ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวของผมมาแชร์กันเพื่อเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่กำลังท้อ กำลังหมดหวังครับ เรื่องราวของผมไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมันเป็นความภูมิใจและความสำเร็จเล็กๆน้อยๆที่ผู้ชายคนนึงทำได้
ตอนนี้ผมอายุ 24 เพิ่งเรียนจบรับปริญญาเมื่อเดือนพฤศจิกาที่ผ่านมา ป.ตรีคนละด้านกับงานที่ทำอยู่ครับ ที่จบช้าอาจจะเพราะผมทำงานไปด้วยแล้วเรียนไปด้วยน่ะครับ และงานที่ผมทำอยู่เป็นทางสายดนตรีไม่ได้เกี่ยวกับที่ผมจบมาเลยซักนิดเดียว หลายคนคิดว่างานทางดนตรีมันคงไม่ยั้งยืนแน่นอน ความจริงแล้วไม่ว่างานอะไรจะยั้งยืนหรือไม่ยั้งยืนนั้นมันอยู่ที่ตัวเราต่างหากละครับ ต่อให้เราทำงานมั่นคงแต่ไม่กระตือรือร้นไม่มีการพัฒนามันก็อาจจะล้มได้ ผมขอเล่าย้อนชีวิตของผมแบบย่อนิดนึงนะครับ
ตอนนี้ผมมีพี่น้อง 4 คน ผมเป็นคนที่ 3 พ่อแม่ผมเรียนไม่จบปริญญา เมื่อผมยังเด็กตอนนั้นยังมีพี่น้องแค่ 3 คนรวมตัวผม แม่ขายข้าวแกง พ่อขับรถส่งม้วนเทปหาเช้ากินค่ำเลี้ยงลูก 3 คน ไม่มีบ้านของตัวเองอาศัยอยู่กับญาติในกรุงเทพ แน่นอนว่าเงินต้องไม่พอเพราะไหนจะค่าเลี้ยงดู ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆเยอะแยะไปหมดสำหรับลุก 3 คนเท่าที่ทราบพ่อแม่ผมก็ไปยืมเงินจากญาติๆมาตลอด
จนผมเริ่มโตเริ่มเข้าม.ต้น พ่อแม่ไม่มีเงินส่งเรียนตอนนั้นค่าเทอม 8 พันบาทโรงเรียนเอกชนใกล้บ้านที่ต้องเรียนเพราะผมสอบไม่ติดโรงเรียนของรัฐบาล
ตอนนั้นผมยังไม่โตเท่าไหร่ยังคิดอะไรไม่ค่อยได้คนที่ส่งผมเรียนคืออาโก เป็นเจ้าของบ้านที่ผมพ่อแม่ผมอาศัยอยู่ด้วยซึ่งเป็นตึกแถว ตอนนั้นเวลาเห็นเพื่อนเอามือถือมาโชว์ เอากีต้าร์ เอาโน๊ตบู๊คมาโชว์ ผมเห็นแล้วก็อยากมีบ้างแต่ทำไงได้พ่อแม่เราไม่มีเงินซื้อให้ เงินใช้จ่ายยังจะแทบไม่พอเลยต้องไปยืมคนอื่น ผมก็ได้แต่ทำใจเพราะด้วยความที่ความคิดยังไม่โตเลยยังคิดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้รบเร้าอะไรพ่อแม่ครับ เรียนโรงเรียนเอกชนแน่นอนว่าเพื่อนๆผมก็ต้องบ้านมีเงินกัน เวลาชวนไปเที่ยวสยาม เที่ยวที่ไหนก็ตามผมมักจะไม่ค่ีอยได้ไปด้วยเหตุเพราะไม่ค่อยมีเงินนี่แหละครับ
พอจบ ม.3 ผมย้ายไปเรียนโรงเรียนทางสายช่าง เรียนปวช.เพราะค่าเทอมถูกหน่อย สังคมไม่หรูหราเหมือนตอนอยู่โรงเรียนเอกชนเพราะโรงเรียนนนี้เป็นโรงเรียนที่รับเฉพาะคนจน ตอนนั้นพ่อแม่หันมาทำขนม ทำเองที่บ้านขาย รายได้น้อยกว่าเดิมอีกเพราะขายไม่ดี
พ่อให้เงินไป รร วันละ 100 บาท ผมเก็บเงินวันละ 20 บาท ตอนนั้นเห็นเพื่อนเล่นกีต้าร์แล้วรู้สึกเท่ ผมก็เลยไปหาที่เรียนกีต้าร์และอาโกก็เป็นให้ค่าเรียนเดือนละ 1 พันไปเรียน แล้วผมก็เอาเงินเก็บของผมทั้งหมด 3 พันกว่าบาทไปซื้อกีต้าร์ไฟฟ้ากับตู้แอมป์มาเล่น มาฝึก
ตอนนั้นมีขึ้นประกวดบ้าง ขึ้นโชว์บ้างจนเรียนจบ ปวช. มีที่เดียวที่ผมจะไปสอบคือที่ที่ผมเพิ่งจบมา ช่วงนั้นผมเริ่มคิดได้แล้วว่าผมชอบดนตรีจริงๆจังๆแต่ไม่อยากไปเรียนทางสายดนตรีเพราะพ่อแม่ไม่ให้เรียน พ่อบอกว่าจบมาไม่รู้จะทำงานอะไร ช่วงนั้นผมเพิ่งได้เริ่มรู้จักกับ Youtube ใหม่ๆ ผมก็ใช้กล้องดิจิตอลเก่าๆที่ถ่ายวีดีโอได้ ถ่ายคลิปตัวเองเล่นกีต้าร์ลง Youtube เล่นๆ ก็เริ่มมีคนคลิกเข้ามาดูมากขึ้นเรื่อยๆผมก็ทำคลิป cover เพลงต่างๆลง youtube ตลอดมา จนผมสอบติดมหาลัยตอนปี 1 ค่าใช้จ่ายเยอะมากเต็มไปหมด
ค่าเทอมตอนนั้นถ้าผมจำไม่ผิดประมาณ 9 พันอาโกผมก็เป็นคนส่งผมเรียนเหมือนเดิม ถ้าไม่มีอาโกผมคงไม่มีทางได้เรียนหนังสือแน่นอน อาโกเป็นคนที่มีพระคุณกับผมมากๆคนนึงเป็นเหมือนแม่คนที่สองของผม พอเข้ามหาลัยปี 1 ได้เงินไปเรียนวันละ 150 บาท ตอนนั้นบ้านผมไม่ไกลจากมหาลัยมาก ค่าเดินทางไปกลับประมาณ 40 บาท ที่เหลือคือค่าข้าวเช้ากับกลางวัน
จนผมขึ้นปี 2 มันเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของผม พ่อแม่ทะเลาะกับอาโกเจ้าของบ้าน พ่อแม่ผมเลยคิดที่จะย้ายออกมาอยู่ลำพัง ก็เลยซื้อบ้านต่อจากญาติและใช้ชื่อญาติเป็นคนกู้เพราะพ่อแม่ผมไม่มีเครดิตอะไรเลย เงินจากขายขนมก็น้อยนิด และแล้วผมกับครอบครัวก็ย้ายออกมาอยู่บ้านใหม่ทาวเฮ้าหลังเล็กๆที่อยู่ไกลจากมหาลัยมากคนละจังหวัดกันเลย แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายทั้งค่าผ่อนบ้านค่าน้ำค่าไฟมาเต็มไปหมดตอนอยู่บ้านอาโกอาโก จะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด
แต่อาโกผมก็ยังเป็นคนส่งผมเรียนอยู่เหมือนเดิม พ่อแม่ผมก็เครียดเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านที่ไม่พอกิน ก็ต้องไปยืมเงินคนอื่นอีกเหมือนเดิมแล้วก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนไปใช้เขาแต่เรื่องพวกนี้พ่อแม่ผมไม่บอกผมอยู่แล้ว
ตอนนั้นผมผอมมากค่ากินเวลาไปเรียนแต่ละวันไม่พอเพราะหมดไปกับค่ารถและผมก็ไม่อยากรบกวนพ่อแม่เพิ่ม ต้องตื่นเช้ามืดออกจากบ้านตี 5 กว่าๆไปเรียนเพราะบ้านไกลมากเดินทาง 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงมหาลัย ไปเรียนก็หลับเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง
ค่ารถปาไปวันละ 80 บาท แต่ก็ได้เงินค่าขนมเท่าเดิมคือ 150 เลิกเรียนกว่าจะเดินทางกลับถึงบ้านก็ประมาณ 2 ทุ่ม วงจรเป็นแบบนี้อยู่ตลอด เห็นเพื่อนมีโน๊ตบุ๊คมีกล้องถ่ายรูปแพงๆมือถือแพงๆมีรถขับผมก็อยากได้แต่ก็ต้องทำใจ
ถ้าไม่เก็บเงินซื้อเองก็หมดสิทธิ์ไป เพื่อนผมคนนึงนิสัยดีบ้านรวยพ่อเป็นเจ้าของบริษัทมีรถขับไปเรียน ทำไอโฟนหายเป็นเรื่องปกติซึ่งต่างจากตัวผมเองมากมายนัก ตอนนั้นผมมีเล่นดนตรีกลางคืนด้วยประปราย ผมเรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะหัวผมมันไม่ไปทางด้านวิศวะเวลาไปเรียนแล้วมันก็เพลียด้วย
ผมเริ่มมีคนรู้จักผมจาก youtube มากขึ้นผมก็เลยลองเริ่มเปิดสอนกีต้าร์เบื้องต้นดูสอนวันเสาร์อาทิตย์เพราะวันธรรมดาไปเรียน โดยไปประกาศสอนในเว็บนึงที่เกี่ยวกับทางดนตรีผมคิดค่าสอน 400 บาท ตอนนั้นที่ผมเริ่มเปิดสอนเจ้าของเว็บที่ผมไปลงประกาศสอนเขาก็ส่งเมล์มาว่า "พี่เห็นเราใน youtube มานานแล้ว เดี๋ยวพี่เปิดโรงเรียนสอนจะลองมาสอนดูไหม" ตั้งแต่นั้นมาผมก็ฝึกกีต้าร์จริงๆจังๆมากพยายามพัฒนาตัวเองเริ่มประกวดกีต้าร์มาเรื่อยๆสร้างชื่อเสียงและเครดิตให้กับตัวเอง เริ่มมีคนมาเรียนกับผมมากขึ้น ผมเริ่มไม่ต้องขอเงินค่าขนมพ่อแม่ ทางเว็บดนตรีเขาก็เริ่มดึงผมเข้าไปทำคลิปสอนทำคลิปรีวิวเครื่องดนตรีมากขึ้น
ตอนนั้นขึ้นปีสามผมไม่ได้ขอเงินจากพ่อแม่แล้วแม้แต่บาทเดียว กลับกันผมเป็นคนให้เงินพ่อแม่รายเดือนแทน ออกค่าน้ำค่าไฟที่บ้านและออกค่าเทอมเอง ยิ่งผมให้พ่อแม่มากเท่าไหร่ผมยิ่งมีรายรับมากขึ้นเรื่อยๆ ผมถึงเข้าใจคำว่า "คนที่กตัญญูต่อพ่อแม่และผู้มีพระคุณจะไม่มีวันตกอับ จะมีแต่เจริญขึ้น"
ผมประกวดได้รางวัลมาระดับการเล่นของผมเริ่มพัฒนาไปไกลผมก็เลยขึ้นค่าสอนจาก 400 มาเป็น 700 แล้วก็มาเป็น 1000 เป็นปรับแผนการสอนใหม่สอนตั้งแต่เบสิกถึงระดับสูง ผมไปเปิดบัญชีฝากประจำของ ธอส. รักการออม รายได้จากการสอนที่หักจากให่พ่อแม่แล้วก็ค่าน้ำไฟที่บ้านผมเอามาฝากหมด เดือนละประมาณ 8000-9000 บาท
ผ่านไปสองปีจนผมเรียนจบมหาลัยปีสามตอนนั้นเห็นเพื่อนมีรถขับแล้วก็อยากมีบ้าง ผมมีเงินเก็บ 2 แสนบาท ตอนผมเก็บเงินได้ 2 แสนบาทในขณะที่เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยผมดีใจที่สุดแล้ว ผมคิดว่าจะเอาเงิน 2 แสนที่อุส่าทำงานหนักหามาได้ด้วยตัวเองจะเอาไปดาวน์รถป้ายแดงเวลาเดินทางไปเรียนจะได้ไม่เหนื่อยมากนักแล้วเวลาขนอุปกรณ์ดนตรีจะได้สดวกด้วย
เวลาเลิกเรียนจากมหาลัยจะได้รีบกลับไปสอนต่อได้อีก ก็เลยตัดสินใจไปออกรถตอนนั้นทางฝ่ายขายของโชว์รูมรถบอกออกรถชื่อผมไม่ได้ทั้งๆที่ผมมีสแตจเม้นที่ดีมาตลอด 2 ปี ทางโชว์รูมรถบอกว่าน้องยังเรียนไม่จบแม้จะทำงานเองแต่ยังเรียนไม่จบเลยออกรถให้ไม่ได้ จะใช้ชื่อพ่อแม่ออกรถก็ไม่ได้เพราะพ่อแม่ผมไม่มีสแตจเม้นไม่มีเครดิตอะไรเลยผมเซ็งมากเพราะการออกรถป้ายแดงด้วยตัวเองเป็นความฝันของผม
จนอาโกผมเข้ามาบอกว่าเดี๋ยวซื้อเป็นชื่อโกแทนละกันแล้วผมก็ผ่อนเองไปตามปกติพอผ่อนหมดค่อยเปลี่ยนชื่อรถเป็นชื่อผม ในที่สุดผมก็ได้ออกรถป้ายแดงจากเงินตัวเอง ค่าใช้จ่ายรุมเร้า ค่าน้ำมันเดือนละ 4000 ค่าบำรุงรักษารถ ค่าผ่อนรถเดือนละ 6800
แต่ผมก็ยังไหวอยู่ตอนนั้นก็ให้เงินพ่อแม่ช่วยผ่อนบ้านกับออกค่าน้ำค่าไฟที่บ้านเหมือนเดิม พ่อแม่ผมเริ่มทำงานน้อยลงแต่ก็ยังมีน้องผมอีกคนที่ตอนนี้พี่ๆแล้วก็ตัวผมเองก็คอยส่งเสียน้องเรียนอยู่ จนผ่านมาถึงตอนนี้ผมทำงานมา 4 ปีกว่าเกือบๆ 5 ปีแล้วทำตั้งแต่ช่วงเรียนปี2ครับ
กว่าจะลืมตาอ้าปากได้เหนื่อยพอสมควร ในขณะที่วันหยุดเสาร์อาทิตย์เพื่อนๆที่มหาลัยไปเที่ยวสนุกกันแต่ผมต้องทำงาน จริงๆรายได้ผมมีหลายทางครับเช่น เป็นอาจารย์สอน , เป็นวิทยากรรับเชิญพูดให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างรายได้จาก youtube แล้วก็อะไรยิบย่อยน่ะครับ
ตอนนี้รถผมกำลังจะผ่อนหมดแล้ว มีเครื่องดนตรีแพงๆไว้ใช้ มีเงินเก็บ ทั้งหมดนี้หามาได้ด้วยตัวเองทุกบาท ตอนนี้ผมดูแลค่าใช้จ่ายพ่อแม่ น้องและค่าใช้จ่ายภายในบ้านเพราะพ่อแม่ไม่ได้ทำงานแล้วแต่ยังดีที่พี่ๆช่วยอยู่ด้วยครับ ผมวางแผนไว้คงจะซื้อบ้านแต่งานภายใน 2 ปีนี้ ไม่ว่าผมจะมีหรือไม่มีอะไรยังไงผมก็ยังคงใช้ชีวิตไม่ต่างจากเดิม ของใช้ในชีวิตประจำวันก็ของธรรมดาๆคล้ายๆเดิม กินอาหารก็ไม่ต่างจากเดิมมากมายนัก และไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงผมจะเดินทางตามสายนี้ให้จนถึงที่สุด ล่าสุดเพิ่งให้เงินแม่ค่าเครื่องบินไปเที่ยวอเมริกาไปหาหลานให้เขาได้ไปเที่ยว
ยอมรับเลยว่าช่วงแรกผมลำบากมาก ไปเรียนที่มหาลัยเงินกินข้าวก็ไม่ค่อยจะพอเลย สิ่งนึงที่ผมอยากจะบอกคือถ้าคนเราตั้งใจทำอะไรแล้วมันไม่ยากเกินไปสำหรับตัวเรา ไม่สายไปที่จะเริ่มต้น ผมเองบ้านจนไม่มีต้นทุนจะเริ่มทำอะไรด้วยซ้ำ และความกตัญญูต่อพ่อแม่และคนที่มีพระคุณจะทำให้เจริญขึ้นไม่มีวันตกอับ ตอนนี้อาโกผมจากไป 2 ปีแล้วด้วยโรคมะเร็งผมยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณท่านเลย
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่กำลังท้อกำลังหมดหวัง จริงๆรายละเอียดมีเยอะกว่านี้อีกครับแต่กลัวมันจะยาวเกินไป ค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอ พิมพ์ผิดประการใดขออภัยด้วยครับพิมพ์เองยังตาลายเองเลยครับถ้าแท๊กผิดห้องก็ขออภัยด้วยนะครับ