก็ยังไม่จบ เพราะที่บ้านของยายเธอก็เกิดเหตุเดียวกันขึ้น!! จนเวลาผ่านไปเรื่องประหลาดนี้ก็หายไป ปัจจุบันเมื่อมีคนถามถึงเพื่อนในอดีตของเธอ เธอก็ตอบแค่ว่าเธอไม่รู้เรื่อง...

 

ที่แอตแลนต้า จอร์เจีย ได้มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับสองสามีภรรยาที่มีอายุเกือบจะ 80 ปีแล้ว ซึ่งทั้งสองอาศัยอยู่ในบ้านกัน 2 คนกับสัตว์เลี้ยงอีก 1 ตัว แต่วันหนึ่งภรรยาก็ดันพบเลือดหยดอยู่ตามพื้นห้องน้ำ จึงตามสามีมาช่วยกันหาที่มาของเลือดนั้น ค้นไปค้นมาก็พบว่าเลือดมีอยู่เต็มบ้านไปหมดทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องใต้ดิน รวมไปถึงที่ที่คนไม่น่าจะเข้าไปอยู่ได้ นั่นก็คือ ใต้พื้นโทรทัศน์!! ซึ่งก็ทำเอาทั้งคู่ตกใจไม่น้อยจึงได้เรียกตำรวจมา ซึ่งหลังจากนำเลือดไปตรวจก็พบว่าเป็นเลือดมนุษย์กรุ๊ป O ซึ่งทั้ง 2 สามีภรรยามีเลือดกรุ๊ป A!! ทำให้ทุกคนต่างพากันสงสัยว่านี่คือเลือดของใครกันแน่

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นราวๆปี 1936 ที่วันหนึ่งตำรวจก็พบศพของนายเปปี ใต้สะพาน ซึ่งการชันสูตรออกมาว่าเค้าฆ่าตัวตายด้วยการโดดสะพานสูงกว่า 13 เมตร จนศีรษะกระแทกกับก้อนหินและจมอยู่ในน้ำตื้น ซึ่งทางครอบครัวก็คัดค้านอย่างหนัก เพราะไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลใดที่ลูกชายของเค้าจะฆ่าตัวตาย..3 ปีต่อมา มาเรีย วัยรุ่นสาวคนนึงได้เดินผ่านสะพานนี้และจู่ๆก็เป็นลมล้มพับลงไป ตำรวจจึงพาเธอไปส่งที่บ้าน เมื่อตื่นขึ้นมาทุกคนก็ต้องตกใจ เพราะเธอมีเสียงที่เหมือนผู้ชายและบอกว่าตัวเองคือ “เปปี” ทั้งยังแสดงกิริยาที่ไม่เคยทำ ทั้งสูบบุหรี่ ดื่มไวน์ จนทุกคนพากันเชื่อ และได้ไปตามแม่ของเปปีมาตามคำขอของเค้า เมื่อแม่มาถึงก็แทบจะช็อค เพราะเสียงนั้นเหมือนเสียงของลูกชายเธอมาก เค้าบอกกับเธอว่าเค้าไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกเพื่อนฆาตกรรม!! พอพูดเสร็จก็ได้หมดสติไป จนตื่นขึ้นมาอีกที มาเรียก็จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...9 ปีต่อมา เพื่อนของ “เปปี” ได้ส่งจดหมายมาเพื่อบอกว่าตนเป็นคนฆ่าเขาเอง..

 

เอเลอนอร์ ซูกัน เป็นเด็กหญิงอายุ 12 จากโรมาเนีย ที่วันนึงในปี 1913 ก็ได้เกิดเหตุการณ์น่ากลัวขึ้น เมื่อเธอไปเยี่ยมยายในกระท่อม จู่ๆหิน และพวกโครงสร้างบ้านต่างๆก็หล่นลงมากระแทกตัวเธอ หมุด เข็มและมีดต่างก็บินเข้ามาปักที่แขนของเธอ!! ซึ่งทำเอาทุกคนเชื่อว่ามีปีศาจร้ายสิงร่างเธออยู่ จึงส่งเธอไปทำพิธีไล่ผีแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร นักบวชจึงได้ส่งเธอไปที่โรงพยาบาลบ้า ทางนักวิจัยก็ต่างพากันบอกว่ามันคือปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติชัดๆ จนอายุ 13 เรื่องพวกนี้ก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดมีคนเห็นเงาดำๆเคลื่อนไหวๆอยู่ใกล้ๆเธอ บางครั้งคนรอบข้างเธอก็ต้องเจ็บตัวไปด้วยจากพลังลึกลับนั่น ทุกคนจึงได้ส่งเธอไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการที่ลอนดอน หลังจากนั้นเรื่องแปลกๆก็ค่อยลดลง จนอายุ 14 เธอก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนคนอื่น

 

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1925 นายฟรอสต์ได้สั่งซื้อถ่านเพื่อนำมาใส่เตาผิงมาจำนวนหนึ่ง เมื่อถ่าน(ผี)นี้ถูกนำมาส่ง เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น เพราะเมื่อนำถ่านนี้ไปเผาในตะแกงก็เกิดการระเบิด ทำให้มันกระโดดออกมาจากเตาและกลิ้งไปรอบๆบ้าน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก เค้าจึงได้นำเอามันไปทิ้งในสวน แต่คืนต่อมามันก็โผล่เข้ามาในบ้านโดยที่ไม่มีใครนำมันเข้ามา!! ทำให้พวกเค้าเชื่อว่ามันต้องมีผีสิงอยู่แน่ๆ หลังจากนั้นเหตุการณ์แปลกๆก็เกิดขึ้นในบ้านไม่หยุดไม่หย่อน ทั้งข้าวของขยับเอง มีดบินข้ามห้อง จนทำเอาคนในบ้านประสาทเสียและเสียชีวิตไปตามๆกัน ซึ่งคนสุดท้ายที่รอดชีวิตก็ถูกส่งไปที่โรงพยาบาลบ้า!! ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนั้น

 

ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในโอเดน อินเดียน่า วิลเลียม หลังจากที่รับประทานอาหารเช้ากันเสร็จทั้งครอบครัวก็พากับไปที่ยุ้งฉางข้าว แต่ทันใดนั้นก็เหมือนจะได้กลิ่นควัน จึงพากันรีบวิ่งกลับบ้านและพบว่าไฟไหม้ที่ผนังของห้องนอน ทั้งๆที่บ้านก็ไม่ได้มีไฟฟ้า และไม่ได้จุดไฟไว้!! แต่ทุกคนก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และเรียกคนมาดับเพลิง แต่มันยังไม่จบเท่านั้น เพราะหลังจากนั้น 28 วัน ก็เกิดไฟไหม้ที่บ้านหลังนี้ติดๆกัน จนครอบครัวนี้ทนไม่ไหวรื้นบ้านนี้ทิ้งทั้งหลัง และทำการสร้างใหม่ และนับจากวันนั้นก็ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ขึ้นอีกเลย..

 

เรื่องนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องผีก็ไม่เชิง เพราะไม่มีใครสามารถตรวจสอบได้ เรื่องเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการวิทยุ ที่ได้ยินสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเด็กผู้ชายที่บอกว่าตัวเองชื่อ “แลร์รี่” และตอนนี้เค้ากำลังติดอยู่ในรถกระบะกับพ่อของเค้าซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อนั้นมีชีวิตอยู่หรือไม่..โดยเค้าเล่าว่าทั้งคู่ได้ออกไปล่าสัตว์ด้วยกัน แต่รถดันเกิดพลิกคว่ำ ทำให้ออกมาจากรถไม่ได้ ทั้งยังไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร และก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน!! ผู้ประกอบการวิทยุจึงได้ติดต่อตำรวจเพื่อทำการค้นหา 2 พ่อลูกอย่างเต็มกำลังซึ่งก็ไม่พบ โดยใช้เวลาทั้งหมด 6 วันเพื่อค้นหาและนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่สามารถติดต่อกับแลร์รี่ได้ เลยกลายมาเป็นปริศนาอยู่ว่ามันคือเรื่องล้อเล่น หรือเรื่องจริงกันแน่!!

 

เรื่องนี้เริ่มเกิดขึ้นในปี 1927 ในนิวเจอร์ซีย์ ที่จู่ๆรถของนายอัลเบิร์ต วูดดัฟฟ์และอีกหลายๆคน ก็กระจกแตกกระจาย เท่าที่ดูมันเหมือนมีคนยิงกระสุนผ่านไป ที่แปลกคือกลับไม่มีร่องรอยของกระสุน หรือปลอกกระสุนอยู่บริเวณนั้นเลย ทั้งยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิง ยิงมาจากที่ไหน และยิงไปเพื่ออะไร หลังจากนั้นมือปืนลึกลับนี้ก็ยิงกระจกรถคันอื่นไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเสียชีวิต...แต่ที่น่าสงสัยคือ มีคนลอกว่าได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ากลัวของชายคนนึงดังขึ้นบริเวณที่เกิดเหตุ!! จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ปีเรื่องนี้ก็ได้ยุติลง โดยที่ไม่สามารถจับใครได้ จนทำเอาหลายคนเชื่อว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของคน

 

เป็นเรื่องของ 2 ครอบครัวที่ย้ายเข้าบ้านหรูโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสมัยก่อนที่นี่เคยเป็นสุสานมาก่อน จึงไม่แปลกที่จะมีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้น โดยครอบครัวฮาเน่ห์ที่พยายามจะขุดสระว่ายน้ำ แต่ขุดไปขุดมาดันพบศพซะงั้น!! โดยหลังจากเจอศพนั้นครอบครัวของเค้าก็พบแต่ความล้มเหลว ทั้งกิจการที่ล้มละลาย รวมไปถึงเสียงแปลกๆ และสิ่งของที่เคลื่อนย้ายเอง ส่วนครอบครัววิลเลี่ยมส์ก็พยายามจะปลูกต้นไม้ในที่ดินแห่งนั้น ทุกอย่างที่พยายามจะปลูกก็จะตายลงอย่างไม่น่าเชื่อ จนครอบครัวนี้พยายามที่จะท้าพิสูจน์ โดยการขุดดูรอบๆบ้าน แต่สุดท้ายลูกสาวของเค้าก็ป่วยและหัวใจวายเสียชีวิตในสองวันต่อมา

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โด่งดังมาในปี 1950 ที่แจ็กเกอลีน เด็กสาวอายุ 18 ปี ถูกคุกคามโดยสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาติ!! เธอเริ่มได้ยินเสียงนี้ตอนที่เธอนอนอยู่ในห้อง ตอนแรกนึกว่าจะมีคนซ่อนอย่ในพุ่มไม้ แต่หายังไงก็หาไม่พบ ซึ่งนานๆเข้าเสียงผิวปากนั้นก็กลายมาเป็นการผิวปากเพลงไว้อาลัยงานศพ..เรื่องนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดเคยโทรศัพท์มาขู่ว่าจะฆ่าเธอทิ้งซะถ้าเธอแต่งงาน ซึ่งมีอยู่หลายครั้งที่เสียงผิวปากและเสียงครางนั้นไม่ใช่เธอคนเดียวที่ได้ยิน แต่ยิ่งพยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ สุดท้ายทางนายอำเภอก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่เธอคิดขึ้นมาเอง ซึ่งหลังจากที่เธอแต่งงานไปแล้วเธอก็ไม่ได้ยินเสียงผิวปากปริศนานี้อีกเลย..