พระวิหารหลวง (ภาพจาก FB วัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง)
“แม่ริม” เป็นอีกหนึ่งอำเภอของ จ.เชียงใหม่ ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากใจกลางเมืองเชียงใหม่มากนัก และยังเป็นเส้นทางท่องเที่ยวยอดฮิตอีกเส้นทางหนึ่งของผู้ที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ กับแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ
บนเส้นทางสาย 1096 แม่ริม-สะเมิง นอกจากจะโอบล้อมด้วยขุนเขาเขียวขจี ที่มองไปทางไหนก็สดชื่นสบายตา ยังบรรจุแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้นักท่องเที่ยวได้แวะเวียนไปสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม สวนพฤกษศาสตร์ วิถีชีวิตชาวบ้าน และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติต่างๆ
ภายในมณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ (ภาพจาก FB วัดป่าดาราภิรมย์ พระอารามหลวง)
เริ่มต้นที่ “วัดป่าดาราภิรมย์” ในตัวเมืองแม่ริม วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ออกจาริกธุดงค์มาทางภาคเหนือ และได้มาพำนัก ณ ป่าช้าร้าง ติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ ของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ในรัชกาลที่ 5 จากนั้นก็เริ่มมีพระสงฆ์เข้ามาบำเพ็ญกรรมฐานในที่แห่งนี้ จนชาวบ้านเกิดความศรัทธาและทายาทของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ได้ถวายที่ดินดังกล่าวเพื่อสร้างเป็นวัดขึ้นมา
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด คือสถาปัตยกรรมแบบล้านนาที่สอดแทรกอยู่ในสิ่งก่อสร้างทุกๆ หลัง อย่างที่ พระวิหารหลวง ที่สร้างด้วยศิลปะแบบล้านนา โดยจำลองมาจากหอคำของเจ้าหลวงเชียงใหม่ในสมัยโบราณ ภายในพระวิหารประดิษฐานพระประธานทรงเครื่องในมณฑปปราสาท
การแสดงความสามารถของช้างที่ถูกฝึกมาอย่างดี (ภาพจาก FB Maesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา)
หรือว่าจะเป็น มณฑปพระจุฬามณีศรีบรมธาตุ (หอแก้ว) ที่สร้างตามแบบศิลปะล้านนา และก่อสร้างอยู่ใจกลางวัดซึ่งเป็นชัยมงคล ยึดคติความเชื่อในจักรวาลทางพระพุทธศาสนา ภายในมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทันตธาตุ ที่ได้รับประทานจากจากสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดยังมี พระธาตุเจดีย์พระพุทธบาทสี่รอย ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ศิลปะสุโขทัยประยุกต์ นามว่า พระพุทธการุญกิตติคุณขจร มณฑปพระเจ้าทันใจ ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์ พระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะสุโขทัย นามว่า พระสยัมภูโลกนาถ
ศิลปินช้างแห่งปางช้างแม่สา (ภาพจาก FB Maesa Elephant Camp ปางช้างแม่สา)
จากตัวเมืองแม่ริม เลี้ยวเข้าสู่ถนนสาย 1096 แม่ริม-สะเมิง บนเส้นทางสายนี้ มีสถานที่ท่องเที่ยวตั้งเรียงรายอยู่ทั้งสองข้างทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นให้สัมผัสกับธรรมชาติ ป่าเขา และสายน้ำ อย่างที่ ปางช้างแม่สา ที่ตั้งอยู่ติดกับลำน้ำแม่สา
ที่นี่ดูแลและทำการฝึกช้างจากที่ต่างๆ โดยเผยแพร่ความสามารถของช้างเหล่านี้ให้แก่นักท่องเที่ยวที่หลงเสน่ห์ในความน่ารักของช้างผ่านกิจกรรมต่างๆ เริ่มตั้งแต่การถ่ายรูปคู่กัน ให้ช้างใส่หมวกให้ ขบวนช้างเดินพาเหรด ช้างเล่นดนตรี ฟุตบอลช้าง หรือจะทดลองนั่งช้างชมธรรมชาติรอบๆ ปางช้าง
แต่ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นฝีมือ (ฝีงวง) การวาดรูปของช้าง ซึ่งเป็นที่ประทับใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรูปวิว ต้นไม้ ดอกไม้ หรือรูปช้างเอง ก็มีฝีแปรงที่สวยงาม สีสันสดใส วาดโชว์ให้ดูกันทุกวัน ซึ่งหากว่าใครที่ติดใจภาพวาดเหล่านี้ก็สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปได้
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
ถัดจากปางช้างแม่สาไปไม่ไกลก็เป็นที่ตั้งของ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,500 ไร่ โดยอนุรักษ์และรวบรวมพรรณไม้เป็นหมวดหมู่ตามวงศ์สกุลต่างๆ ซึ่งจัดปลูกให้สอดคล้องกับธรรมชาติมากที่สุด
ภายในสวนพฤกษศาสตร์ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถเข้าไปชมได้อย่างสะดวก โดยจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนต่างๆ คือ ศูนย์สารนิเทศ เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการพรรณไม้ไทย นิทรรศการด้านพฤกษศาสตร์และมีหนังสือ เกี่ยวกับพรรณไม้ที่ สวนพฤกษศาสตร์จัดทำขึ้นจำหน่าย
เรือนแสดงไม้ป่าดิบชื้น
กลุ่มอาคารเรือนกระจก ตั้งอยู่บนลานเนินเขา ภายในอาคารใหญ่รวบรวมพรรณไม้ใน เขตป่าดงดิบ จากทุกภูมิภาคของทวีปเอเชีย ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ โดยการฉีดละอองน้ำใน เรือนกระจก รวมทั้งมีน้ำตกจำลองด้วย จัดแต่งสภาพเหมือนกับเข้าไปอยู่ในป่าจริงๆ นอกจากนี้อาคารเรือนกระจกอื่นๆ ก็มีพรรณไม้ ที่น่าสนใจ เช่น พืชทะเลทราย พรรณไม้น้ำ เฟิน กล้วยไม้ เป็นต้น
และยังมี เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ที่สามารถมาเดินชมพรรณไม้ต่างๆ ตามเส้นทางที่จัดไว้ 4 เส้นทาง อีกทั้งยังมีส่วนที่นั่งให้มานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจริมลำธารเล็กๆ รับอากาศสดชื่นเย็นสบายที่มีตลอดทั้งปี
พืชทนแล้งนานาพันธุ์
นอกจากจะเดินทางท่องเที่ยวไปบนเส้นทางสาย 1096 แล้ว บนนถนนสายนี้ยังมีของฝากที่ขึ้นชื่ออีกหนี่งแห่งโดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวแบบนี้ นั่นคือ สตรอว์เบอร์รี่ ที่มีร้านขายอยู่ริมถนนตลอดสองข้างทาง บางร้านก็มีแปลงสตรอว์เบอร์รี่ของตัวเองอยู่ที่ริมถนนนั่นเอง เก็บกันมาสดๆ ใหม่ๆ ทุกวัน
แปลงสตรอว์เบอร์รี่ริมทาง
สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ยอดฮิตของตอนนี้ก็คือ พันธุ์พระราชทาน 80 ที่แม่จะลูกเล็ก แต่รสชาติหวานฉ่ำปาก หากได้ลองกินแล้วก็ติดใจไปเสียทุกราย แต่หลายร้านก็ยังมีสตรอว์เบอร์รี่พันธุ์อื่นให้เลือกชิมด้วย
สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์ 80 เก็บมาสดๆ จากต้น
แหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจบนเส้นทางสายนี้ นั่นคือ ม่อนแจ่ม ที่ตั้งอยู่ภายในเขตของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ซึ่งเกิดจากการพัฒนาพื้นที่สันเขาที่รกร้างให้กลายมาเป็นสถานที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว เป็นที่พัก ร้านอาหาร และแปลงปลูกพืชผักและผลไม้นานาชนิด
การปลูกพืชผัก หรือประดับตกแต่งสวนของที่นี่ มีการนำสร้างสรรค์ไอเดียเก๋ๆ มาปรับประยุกต์ใช้ด้วย อย่างเช่นนำรถกระบะเก่าๆ ที่ไม่ใช้แล้วมาปลูกผัก ใช้โถล้างหน้ามาปลูกดอกไม้ และนำมาประดับสวน
จากสันเขารกร้างกลายเป็นม่อมแจ่ม
ทางไหล่เขาฟากหนึ่งของม่อนแจ่มก็มีแปลงสตอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน ปลอดสาร รสหวานอร่อย ในช่วงสตรอว์เบอร์รี่ออกผลตั้งแต่ช่วงกลางหนาวไปจนถึงราวเดือนเมษายน ทางโครงการเปิดพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถไปเดินเก็บกินสดๆ จากต้นกับมือได้
ส่วนในตัวศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย ก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้เช่นกัน โดยภายในโครงการมีการทำไร่องุ่นไร้เมล็ด เลี้ยงไส้เดือนดิน ปลูกผักกาดหอม พริกหยวกสีช็อคโกแลต มีแปลงผักและงานวิจัยผักเมืองหนาว เช่น อาติโช๊ค แปลงสมุนไพร เลมอนทาร์ม มิ้น คาร์โมมายด์ โรสแมรี่ พลัม แปลงผักไฮโดรโพนิค มีเทคโนโลยีการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน เช่น โอ้คลีฟแดง และผักตระกูลสลัด มะเขือเทศดอยคำลูกโต แปลงปลูกผักแบบขั้นบันไดของชาวเขาที่มีเผ่าม้ง ลีซอ ที่มีการปลูกผักมากกว่า 30 ชนิด
ไอเดียเก๋ๆ การปลูกพืช ผัก บนกระบะรถเก่า
เส้นทางท่องเที่ยวแม่ริมทริปนี้ ต้องเดินทางผ่านขุนเขาที่เขียวขจี ผ่านลำธารเล็กๆ ที่ลัดเลาะมาเพิ่มความชุ่มฉ่ำให้กับพื้นที่ นอกจากจะเพลิดเพลินกับสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ ก็ยังอิ่มใจกับทัศนียภาพสองข้างทางที่ผ่านไปด้วย
มะเขือเทศลูกโต ผลผลิตขึ้นชื่อของโครงการหลวงหนองหอย
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงใหม่ โทร. 0-5324-8604, 0-5324-8607, 0-5324-8605