นิตยสาร ดิ อิคอนอมิสต์ (The Economist) ตีพิมพ์เล่มนิตยสารใหม่ ภายใต้ชื่อ “The World in 2015” (โลกในปี 2015) ที่มาพร้อมกับภาพปกดีไซน์สุดประหลาด อันประกอบไปด้วย “เมฆรูปเห็ด- ฉายาเรียกควันระเบิดนิวเคลียร์ที่ใช้ถล่มเกาะฮิโรชิม่า และนางาซากิสะเทือนโลกเมื่อยุคสงครามเย็น- หรือ กระดานเกมที่มีชื่อว่า “Panic” (ตื่นตระหนก) อันปรากฏชื่อของผู้ร่วมเล่น อย่าง “สหภาพ VS จีน” เป็นต้น …
โดยปกติ ผู้เขียนจะอุทิศตนในการเขียนบทความทั้งดุ้นให้กับการวิเคราะห์ที่มาที่ไปของ สำนักพิมพ์ แต่นี่ไม่ใช่สำนักพิมพ์ที่ไหน นี่คือ ดิ อิคอนอมิสต์ และใครๆ ก็รู้ว่า นิตยสารชื่อนี้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับกลุ่มคนชั้นสูงของโลกนี้ (the world elite)
เดอะ อิคอนอมิสต์ มีหุ้นส่วนร่วมกับ เครือข่ายครอบครัวร๊อตไชด์แห่งอังกฤษ (Rothschild family) ตระกูลร่ำรวยควบคุมการคลังโลก ผู้เป็นเจ้าของตลาดค้าทองคำลอนดอน ปล่อยและทำกำไรจากเงินกู้ในสงครามเกือบทั้งหมดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ฯลฯ และมีหัวหน้ากองบรรณาธิการคือ นาย จอห์น มิกเกิลท์เวท ผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม Bilderberg หรือ การประชุมลับประจำปี ที่จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 1954 เพื่อการปรึกษาหารือ อย่างเป็นส่วนตัวระหว่าง 120- 150 ผู้นำทางการเมือง และผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรม, ด้านการเงิน, ด้านวิชาการ และด้านสื่อระดับสากล อันมีจุดประสงค์ เพื่อระดมความคิดวางนโยบายให้แก่โลก โดย 2 ใน 3 ของผู้เข้าร่วมประชุมจะมาจาก ยุโรป และที่เหลือจะมาจากอเมริกาเหนือ และ 1 ใน 3 จะเป็นนักการเมืองและรัฐบาล ส่วนที่เหลือจะเป็นผู้เชี่ยวชาญจากด้าน อื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่า ผลการประชุมของพวกเขาย่อมถูกปิดเป็นความลับ ดังนั้นจึงไม่ผิดที่จะกล่าวว่า คนของนิตยสาร The Economist ย่อมรู้เห็นถึงสิ่งที่คนส่วนมากไม่รับรู้ ด้วยเหตุนี้เอง ดีไซน์แปลกๆ อันเกี่ยวข้องกับ“การทำนายโลกในปี 2015” ที่เผยอยู่บนปกนิตยสารดังกล่าวนี้ จึงค่อนข้างที่จะน่าสนใจอยู่ไม่มากก็น้อย
ปกนิตยสารที่ดูน่าขนลุกขน พองนี้ ประกอบไปด้วยภาพนักการเมืองผู้มีชื่อเสียงมากมาย และ ภาพการ์ตูนที่บ่งบอกคาเร็กเตอร์ต่างๆ รวมไปถึงไอคอนที่มีชื่อเสียงต่างๆ ที่เชื่อกันว่า จะเป็นข่าวดังระดับโลกอย่างแน่นอนในปี 2015 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ภาพปกนี้ ได้รวมภาพวาดต่างๆ ที่แสดงให้เห็นอย่างสุดโต่งถึงสัญลักษณ์อันส่อความหมายบางอย่าง นัยว่าเป็นองค์ประกอบหนึ่งในแผนการคุมโลกของพวกคนชั้นสูงเหล่านั้น และนี่คือภาพปกดังกล่าว:
เมื่อลองมองดูแวบแรก แน่นอนเราจะเห็น ภาพนักการเมืองชั้นสูงมากมาย อย่างโอบาม่า และปูติน หรือจะเป็น ภาพของไอ้มนุษย์แมงมุม จากภาพยนตร์ สไปเดอร์แมนภาคใหม่ แต่เมื่อมองอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เราจะพบเห็น องค์ประกอบอื่นๆ ที่ค่อนข้างจะรกหูรกตา แถมยังมีมากเกินไปอีกด้วย เช่น:
Two-Faced Globe (ภาพโลก 2 หน้า)
ตาม ที่มองเห็นได้ คือ สายตาของใบหน้าข้างหนึ่งของโลกจะมีความเยือกเย็น และเพ่งไปทางทิศตะวันตก ขณะที่ใบหน้าอีกข้างหนึ่ง มีลักษณะหน้าตาฉุนเฉียว แสดงอาการ โกรธเป็นฟืนไฟ – หรือนี่จะเป็นสัญลักษณ์อันชี้ให้เห็นว่า จะเกิด การเผชิญหน้ากัน ระหว่าง ตะวันออก กับ ตะวันตก? กระนั้น ภาพปกนี้ก็ยังประกอบไปด้วยสัญลักษณ์อื่นๆ อีก ที่พาดพิงไปถึง “การลุกขึ้นของตะวันออก” ทว่าสิ่งที่น่าขบคิดที่สุด เห็นจะเป็นภาพ เมฆรูปเห็ด ที่ตั้งอยู่อย่างพอดิบพอดีใต้รูปโลกหน้าโกรธ รวมไปถึงภาพ ดาวเทียมสอดแนมที่กำลังถูกปล่อยขึ้นไปสู่ชั้นอวกาศด้วย
ดาวเทียมสอดแนม กับ สงครามนิวเคลียร์
The Color of the Faces (สีของใบหน้าบุคคลต่างๆ)
เมื่อ เราลองมองดูใกล้ๆ เราจะเห็นหน้าตาของบุคคลสำคัญต่างๆของโลก ปรากฏอยู่บนภาพปกนิตยสาร เดอะ อิคอนอมิสต์ ฉบับนี้ ซึ่งภาพของบางคนจากพวกเขา ถูกกำหนดให้มีสีสัน ในขณะที่อีกบางคนจะอยู่ในรูปของภาพขาว-ดำ … ทำไมหรือ?
จาก หมู่ของผู้ที่อยู่ในรูปของภาพขาว-ดำ ได้แก่ ปูติน, เมอเคล, โอบาม่า, ฮิลารี่ คลินตัน เดวิดคาเมรอน ฯลฯ ส่วนผู้ที่อยู่ในรูปสี มี เดวิด เบลน, เด็กหนุ่มสวมหมวกแก็ปที่ถือป้ายเบนเนอร์คำว่า “สิงคโปร์” (สิงคโปร์คือ เจ้าภาพซีเกมส์ประจำปี 2015) จากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างคร่าวๆ เราจะเห็นได้ว่า ผู้ที่อยู่ในรูปขาว-ดำ ก็คือสมาชิกส่วนหนึ่งจากสมาคมของกลุ่มคนชั้นสูง (ตรงนี้รวมไปถึง นักรบ ISIS ที่เป็นไปได้ว่า กำลังทำงานให้กับพวกเขา) ส่วนพวกที่อยู่ในรูปสีก็คือ “คนนอก” หรือนี่คือการมองโลกในมุมของพวกคนชั้นสูง?
Pied Piper (ไพด์ ไพเพอร์)
การ ปรากฏตัวของ ไพด์ ไพเพอร์ (Pied Piper) ตัวละครหนึ่งในนิทานปรัมปรา และในบทกลอนเก่าแก่ของเยอรมัน โดย โรเบิร์ต บราวนิง ทำให้ธีมของปกนิตยสารฉบับนี้ดูซับซ้อนขึ้นอย่างสิ้นเชิง ไพด์ ไพเพอร์แห่ง ฮามาลิน เป็นชายคนหนึ่งที่ใช้เครื่องดนตรีฟลุท หรือขลุ่ยวิเศษของเขา เป่าทำนอง หลอกล่อให้เด็กๆแห่งเมือง ฮามาลิน ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง และหายสาบสูญไปตลอดกาล
ภาพไพด์ เพเพอ กำลังเป่าขลุ่ยวิเศษของเขา หลอกล่อเด็กๆแห่งเมือง ฮามาลิน
ว่า กันว่า ตัวละครในนิทานปรัมปราจากยุคกลางนี้ เป็นตัวแทนของ มัจจุราชที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก ด้วยโรคระบาดหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ บ้างก็ว่า เป็น สัญลักษณ์ของการเคลื่อนไหวเพื่ออพยพผู้คนจำนวนมาก ซึ่งมันค่อนข้างจะเหมาะเจาะที่จะชี้ว่า ตัวละครนี้ กำลังฉายให้เราเห็นภาพ เยาวชนในปัจจุบัน ที่กำลังถูกหลอกล่อด้วยบทเพลงต่างๆ จากสื่อมวลชน ตามที่เราเห็นได้จากภาพปก คือจะ มีเด็กผู้ชายตัวน้อยคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ใต้ขลุ่ยของไพด์ ไพเพอร์อย่างพอดิบพอดี
Clueless Boy (เด็กชาย ผู้ไร้เดียงสา)
ตาม ที่กล่าวไว้ ข้างใต้ภาพ ไพด์ ไพเพอร์ เราจะเห็นเด็กชายคนหนึ่ง ที่มีลักษณะหน้าตาแสดงความงงงวยเป็นอย่างมาก กำลังยืนมองดูเกม ที่ถูกเรียกว่า “Panic” หรือ ตื่นตระหนก ซึ่งบนกระดานเกมปรากฏคำว่า “Federal Reserve” หรือ สหภาพ และ “Chi” ที่น่าจะมาจาก China หรือ จีน อยู่ตรงส่วนบน ขณะที่มีคำว่า “Green light!” หรือ ไฟเขียว และ SIS ที่น่าจะมาจาก ISIS หรือไม่ก็ Crisis ที่แปลว่า วิกฤตกาล อยู่ตรงส่วนล่าง เด็กน้อยกำลังยืนดูกระดานเกมชิงไหวพริบนี้อย่างงงงวย เหมือนกับที่ มวลชนตาดำๆ มากมายกำลังมองดูสถานการณ์มากมายที่ถูกเผยแพร่จากสื่อมวลชนอย่างไร้เดียงสา และตามชื่อของเกมนี้ ก็ได้แสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วเป้าหมายของมันคือการทำให้โลกทั้งใบปั่นป่วน หรือตื่นตระหนกด้วยวิกฤตการณ์มากมาย ที่ถูกสุ่มให้เกิดขึ้นโดยผู้ที่ควบคุมเกมนี้นี่เอง- และนี่คือสิ่งที่ปรากฏอยู่บนปกนิตยสารที่ตระกูล ร็อตไซด์เป็นเจ้าของกิจการ
Crop-O-Dust
ข้าง หน้าของปูติน มีรูปเครื่องบินเล็กๆลำหนึ่ง ซึ่งบนลำตัวของมันมีคำเขียนว่า Crop-O-Dust ที่อ้างอิงไปถึงคอนเซป crop dusting หรือก็คือ “กรรมวิธี พ่นยายาฆ่าแมลงต่างๆบนไร่ธัญพืชด้วยเครื่องบิน” ซึ่งตามภาพเราจะเห็น เด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ ภายใต้ภาพเครื่องบินลำนั้นอย่างน่าพิศวง
เด็ก คนนี้กำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชามโต อยู่ใต้เครื่องบิน crop-o-dust – หรือจริงๆแล้ว เขากำลังบริโภค ยาพิษที่ถูกพ่นผ่านเครื่องบินลำนั้น?
China (จีน)
หมี แพนด้าสวมใส่กางเกงสปีโด ลายธงชาติจีน ในท่าเบ่งกล้าม แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ภาพนี้กำลังพูดถึงบทบาทความจริงที่ว่า จีนกำลังรวบรวมอำนาจอยู่ในขณะนี้ และข้างๆของหมีแพนด้า ก็คือ นักมวยปล้ำซูโม่ ที่กำลังถือถ่านไฟฉายขนาดใหญ่ อันที่ระบุสัญลักษณ์ขั้วบวก-ลบ ชัดเจน – หรือเหล่านี้คือการเปรียบเปรยว่า ความเป็นที่นิยมของชาติมหาอำนาจกำลังจะถูกสับเปลี่ยนจาก ชาติตะวันตก มาเป็นชาติตะวันออก?
Ghost (ผี)
โผล่ มาจากทางด้านหลังขาของโอบาม่า คือ ผีตนหนึ่งกำลังอ่านแม็กกาซีน ที่มีชื่อว่า “Holiday” (วันหยุด) – ทำไมผีตนนี้ หรือแน่นอน คือสัญลักษณ์ของคนที่ตายไปแล้ว ถึงคิดแผนการไปเที่ยววันหยุด? หรือภาพนี่กำลังแสดงให้เห็นถึงความจริงที่ว่า มวลชนจะเผชิญกับวิกฤตความยากลำบาก ขนาดที่ว่า เวลาเดียวที่พวกเขาจะมีโอกาสหยุดงาน คือตอนที่พวกเขาได้ตายจากไปแล้วเท่านั้น? – หรือนี้จะเกี่ยวพันกับผู้คนนับไม่ถ้วนที่ต้องจบชีวิตลงจากการเดินทาง (ทางอากาศ) ผ่านมาในปี 2014…
Turtle (เต่า)
ยืน อยู่เบื้องหน้าของทุกๆอย่าง ด้วยสายตาเพ่งตรงเข้ากระชากวิญญาณผู้อ่าน คือเต่า ตัวที่มีเส้นกำกับรอบๆ เน้นตัวมันอยู่- มันมีความหมายว่าอย่างไร?
ตาม ที่ทราบกันว่า “เต่าดุ” คือ สัญลักษณ์ ของสมาคมเฟเบียน สมาคมสังคมนิยม มหาอำนาจสุดโต่ง ในอังกฤษ มีประวัติการทำงานช้านานมากว่า ศตวรรษ ด้วยกับจุดประสงค์หลักคือ เพื่อก่อตั้ง รัฐบาลหนึ่งเดียวของโลกใบนี้
คติพจน์ของ สมาคมเฟเบียนคือ “คราเราบุก เราบุกอย่างแข็งขัน”
ซึ่ง โดยพื้นฐานแล้ว ปรัชญาที่อยู่เบื้องหลังสังคมนิยมเฟเบียน ก็คือ พิมพ์เขียวของ อะไรในปัจจุบันที่เราเรียกมันว่า “ระเบียบโลกใหม่” นั่นเอง
สมา คมเฟเบียนเคยให้การสนับสนุนอย่างเปิดเผยในแผนการสร้างสังคมด้วยวิทยาศาสตร์ ทั้งยังผลักดันให้มีการปรับปรุงลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ให้ดีขึ้นตาม นิยามของพวกเขา โดยอนุญาตให้คนที่มียีนส์ที่เป็นที่ต้องการเท่านั้นสามารถมีลูกได้ โลโก้ดั่งเดิมของสมาคมเฟเบียน คือรูปหมาป่าในชุดขนแกะ (ซึ่งในทัศนะของผู้เขียนเดาเอาว่า มันคงจะไม่ใช่โลโก้ดีเด่นที่สามารถปกปิดความเป็นหมาป่าของสมาคมนี้ ต่อมวลชนได้สักเท่าไหร่…ก็ไม่รู้สินะ)
โลโก้ดั่งเดิมของสมาคมสังคมนิยม เฟเบียน
นำพา กฎเกณท์หรือระบบ ระเบียบ ต่างๆของโลกนี้ก้าวเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลง คือ สิ่งที่พวกคนชั้นสูงได้กระทำมา ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน นี่กระมัง คงจะเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไม เจ้าเต่าดุตัวนี้ จึงถูกจัดวางให้อยู่เบื้องหน้าความยุ่งเหยิงทั้งหลายบนหน้าปก นิตยสารของสำนักพิมพ์ที่เกี่ยวพันโดยตรงกับการประชุมลับ Bilderberg นี้
11.3 and 11.5
ใน มุมขวาล่างของภาพปก เราจะเห็นสัญลักษณ์ที่มีความกำกวมมากยิ่งขึ้นไปอีก คือ มีพะเนินทรายถูกวางกองอยู่บนพื้น เยื้องมาข้างหน้าพะเนินทราย มีลูกธนูสองดอกถูกปักอยู่ ซึ่งบนตัวลูกธนูจารึกหมายเลข 11.5 และ 11.3 – หรือตัวเลขเหล่านี้คือ วันที่ ที่เราควรจะต้องจดจำ? แล้วทำไมมันถึงอยู่ข้างๆกับพะเนินทราย? แล้วถ้าหากคุณลองตีความ องค์ประกอบในส่วนนี้เป็นระยะพิกัด มันกำลังชี้ไปสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศไนจีเรีย อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ปรากฏและองค์ประกอบต่างๆในภาพส่วนนี้ ก็ยังคงเป็นปริศนาที่เข้าใจได้โดย“คนที่รู้” เท่านั้น
และนั่น ที่ยืนอยู่ข้างหน้าพะเนินทรายก็คือ “อลิซในแดนมหัศจรรย์” กำลังจ้องมองดู แมว เชสเชียร์ แคท
ตาม ที่รู้กันดีว่า แมวตัวนี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของนวนิยาย และภาพยนตร์ชื่อดัง อลิซในดินแดนมหัศจรรย์ ที่มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง คือ สามารถล่องหน หายไปทั้งตัว และจะเหลือทิ้งไว้เพียงแต่ รอยยิ้มยียวนเท่านั้น ดังนั้น เราจึงสามารถมองทะลุเห็นโลกอีกโลกหนึ่ง ณ ที่นี่ คือ โลกแห่งแฟนตาซี, ภาพลวงตา หรือ โลกแห่งมายา ตามที่อลิซ -หรือ ตัวแทนของมวลชนส่วนมาก- เข้าใจได้ เรายังเห็นภาพปรากฏของ เดวิด เบลน ประกอบอยู่ข้างหลังแมวเชสเชียร์อย่างไม่จำเป็นอีกด้วย –หรือ เขาคือ ผู้วิเศษ (นักมายากล) เหมือนกับแมววิเศษตัวนี้? …. อย่างไรก็ดี มันค่อนข้างจะเห็นได้ชัดว่า ภาพปกนี้กำลังนำเสนอภาพผสมกันระหว่าง เหตุการณ์ในความเป็นจริง กับเรื่องราวในนวนิยาย
อีกสัญลักษณ์ที่ สังเกตเห็นได้บนปกนิตยสาร ดิ อิคอนอมิสต์ ฉบับนี้ คือ หมูออมสินติดปีก ที่บินมาจาก กระเป๋าเสื้อของ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับหนังชื่อดัง หรือ นายแบบในภาพที่สวมใส่ ครีเอชั่นเสื้อผ้าจาก Alexander McQueen ดีไซน์เนอร์ชื่อดังที่เป็นที่โปรดปรานของคนชั้นสูง (ผู้ที่เสียชีวิตลงในสภาพการณ์ที่ผิดปกติ) ไปจนถึงภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจชาวเอเชีย สวมใส่หน้ากากเพื่อปกป้องตัวเองจากโรคระบาด ที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิต
สรุป
ดิ อิคอนอมิสต์ไม่ใช่หนังสือพิมพ์กระจอกๆ ที่ตีพิมพ์คำทำนายประจำปีแปลกๆ เพียงแค่อยากจะขายหนังสือจากบริษัทตัวเองให้ได้เพิ่มขึ้น ทว่า มันคือนิตยสารที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับกลุ่มชนชั้นสูงที่คอยวางนโยบาย กำหนดทิศทางต่างๆให้กับโลกใบนี้ และทำให้มั่นใจว่า นโยบายเหล่านี้จะถูกนำมาใช้จริง อีกทั้ง หนึ่งในหุ้นส่วนหลักของ สำนักพิมพ์ ที่ตีพิมพ์ เดอะ อิคอนอมิสต์ ก็คือตระกูลร่ำรวย ร็อตไซด์ แห่งอังกฤษ รวมไปถึงหัวหน้าของบรรณาธิการ ที่เป็นถึงหนึ่งในผู้มีสิทธิ์ เข้าร่วมการประชุมลับ Biderberg ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือ เดอะ อิคอนอมิสต์ มีการเชื่อมโยงกันอย่างเป็นทางการ กับผู้ที่มีอำนาจมากพอที่จะเปลี่ยน “คำทำนาย” ให้กลายเป็น “เรื่องจริง” นั่นเอง..