ห้องสมุดถือเป็นแหล่งข้อมูลที่เราสามารถหาข่าวสาร เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้หลายคนอ่จจะมองว่า ห้องสมุด เป็นอะไรที่เฉยและล่าช้าในการค้นหาข้อมูล แต่รู้ไหมว่าในสถานที่แห่งนี้ มันคลาสสิคสุดๆ! ถ้าเราได้ลองเข้ามาอ่านหนังสือนั่งในที่แห่งนี้แล้ว ทีนอ็มไทยเชื่อว่าหลายคนจะหลงรักและอยากใช้เวลาอยู่ที่นี่นานๆ วันนี้ทีนเอ็มไทยมี 18 ห้องสมุดที่หนอนหนังสือควรไปครั้งหนึ่งในชีวิต มาฝากกัรคะ ไม่ใช่เพียงแต่จะเป็นสถานที่ที่รวบรวมความรู้เท่านั้น แต่ละที่นั้นยังแฝงไปด้วยงานศิลปะ การตกแต่งที่สวยงามอีกด้วย ^^
18 ห้องสมุดที่หนอนหนังสือควรไปครั้งหนึ่งในชีวิต1. ห้องสมุดเอ็ดมอนต์ ในเอ็ดมอนต์ ประเทศออสเตรเลีย
ตั้งอยู่ที่ตีนเขาเอลป์ ห้องสมุดที่งดงามนี้เป็นห้องสมุดสถาปัตย์กรรมที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก ห้องสมุดแห่งนี้ออกแบบ แบบบาร็อคโดยนักออกแบบ Josepg Hueber ในปี 1776 โดยมีโถงยาวประมาณ 230 ฟุต และจุหนังสือได้ถึง 200,000 เล่ม เพดานถูกว่าโดยศิลปิน Bartolomeo Altomonte ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้ของมนุษย์นั้นสามารถไปได้สูงจนสัมผัสความสัมพันธ์ศักดิ์สิทธ์
2. ห้องสมุด จอร์จ พีบอดี้ ในบัลติมอร์ แมรี่แลนด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ห้องสมุดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยผู้บริจาค George Peabody ซึ่งบริจาคเพื่อสร้างห้องสมุดแห่งนี้เพื่อเป็นของขวัญแต่ประชาชนชาวบัลติมอร์เป็นการตอบแทนความมีน้ำในและเอื้อเฟื้อของชาวเมือง ออกแบบในทศศตวรรษที่ 19 โดยนักออกแบบ Edmund Lind ห้องสมุด พีบอดี้ นั้นโด่งดังในเรื่องการออกแบบภายในที่โอ่อ่ากว้างขวาง ชั้นห้องทั้ง 5 ชั้นต่างเต็มไปด้วยหนังสือ และเพดานกระจกที่เปิดรับแสงธรรมชาติ
3. ห้องสมุดแห่งชาติโคเปนเฮเก้น ในโคเปนเฮเก้ ประเทศเดนมาร์ก
สร้างเสร็จในปี 1999 “เพชรสีดำ” สร้างโดยเป็นส่วนต่อเติมจากห้องสมุดแห่งชาติเดนมาร์ก ห้องสมุดสมัยใหม่แห่งนี้ได้ชื่อมาจากหินขัดที่งดงามและเหลี่ยมุมของตัวอาคาร อาคารภายนอกออกแบบโดยใช้กระจก ซึ่งชาวยให้อาคารมีพื้นที่มากขึ้นทั้งยังเต็มไปด้วยแสงที่ส่องเข้ามาและวิวแม่น้ำด้านหน้า ซึ่งทำให้ที่นี่เป้นสถานที่เหมาะสมแก่การอ่านหนังสือ
4. ห้องสมุดหมาวิทยาลัยศิลปะมุซาชิโนะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
นักอออกแบบชาวญี่ปุ่น Sou Fujimoto ออกแบบหอสมุดนี้ให้เป็นหอสมุดที่เรียบง่านที่สุดในโลก สร้งโดยใช้เพียงชั้นวางหนังสือ ผนังสูง 20 ฟุตนั้นสร้างจากชั้นหนังสือ และ เพรยงยงแค่สะพานและจุดอ่านหนังสือเท่านั้นที่เป็นส่วนประกอบอื่นๆ Fujimoto กล่าวไว้ว่า สิ่งที่คุณต้องการในห้องสมุดนั้นมีเพียง “หนังสือ ชั้นวาง แสงและพื้นที่ใมนการอ่านเท่านั้น”
5. หอสมุดสาธารณะบอสตัน บอสตัน เมสซาชูเซต ประเทศสหรัฐอเมริกา
หอสมุดสาธารณะแห่งนี้ มีรายการหนังสือ 23 ล้านรายการโดยประมาณ ทำให้มันเป้นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา หอสมุดแห่งนี้เป็นที่รู้จักในโถง ซุ้มประตูทางเข้า และห้องอ่านหนังสือที่น่าทึ่งชื่อ Bate Hall ซึ่งได้แรงบันด่ลใจการสร้างมาจากสถาปัตยกรรมสไตล์อิตาเลี่ยน ห้องโถง Bates หรือ Bates Hall นั้น ตั้งชื่อตาม Joshua Bates ผู้สนับสนุนคนแรกของหอสมุดแห่งนี้ ในปี 1852 Bates ได้ตกลงที่จะบริจาดเงินสร้างหอสมุดแห่งนี้โดยมีข้อแม้ว่า หอสมุดแห่งนี้จะต้องเป็นสัญลักษณืของเมืองและคนทุกคนจะต้องมีสิทธิ์ใช้หอสมุดฟรี
6. หอสมุดเมืองสตุ๊กการ์ด สตุ๊กการ์ด ประเทศเยอรมัน
หอสมุดทรงเหลี่ยมจัตุรัสแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Patheon ของอาณาจักรโรมโบราณ เป้าหมายของหอสมุดแห่งนี้คือการส้รางความเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นทั้งหอจึงถูกทาด้วยสีขาวเหมือนกันหมด สีสันทั้งหมดนั้นมาจากแหล่งเดียวคือคือสีของตัวหนังสือ
7. ห้องสมุด โฮเซ่ วาสคอนเซลอส แมกซิโกซิตี้ ประเทศแมกซิโก
ออกแบบโดยสถาปนิก Alberto Kalach หอสมุดแห่งนี้สร้างขึ้นจากโครงสร้าของคอนกรีตและแก้ว ชั้นหนังสือดูเหมือจะลอยอยู่กลางอากาศ โดยมีโครงกระดูกปลาวาฬขนาดใหญ่แขวนอยู่ที่ศูนย์กลางของห้องสมุด หอสมุดแห่งนี้ตั้งชื่อตาม José Vasconcelos ซึ่งเป็นทั้งนักปราชญ์และนักการเมือง คนสำคัญในแม็กซิโก และเป็นผู้ซึ่งสนับสนุนการอ่าน
8. ห้องสมุด ลี่หยวน ในปักกิ่ง ประเทศจีน
ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆนอกกรุงปักกิ่ง ห้องสมุดชั้นเดียวแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางป่า ห้องสมุดแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากท่อนไม้และด้านถูกปิดโดยใช้กิ่งไม้ แสงไฟในห้องสมุดได้มาจากแสงแดดที่ลอดออกมาต่างกิ่งไม้ อาคารแห่งนี้อาจเป็นเหมือนท่อนไม้ที่ติดไฟง่าย อย่างไรก็ตามมันเป็นอาคารที่มีระบบความเย็นที่ดีเยี่ยม โดยการรับลมมาจากแม่น้ำที่อยู่ไม่ไกล ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะทั้งอาคารสร้างจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ นอกจากทั้งหมด มันยังเป้นอาคารที่สามารถนั่งอ่านหนังสือได้อย่างสบาย
9. หอสมุดและวัฒนธรรม เวนเนสซา ในประเทศนอร์เวย์
หอสุมดในนอร์เวย์แห่งนี้ถูสร้างโดยโครงสร้างโครงโค้ง จำนวนมากเป็นฐานค้ำยันให้เพดาน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากโครงกระดูกของปลาวาฬ
10. ห้องสมุดหนังสือหายาก Beinecke ใน นิวเฮเว่น รัญคอนเนตติกัต ประเทศสหรัฐอเมริกา
ห้องสมุดแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของห้องสมุดมหาวิทยาลัยเยล และเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งเป็นที่เก็บหนังสือและเอกสารหายากต่างๆ ห้องสมุดแห่งนี้ออกแบบโดยมีส่วนแสดงงานที่ตรงกลางตึก อาคารห้องสมุดแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญเนื่องจากการออกแบบโดยใช้ หินอ่อน ทองแดง และกระจก ซึ่งออกแบบเพื่อให้แสงเข้ามาได้อย่างพอดิบพอดีและจะไม่ส่งผลเสียต่อเอกสารสำคัญที่อยู่ภายใน หนังสือสำคัญที่ถูกเก็บเอาไว้นั้นรวมถึง Gutenberg Bible
11. หอสมุดอเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์
หอสมุดต้นแบบนั้นถูกสร้างในศตวรรศที่ 3 ก่อนคริสตกาล และมันก็เป็นหนึ่งในห้องสมุดที่ใหญที่สุดในยุคโบราณ เมื่อห้องสมุดนั้นถูกทำลายมีหนังสือและม้วนเอกสารจำนวนมากที่สูญหายไป ห้องสมุดใหม่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2002 เพื่อเป็นการสรรเสริญห้องสมุดต้นแบบ หอสมุดแห่งนี้ออกแบบโดย นักออกแบบ Snøhetta อาคารสร้างโดยให้มีลักษณะคล้ายนาฬิกาแดด และหันหน้าไปทางทะเลเมดิเตอเรเนี่ยน
12. หอสมุดกลางซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัญอเมริกา
เปิดครั้งแรกในปี 2004 อาคารโครงสร้างเหล็กขนาด 11 ชั้นตั้งอยู่ใน downtown เมืองซีแอตเติล ได้รับการออกแบบโดยให้เป็นห้องสมุดสมัยนใหม่ อาคารแห่งนี้ไม่เพียงใช้เพื่อเก็บหนังสือแต่ยังเป็นที่เก็บสื่อประเภทต่างๆมากมาย ผู้ออกแบบ Rem Koolhass ออกแบบอาคารให้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ทั้งยังออกแบบเป็นพื้นที่โล่งกว้างและรับแสงธรรมชาติได้ดีอีกด้วย
13. ห้องสมุดวิทยาลัยทรีนีตี้ ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ดังมาจาก ห้องโถงยาว ห้องสมุดวิทยาลัยทรีนีตี้ แห่งนี้เป็นแหล่งรวมหนังสือที่ใหญ่ที่สุดของ ไอร์แลนด์ ห้องโถงขนาดยาวกว่า 200 ฟุตนี้ ถูกปูด้วยหินอ่อน และไม้ เมื่อมันถูกสร้างเสร็จใหม่ๆ โถงยาวนี้มีเพดานแบนเรียบ และส่วนขอเพดานนั้นถูยกสูงขึ้นเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการใส่หนังสือในภายหลัง
14. หอสมุด เซอร์ ดันแคน ไรซ์ ใน อเบอดีน สหราชอาณาจักร
หอสมุด เซอร์ ดันแคน ไรซ์ นั้นเป็นหอสมุดแห่งให่ของมหาวิทยาลัยอเบอดีน หอสมุดแห่งนี้สร้างโดยการออกแบบแบบศตวรรษที่ 21 และมีโถงโค้งตรงกลาง หอสมุดแห่งนี้ได้รับความสนใจมากเพราะการออกแบบของมัน โถงโค้งช่วยให้ชั้นทั้ง 8 ชั้นสว่างขึ้น อีกทั้งยังมีระบบหลังคาที่ช่วยแปลงพลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าโดยตรงอีกด้วย
15. หอสมุดเซนต์ เจเนวีฟ ปารีส ประเทศฝรั่งเศษ
ห้องสมุดแห่งนี้เป็นห้องสมุดหลักในการค้นข้อมูลขอนักศึกษามหาวิทยาลัยปารีส ก่อนสร้างในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยสถาปนิกคนดัง Henri Labrouste หอสมุดแห่งนี้เป็นที่รู้จักสำหรับฐานเพดานเหล็กในห้องอ่านหนังสือ
16. ห้องสมุดสาธรณะของกรุงนิวยอร์ค นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ห้องสมุดสาธารณแห่งนี้มีหนังสือกว่า 53 ล้านฉบับ และเป้นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก มันเป็นหนึ่งในอาคารโครงสร้างหินอ่อนที่ใหญ่ที่สุด ณ ตอนที่มันถูกสร้างขึ้น ห้องอ่านหนังสือหลักของหอสมุดแห่งนี้นั้น มีความยาวครอบคลุมถึง 2 บล็อกของเมือง โดยสามารถวัดได้ถึง 297 x 84 ฟุตเลยทีเดียว อีกทั้งยังมี โต๊ะไม่โอ๊คยาวเอาไว้ให้อ่านหนังสืออีกด้วย
17. ห้องสมุด คานาซาวะ อุมิมิไร ในเมืองคานาซาวะ ประเทศญี่ปุ่น
ห้องสมุดสามชั้นแห่งนี้ออกแบบเหมือน กล่องเค้ก ที่มีแผ่นปรุรอบหน้าต่างเป็นตัวนำแสง ห้องสมุดแห่งนี้ออกแบบมาเพื่อให้เป็นสถานที่สงบ และรอยปรุที่หน้าต่างก้ถูกออกแบบให้เหมือนป่าหนังสือ สภาพแวดล้อมเช่นนี้จะช่วยให้ผู้มาใช้บริการห้องสมุดรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางหนังสือที่หนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ไม่สามารให้ได้
18. ห้องอ่านหนังสือ รอยัลโปรตุกีส ใน ริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล
สร้างในศตวรรษที่ 19 โดยมีหนังสือกว่า 350,000 เล่ม และเป้นแหล่งรวมหนังสือโปรตุเกสที่ใหญ่ที่สุดนอกปนะเทศโปรตุเกส ห้องสมุดแห่งนี้โด่งดังเรื่องการออกแบบแบบ Neo-Manueline ซึ่งให้อารมณ์ Gothic-Renaissance ห้องทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยหนังสือ และมีจำนวนมากในนั้นที่เป็นหนังสือหายากจาก ศตวรรษที่ 16 สถานที่แห่งนี้เป้นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับท่านที่รักที่จะอยู่ท่ามกลางหนังสือที่สวยงาม
เพิ่มเติม “ห้องสมุดออนไลน์ มีหนังสือหลากหลายไม่แพ้กัน” > www.mbookstore.com <
ขอบคุณข้อมูลจาก : terrabkk.com, businessinsider.com