Deal with the Devil หรือ ‘การขายวิญญานให้ปีศาจ’ คือหนึ่งในวลีที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์โลกมาช้านาน
ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครแน่ใจว่ามันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงตำนานกันแน่!?
โดย 5 บุคคลในประวัติศาสตร์ที่หมีขาวจะนำมาเล่าให้ฟังนี้ คือคนที่ถูกจดจำในฐานะ’ผู้ขายวิญญาณให้ซาตานที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
’ เรื่องราว ‘ตำนาน’ ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร มาดูกัน
1.ทีโอฟิลุสแห่งเอดานา (St. Theophilus of Adana)
ทีโอฟิลุสแห่งเอดานาคือนักบุญผู้เดิมทีเคยยิ่งใหญ่และมีนิสัยถ่อมตน โดยท่านถูกแต่งตั้งอย่างชอบธรรมให้เป็นบิชอป ทว่าด้วยความที่เป็นคนไม่มักใหญ่ เขาจึงขอสละตำแหน่งนั้นให้กับผู้อื่น และลดชั้นตนเองเหลือเพียงรองบิชอป
ทว่าโชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเกมการเมืองอันไม่ชอบธรรม ปลดเขาพ้นออกจากตำแหน่งดังกล่าว และนั่นก็ทำให้นักบุญเริ่มหันเข้าสู่ด้านมืด โดยคนลือกันว่าเขาขายวิญญาณให้ซาตาน เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เหตุการณ์ทุกอย่างก็เป็นใจให้เขาได้ขึ้นดำรงตำแหน่งบิชอปอีกครั้งราวกับมีปีศาจเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่สุดท้ายเขาก็สำนึกผิดและอธิษฐานต่อพระแม่มารี (Virgin Mary) เพื่อขอไถ่โทษ ซึ่งเขายอมอดอาหาร ถึง 40 วัน แต่สุดท้ายการเจรจาไถ่บาปนี้ก็ไม่เป็นผล เพราะซาตานไม่พอใจจนสาปคำแช่งลงบนหน้าอกของเขา พร้อมกับบังคับให้เขาสารภาพบาปต่อทุกคน ซึ่งนับจากนั้นไม่นานนักบุญก็สิ้นอายุขัย และความตายนั้นก็ทำให้ซาตานยอมปลดปล่อยเขาเป็นอิสระ
2. โจฮัน เกออร์ก เฟาสต์ (Johann Georg Faust)
ชายผู้นี้คือนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีชื่อเสียงโด่งดังในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (เรอเนสซองซ์) ซึ่งเขาได้ไปทำสัญญากับซาตานขอให้กลับมาหนุ่มแน่นอายุ 24 อีกครั้ง แต่แล้วเขาก็เริ่มรู้ว่านี่ไม่ใช่ชีวิตที่ต้องการ สุดท้ายจึงพยายามยกเลิกสัญญา ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตายอย่างอนาถในเหตุระเบิดในช่วงที่ทดลองแปรธาตุ
3.โรเบิร์ต จอห์นสัน (Robert Johnson)
ชายผู้นี้คือนักดนตรีบลูส์ในตำนาน ฝีมือของเขาติดอันดับ 5 จาก 100 ยอดฝีมือ ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสาร Stones Rolling แต่ตำนานเล่าว่าเส้นทางการเป็นมือกีตาร์ที่ยิ่งใหญ่ เกิดขึ้น ณ ด็อคเคอรี่ แพลนเทชัน (Dockery Plantation) โดยที่นั่นมีปีศาจเข้ามาช่วยปรับจูนกีตาร์ และสอนเขาเล่นบทเพลงอันลึกล้ำ ต่อมา โรเบิร์ต จอห์นสัน ก็ระเบิดฝีมือได้สุดยอดอย่างน่าเหลือเชื่อ
ซึ่งบทเพลงดังของเขามีมากถึง 29 ชิ้นทั้งที่อยู่ในวัย 27 ทว่าจู่ๆก็ป่วยกะทันหันด้วยโรคประหลาด โดยคนในยุคนั้นพากันคิดว่าเป็นฝีมือซาตาน หากแต่ในเวลาต่อมาก็มีข้อสันนิษฐานตีแผ่นว่า ไม่ใช่ซาตานอะไรหรอก แต่เป็นการวางยาพิษจากฝีมือภรรยาต่างหากเพื่อล้างแค้นที่เขาเจ้าชู้
4.จูเซปเป้ ตาร์ตินี่ (Giuseppe Tartini)
จูเซปเป้ ตาร์ตินี่ (Giuseppe Tartini) คือนักประพันธ์เพลงและนักไวโอลินชั้นแนวหน้าในอิตาลี ซึ่งโจฮัน เกออร์ก เฟาสต์ โดยบทเพลงที่มีชื่อเสียงมากของเขาก็คือ Devil’s Trill Sonata และครั้งหนึ่งเขาเคยเล่าให้เพื่อนนักดาราศาสตร์ฟังด้วยปากตนเองว่าในบางค่ำคืนจะมีปีศาจมาเข้าฝันเขา พร้อมกับบรรเลงบทเพลงที่มหัศจรรย์อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่พอตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่สามารถจำโน้ตเหล่านั้นได้และมันก็ทำให้เขาคลั่งถึงขั้นที่ประกาศว่า จะยอมทำลายไวโอลิน หรือเลิกเล่นดนตรีตลอดกาลหากปีศาจยอมให้วิธีครอบครองบทเพลงนั้น
5.กิลล์ เดอ เรยส์ (Gilles de Rais)
ครั้งหนึ่งเขาคืออัศวินห้าวหาญแห่งฝรั่งเศส ผู้ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ โจน ออฟ อาร์ค (Joan of Arc) จนมีชัยเหนืออังกฤษหลายครั้ง ทว่าภายหลังพ้นสงครามชีวิตของเขาตกต่ำลงสุดขีด และนั่นทำให้เขาเริ่มหันหน้าเข้าหาความงมงายไสยศาสตร์ ซึ่งปีศาจชื่อบารอนได้บอกเขาว่าถ้าสังเวยศพเด็กจำนวนมากให้ ข้าจะยอมช่วยพลิกชีวิตเจ้า
จากนั้น กิลล์ เดอ เรยส์ ก็กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องสุดโฉด ที่สังหารและข่มขืนเด็กไป 80-200 คน แต่สุดท้ายอดีตวีรบุรุษสงครามก็ถูกจับแขวนคอในที่สุด
อย่างไรก็ตามหากมองอย่างเจาะลึกลงไป สาเหตุที่ชีวิตหลายคนล่มสลายก็อาจไม่ใช่เพราะซาตานอะไรหรอก แต่พวกเขาต่างหากที่ใช้ชีวิตเละเทะเรื่อยเปื่อย อย่างโรเบิร์ต จอห์นสันก็ทำตัวเจ้าชู้ขี้เมา ส่วนโจฮัน เกออร์ก เฟาสต์ก็ตายเพราะอาจทำการทดลองโดยประมาท จึงเกิดเหตุระเบิดขึ้น ในขณะที่กิลล์ เดอ เรยส์ ก็ชีวิตพังเพราะดันงมงายแบบไม่ลืมหูลืมตาจนยอมทำแม้กระทั่งฆ่าและข่มขืนเด็ก ซึ่งคนสติดีที่รู้จักผิดชอบชั่วดีไม่มีทางทำแน่
ฉะนั้นจึงสรุปสั้นๆว่า ชีวิตของคนเราหาใช่ซาตานหรือทวยเทพเป็นตัวกำหนด หากแต่ถ้ามันจะล่มสลายก็มีแต่เพราะ ‘เราใช้ชีวิตได้ย่ำแย่’ จนเกินทนนั่นเอง