เมื่อเกือบ 200 ปีก่อน สมัยที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัย ไม่มีกล้องถ่ายรูปไว้จับภาพ นึกดูสิว่าคนในยุคนั้นต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนกว่าจะวาดรูปสัตว์ขึ้นมาให้ได้สักรูป คุณค่าในสิ่งที่นักจิตรกรวาดในวันนั้นไม่สูญเปล่า เพราะมีคนมากมายต่างค้นหาและอยากที่จะเป็นเจ้าของหนังสือ "เดอะ เบิร์ด ออฟ อเมริกา" (The Birds of America) ที่มีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านบาทในวันนี้
หนังสือ "เดอะ เบิร์ด ออฟ อเมริกา" (The Birds of America) เป็นหนังสือที่รวบรวมภาพและประวัติของนก 435 ภาพ จากนกกว่า 489 สายพันธุ์ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา โดยถ่ายทอดอย่างงดงามผ่านฝีแปรงของ "มร.จอห์น เจมส์ อูดูบอง" นักธรรมชาติวิทยาและจิตรกรชาวฝรั่งเศส ซึ่งหนังสือชุดนี้ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2370 หรือกว่า 180 ปีมาแล้ว
ความพิเศษของหนังสือชุดนี้มีทั้งในแง่มุมของงานศิลปะและประวัติศาสตร์ ด้านศิลปะนั้น หนังสือ เดอะ เบิร์ด ออฟ อเมริกาถือเป็นหนังสือภาพนกที่มีความสวยงามและสมจริงอย่างมาก ด้วยขนาดภาพเท่าตัวจริงรวมถึงรายละเอียดของแต่ละภาพที่ผู้วาดบรรจงวาดและระบายสีทีละเส้นอย่างตั้งใจ
นอกจากนั้น หนังสือเล่มนี้ยังทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการรวบรวมภาพและประวัติของนกกว่า 489 สายพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันนกบางชนิดก็ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เองทำให้ในการประมูลหนังสือเมื่อปี 2553 ที่สถาบันโซเธอร์บี หนังสือ เดอะ เบิร์ด ออฟ อเมริกา ได้รับการประมูลสูงถึงราว 7 ล้านปอนด์ หรือ 363,300,000 บาท ทำให้หนังสือเล่มนี้ถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในหนังสือที่แพงที่สุดของโลก
สำหรับประเทศไทยนั้น พจน์ นฤตรรกกุล ได้รับสิทธิ์ในการตีพิมพ์หนังสือ เดอะ เบิร์ด ออฟ อเมริกา รายเดียวในไทย โดยได้ติดต่อขออนุญาตกับทางมหาวิทยาลัย Meisei ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือครองหนังสือชุดนี้ และได้ตีพิมพ์ออกมาทั้งหมด 100 ชุด เมื่อถามไปถึงสาเหตุที่สนใจในหนังสือชุดนี้ก็พบว่าเขาชอบนกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว “ผมชอบนกมาก เป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพ”
ทั้งนี้เขายังได้จัดนิทรรศการถ่ายทอดเรื่องราวของหนังสือภาพวาดและประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนกให้ได้ชมกัน โดยภายในงานนอกจากจะมีหนังสือ เดอะเบิร์ด ออฟ อเมริกา ให้ได้ชมกัน ยังมีการจัดจำหน่ายหนังสือชุดนี้ รวมถึงภาพไฮไลท์เด่นๆ กว่า 13 แบบให้เหล่านักสะสมได้จับจองเป็นเจ้าของกันอีกด้วย โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปมอบให้กับศูนย์มะเร็งเต้านมเฉลิมพระเกียรติ ภายใต้พระบรมราชินูปถัมภ์ สำหรับใครที่สนใจสามารถไปเดินชมกันได้ที่บริเวณชั้น 4 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2558 นี้
ขอบคุณภาพประกอบจาก wikipedia.org