ทางหลวงหมายเลข 2112 ที่ทอดตัวยาวคดเคี้ยวไปมา คือ "เส้นทางท่องธรรมชาติเลาะเลียบริมฝั่งโขง" หากมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวเช่นยามนี้ ทางสายนี้จะดูมีชีวิตชีวาด้วยดอกไม้ป่าผลิบานเต็มทุ่งของจังหวัดอุบลราชธานี
>>>เบิ่งแอ่งนับพันที่ "สามพันโบก"
จุดหมายแรกคือสามพันโบก อำเภอโพธิ์ไทร "อันซีนไทยแลนด์" ที่โด่งดังอยู่ในเวลานี้ทันทีที่ย่างกรายสู่ริมฝั่งโขง ก็พบเกาะแก่งหินกระจายตัวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาท่ามกลางสายน้ำโขงสีขุ่นโคลนเชี่ยวกราก พื้นผิวเกาะแก่งเป็นหลุมเป็นบ่อ เล็กบ้างใหญ่บ้างนับร้อยนับพัน รูปลักษณ์งดงามราวประติมากรรมกลางแจ้ง"โบก" เป็นภาษาอีสาน หมายถึงแก่ง หลุม หรือบ่อน้ำลึก ซึ่งเกิดจากก้อนกรวดก้อนหินหรือเม็ดทรายที่ไหลมากับสายน้ำแล้วติดอยู่ตามรูเล็กๆ บนพื้นผิวหิน
เมื่อกระแสน้ำซึ่งไหลเชี่ยวหมุนวนก้อนกรวดเหล่านั้นเป็นเวลานาน รูเล็กๆ บนพื้นผิวก็ขยายใหญ่ขึ้นชาวบ้านเรียก "สามพันโบก" เพราะมีโบกจำนวนมหาศาล กินพื้นที่ถึง 10 ตร.กม. เดือน ต.ค.-พ.ค. น้ำในลำน้ำโขงแห้งขอด มองเห็นโบกได้ชัดเจน ลงไปเดินเล่นก็ได้ หรือจะชมทิวทัศน์ฝั่งลาวซึ่งอยู่ตรงกันข้ามก็เหมาะ
>>>ไปดูเสาเฉลียงใหญ่ที่ภูสมุย
เราเดินทางต่อบนเส้นทางเดิม อึดใจหนึ่งก็มาถึงภูสมุยในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม ที่เราตั้งใจมาตามหาเสาเฉลียงใหญ่ที่สุดในประเทศเราเดินไปบนลานหินโล่งกว้างที่แม้จะไร้ร่มไม้ แต่ระหว่างทางมีดอกไม้ป่าผลิบานให้ชื่นชม ผมไม่พลาดที่จะเทียบเคียงดอกไม้งามตรงหน้ากับสารพันไม้ดอกในหนังสือ คู่มือดอกไม้ ที่นำติดไปด้วย
เหล่าดอกไม้ที่อวดโฉมอยู่มีทั้งดอกหญ้าหางงอ สร้อยสุวรรณา และกระดุมเงินเพียงครู่ "เสาเฉลียงใหญ่" ก็ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเสาเฉลียงคือแท่งหินทรายที่ถูกลมและฝนกัดกร่อนจนมีรูปลักษณ์แปลกตา เป็นแท่งหินสูงถึง 20 ม. ด้านบนมีแผ่นหินขนาดใหญ่เส้นรอบวง 30 ม. เทินอยู่ดูคล้ายดอกเห็ดยักษ์ อีกหนึ่งความมหัศจรรย์รังสรรค์โดยธรรมชาติ
>>>ชมพระอาทิตย์ก่อนใครที่ผาชนะได
"วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นที่ผาชนะได อำเภอโขงเจียม จังหวัด อุบลราชธานี เวลา..." เป็นประโยคที่ผมได้ยินทุกเช้าในช่วงพยากรณ์อากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยผาชนะไดเป็นชะง่อนผาริมลำน้ำโขง ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดแดนประเทศไทย ชาวโขงเจียมจึงได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในประเทศ เหตุนี้กรมอุตุนิยมวิทยาจึงใช้ผาชนะไดเป็นจุดบอกเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นของไทย
นอกจากนี้ยังมีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ เช่น เสาเฉลียงคู่ หินเต่าชมจันทร์ ป่าสนสองใบ น้ำตกห้วยพอก และทุ่งดอกไม้บนลานหินให้ชม หากมาช่วงปลายฝนต้นหนาวก็จะมีโอกาสได้ชมทะเลหมอกในยามเช้าด้วย
>>>"น้ำตกลงรู" มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ
จากผาชนะไดห่างออกไปเพียง 27 กม. ก็จะถึงน้ำตกลงรู หรือน้ำตกแสงจันทร์ น้ำตกเดียวกันทว่าต่างชื่อต่างที่มา"น้ำตกลงรู" มุ่งเน้นที่สายน้ำซึ่งไหลตกจากเขาสูงลงสู่ร่องรูบนแผ่นหินราวกับจับวาง ก่อนจะไหลลงสู่แอ่งเบื้องล่างแล้วกระจายออกเป็นรูปหัวใจ ชวนมองอย่างพิศวงส่วน "น้ำตกแสงจันทร์" มุ่งหมายที่ปรากฏการณ์หักเหของแสงอาทิตย์เที่ยงวันซึ่งทำมุมกับน้ำตกพอดิบพอดี ขับให้สายน้ำที่ไหลผ่านร่องรูดูนวลตาประหนึ่งลำแสงจันทร์สาดส่อง
>>>เที่ยวน้ำตกสร้อยสวรรค์ ชมทุ่งดอกไม้บนพลาญหิน
จากน้ำตกลงรู เราไปต่อยังน้ำตกสร้อยสวรรค์ ก่อนถึงน้ำตกเพียงเล็กน้อย พบพลาญหินกว้างใหญ่เป็นทุ่งดอกไม้ป่าพื้นที่กว่า 20 ไร่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ซึ่งจะผลิบานอวดโฉมในช่วงเดือน พ.ย.-ม.ค.พวกเรายกให้เป็น "ไฮไลต์" ของเส้นทางนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ทอดพระเนตรทุ่งดอกไม้ป่าแห่งนี้เกือบทุกปี นามของดอกไม้ดัง เช่น สร้อยสุวรรณา ดุสิตา สรัสจันทร ทิพย์เกสร มณีเทวา ล้วนเป็นนามที่พระองค์พระราชทานดอกไม้อื่นเริ่มผลิบานแข่งกันมากมาย ทั้งจอกบ่วาย หญ้ารากหอม กระดุมทอง หงอนนาค เอื้องเหลืองพิศมร หญ้าหางงอ ฯลฯ ชมดอกไม้ระเรื่อยมาอีกเพียงนิดก็ถึงน้ำตกสร้อยสวรรค์ท่ามกลางป่าเขาร่มรื่น ต้นน้ำคือลำห้วยสร้อยและลำห้วยสะหนมไหลมาสบกันมองดูคล้ายสายสร้อย...
>>>ชมผาแต้ม-ชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์
ปิดท้ายเส้นทางกันที่ผาแต้ม เพื่อชมภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,000-4,000 ปี จัดเป็นกลุ่มภาพเขียนสีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยพบในประเทศไทย ทั้งรายละเอียดของภาพยังคงชัดเจนและค่อนข้างสมบูรณ์ สะท้อนภาพวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในบริเวณนี้ภาพเขียนสีแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มผาขาม ผาแต้ม ผาหมอน และผาหมอนน้อย
เรียงกันเป็นแนวยาวใต้เพิงผา ส่วนใหญ่เป็นภาพฝ่ามือ ภาพคน ภาพปลา เครื่องมือเครื่องใช้ การทำนา และรูปทรงเรขาคณิตลานผาแต้มในบริเวณนี้ซึ่งขนานกับแม่น้ำโขง เป็นจุดชมทิวทัศน์ลำโขงอันคดเคี้ยวยาวไกลสุดตา วันที่ท้องฟ้าแจ่มใสยังเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อนทางฝั่งลาวด้วย