วันนี้เราขอนำเสนอ 10 เครื่องเขียนที่ญี่ปุ่น ซึ่งมีดีไซน์กิ๊ฟเก๋ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร แอบแหกคอกความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างได้ใจคนที่พบเห็น แถมยังน่าลองใช้ดูอีกต่างหาก โดยเป็นการเรียบเรียงจากบทความของคุณ miraclewatage จากเว็บไซต์-www.tsunagujapan.com จ้าาาาา (^^)/
มาเริ่มต้นด้วยเครื่องเขียนชิ้นแรกกันเลย....
เครื่องเขียนชิ้นที่ 1 : เทปกาวลายไม้บรรทัด (Bamboo ruler masking tape)
ขอบอกว่าดูไฮไซเลิศหรูมาก (เว่อร์ซะ!) ที่จริงแล้วดูเรียบง่าย แต่ได้ประโยชน์มากกว่า สีก็ออกแนว Vintage ซะด้วย ฮะ ฮะ เขาบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากไม้บรรทัดของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนที่ทำจากไม้ไผ่ (มิน่าล่ะ.. สีถึงเป็นเยี่ยงนี้) ดูดีแบบอีสต์มีทเวสต์ เอ้ย! ไม่ใช่! แบบดั้งเดิมผสมผสานความทันสมัยน่ะ ;-) เครื่องเขียนชิ้นนี้เป็นที่หลงใหลได้ปลื้มในหมู่ช่างเย็บผ้าและคนที่ชื่นชอบงานประเภท DIY ส่วนตัวแล้วคิดว่าผู้คนอีกหลากหลายอาชีพ หรือคนที่มีงานอดิเรกรูปแบบอื่นๆ ถ้ารู้ว่ามีเจ้าเทปกาวแบบนี้อยู่บนโลก รับรองสอยเรียบ! หมายถึงก็คงซื้อมาใช้กันแหง๋ๆ น่ะนะ ที่ญี่ปุ่นนิยมกันมากในช่วงเดือนกันยายน 2014 ที่ผ่านมา นิยมกันจนถึงขนาดขาดตลาดเลยทีเดียว สุดยอด!!!
Bamboo Ruler Masking Tape: 1 ม้วน กว้าง 20 ม.ม. ยาว 10 ม. ผลิตภัณฑ์ของ mt masking tape ราคาประมาณ 140 บาท
เครื่องเขียนชิ้นที่ 2 : กระเป๋าใส่เครื่องเขียนรูปปลา (Hokke mackerel pencil case)
ถ้าเป็นคนไทยก็คงจะเรียกว่า “กล่องดินสอ” หลายคนติดปากมักเรียกรวมกันว่าอย่างนั้นสินะ .. สำหรับเจ้ากระเป๋าใส่เครื่องเขียนรูปปลาฮอกเกะ (hokke) นี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยเห็นกันมาแล้ว เพราะหน้าตาเป็นเอกลักษณ์สุดๆ อ่ะ เห็นเพื่อนๆ แชร์ภาพบน social network กันอยู่พักนึง หน้าตาคล้ายปลาฮอกเกะสดมากๆ เหมือนสุดๆ อ่ะ ปลาฮอกเกะย่าง เป็นเมนูยอดนิยมของคนญี่ปุ่น โดยเฉพาะในแถบฮอกไกโด เชื่อว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นรู้สึกเตะตา ต้องใจกับเจ้ากระเป๋าใบนี้มาก คุณ miraclewatage บอกว่าดูด้านนอกจะเหมือนปลาฮอกเกะสด แต่พอเปิดกระเป๋าออกมาจะเหมือนปลาฮอกเกะย่างอย่างดี เนื้อชุ่มฉ่ำ น่ากิน (แต่เราว่าดูยังไงๆ ก็เหมือนปลาสด ทั้งข้างใน แลข้างนอกเลย ^^” ) ถ้าเพื่อนๆ ใช้เจ้ากระเป๋าใบนี้ แล้วคนญี่ปุ่นมาเห็น หลายคนคงกรี๊ด และมัน Sold Out!! ในญี่ปุ่นซะด้วยจ้า ส่วนตัวแล้ว..เราขอบาย ด้วยเหตุที่เหมือนเกินไป จินตนาการว่าได้กลิ่นปลาสดๆ โชยออกมาจากกระเป๋าแล้วก็ไม่พิศมัยสักเท่าไร หรือเผื่อเกิดใครหิวจนตาลาย หยิบผิดเอาไปย่างกินจริงๆ คงจะยุ่ง ...ล้อเล่นจ้าาา 555
Hokke Mackerel Pencil Case: ยาวประมาณ 32 ซ.ม. เมื่อเปิดแล้วกว้างประมาณ 7.5 ซ.ม. ผลิตภัณฑ์ของ ITOmanufacturing ราคาประมาณ 800 บาท
เครื่องเขียนชิ้นที่ 3 : ที่เจาะรูเป็นรูปกลีบซากุระ (Sakura punch)
สำหรับตัวนี้เราไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไร เพราะเคยเห็นว่ามีที่เจาะลายน่ารักๆ ของญี่ปุ่นอยู่เยอะ หลายลายทีเดียว แต่..ก็นะ คนญี่ปุ่นเขาชื่นชอบดอกซากุระเอามากๆ น่าเสียดายที่มันบานเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ทีนี้คนญี่ปุ่นเขาก็เลยนิยมข้าวของเครื่องใช้สารพัดแบบที่มีลายซากุระอยู่ด้วยน่ะสิ (คงอารมณ์ประมาณว่า ได้เห็นซากุระเบ่งบานตลอดทั้งปีกระมัง) เจ้าที่เจาะรูตัวนี้ก็น่าจะทำให้การทำงานของเราดูผ่อนคลายลงด้วยความน่ารักของรูที่เราเจาะ รวมถึงเศษกระดาษที่เราได้มาก็หวานแหว๋วซะ... เอาไปทำงานฝีมือ ประดับตกแต่ง นู่น นี่ นั่น ได้อีกเยอะด้วย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่สินค้าอาจจะหาซื้อยากแล้ว (ขายดิบขายดีจริง!) )-_-(
Sakura Punch: ทำด้วยเหล็กและ polyethylene มี 2 สีให้เลือก (ขาว/ชมพู) ผลิตภัณฑ์ของ FUUVI ราคาประมาณ 400 บาท
เครื่องเขียนชิ้นที่ 4 : ตัวปั๊มบทสวด?!? (Heart Sutra stamp)
ตัวปั๊มหรือตราประทับอันนี้ ตอนแรกก็สร้างความงุนงงให้กับเราอยู่ไม่น้อย... แต่ดูเหมือนว่าคนญี่ปุ่นที่ต้องการสวดมนตร์แบบนี้ จะต้องคัดลายมือตามบทสวดพร้อมกับท่องบทสวดไปด้วยนะ บางทีคนที่ศรัทธาอยากสวดบทสวดนี้บ่อยๆ ก็คงคิดว่าการนั่งคัดลายมือซ้ำไปซ้ำมาทุกครั้งที่จะสวดนี่คงลำบากไปมั้ง จึงมีคนคิดค้นเจ้าตัวปั๊มนี่ขึ้นมา (แอบโลกสวยนิดนึงว่า บางทีก็เหมาะกับคนที่นิ้วหรือมือไม่ค่อยดี จะคัดบทสวดก็อาจไม่สะดวก แต่ก็อยากสวดบ้างอ่ะนะ) อืม.. แสตมป์วันละครั้ง พร้อมกับท่องบทสวดไปด้วย ก็คงดีกว่าไม่สวดเลยละมั้ง ที่จริงลายบทสวดที่ได้จากตัวปั๊มนี่ก็ดูเก๋ดี (ในสายตาคนไม่รู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างเรา 55) น่าจะเอาไปใช้ทำงานฝีมือได้เหมือนกันนะเนี่ย ว่ามะ?
เครื่องเขียนชิ้นที่ 5 : ปกหนังสือฟรีไซส์ (Freesize Bookcover)
ชิ้นนี้ก็ถือเป็นความชาญฉลาดของผู้ออกแบบอีกเช่นกันนะ เต็มเปี่ยมไปด้วยวัตถุประสงค์ในการใช้งาน ใช้งาน สะดวก เพราะว่าเป็นปกหนังสือที่ดูๆ แล้วขนาดเท่ากันหมดทุกชิ้น แต่สามารถนำไปใช้กับหนังสือได้เกือบทุกขนาด (คงไม่กันงงนะ) เสริมความรู้ให้เพื่อนๆ นิดนึงก่อน คือคนญี่ปุ่นน่ะนะ ชอบอ่านหนังสือ มักจะพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยอย่างน้อยก็หนึ่งเล่ม เอาไว้อ่านฆ่าเวลา (ที่จริงคนญี่ปุ่นจะไม่เรียกว่า “ฆ่าเวลา” กันหรอก มันคือการ “ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า” มากกว่าน่ะ) ไม่ว่าจะเป็นบนรถไฟ หรือตามสวนสาธารณะ แต่คนญี่ปุ่นก็ถือเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ คือพวกเขาไม่อยากให้ใครรู้หรอกนะว่ากำลังอ่านหนังสือเรื่องอะไรหรือเกี่ยวกับอะไรอยู่ ดังนั้นปกหนังสือจึงมีความสำคัญพอๆ กับตัวหนังสือเองเลยแหล่ะ
กลับมาที่เจ้าปกหนังสือที่มีขนาดเดียวแต่ใช้สำหรับหนังสือขนาดมาตรฐานได้เกือบทุกขนาดกันดีกว่า เจ้านี่ก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในหมู่พนักงานขายหนังสือ จะชอบกันมาก ทำไมน่ะเหรอ ก็เวลาลูกค้ามาจ่ายสตางค์ ถ้าไม่อยากตามล่าหาปกหนังสือให้มีขนาดเหมาะ เข้ากันได้กับหนังสือที่ลูกค้าเพิ่งซื้อไป ก็เพียงแค่เสนอปกหนังสืออเนกประสงค์นี้ให้กับคุณลูกค้าซะ (ประมาณว่า “รับหนมจีบ ซาเปาเพิ่มมั้ยค่ะ” นั่นแหล่ะ) ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะซื้อซะด้วย ก็มันมีสีและลายให้เลือกเพียบ!! น่ารัก น่าจับจอง น่าใช้เป็นที่สุด ซื้อเป็นของที่ระลึกเฉยๆ ยังได้เลย ฮิ ฮิ
Freesize Bookcover: ขนาด 445 x 280 ม.ม. (แพ็คเก็จขนาด A5) ทำด้วยผ้าคอตต้อนแท้ 100% (ไม่ใช่ฟอร์มาลีนในกระบวนการผลิต) มี 20 สี/ลายให้เลือก ผลิตภัณฑ์ของ Beahouse ราคาประมาณ 500 บาท
เครื่องเขียนชิ้นที่ 6 : ยางลบ Hayakeshi 3 (Super Quick Triple Eraser)
ขออนุญาตเรียกเล่นๆ ว่า “ยางลบเร่งด่วน” ฮะ ฮะ เห็นว่าได้ไอเดียมาจากความเชื่อที่ว่า หากยางลบมี 3 มุม ก็น่าจะลบได้เร็วขึ้นเป็น 3 เท่า ในอินเตอร์เน็ตมีคนแสดงความคิดเห็นและรีวิวการใช้แตกต่างกันไป แต่ถ้าอย่างรู้ว่าความเชื่อที่ว่านี้จริงมั้ยล่ะก็ หาซื้อมาลองใช้เอง น่าจะซึ้งที่สุด
Hayakeshi 3: ทำจาก PVC ผลิตภัณฑ์ของ Kutsuwa (STAD) ราคาประมาณ 50 บาท
เครื่องเขียนชิ้นที่ 7 : ดินสอไม้ 500 สี (500 colores names stories)
แม่เจ้าโว้ย!! ต้องเป็นศิลปินตัวจริง (หรือไม่ก็ขี้เกียจผสมสีเองแบบสุดๆ) ที่น่าจะชื่นชอบดินสอ 500 สีนี้ นอกจากจะมีสีมากมายเกือบทุกเฉดสีที่มนุษย์จะสามารถรวบรวมเอาไว้ได้แล้ว ชื่อเรียกแต่ละสีก็แปลกๆ และบางชื่อก็งงๆ อย่างเช่น “Madame Pomperdour” สีคล้ายๆ จะเป็นช็อกกิ้งพิงค์ “Sunshine” สีเหลืองสดสุดๆ “Baby Face” น่าจะใช่สีส้มโอล์ดโรสละมั้ง รวมไปถึง “Poseidon” สีคราม (น้ำเงินอมเขียว) เป็นต้น คำเตือน!! ผู้ครอบครองเจ้า 500 สีนี้ ควรหาเทคนิคในการจดจำสีที่ชื่นชอบเอาไว้ให้ดี มิฉะนั้นอาจจะหาไม่เจอ เหอะ เหอะ
ที่สำคัญกว่า มันไม่ได้จำหน่ายแบบครั้งเดียวครบ 500 สีนะจ๊าาาา ด้วยกุศโลบายของทางผู้ผลิตในธีม Social Designer (Goods for the Greater Good) 1 เซ็ตย่อย จำนวน 25 สี จะถูก delivery สู่ตรงถึงบ้านผู้ซื้อทุกๆ เดือน 20 เดือนก็จะได้ 500 สี ครบพอดิบพอดี เดือนนึงก็จ่ายราวๆ 640 บาท 20 เดือนก็ 12,800 บาท ช่างคุ้มค่ากับการได้ครอบครองและการรอคอยเสียนี่กระไร ^^”
ถ้าใครอยากได้ตอนนี้ หรืออยากรู้ว่าชื่อสีประหลาดๆ ของทั้ง 500 สี มีอะไรบ้าง หรือทำไมต้องรอตั้ง 20 เดือน ก็ขออัญเชิญที่นี่:-http://www.felissimo.co.jp/asia/feature/index.cfm?cid=28936 บอกเลยว่าฮิตมาก ยอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านชุดเข้าไปแล้ว เราว่าที่ขายดีก็เพราะมีเคสสำหรับจัดโชว์เก๋ๆ ด้วยล่ะ (><)/
500 colors names stories: ผลิตภัณฑ์ของ Felissimo ประกอบด้วย 20 เซ็ตย่อย เซ็ตละ 25 สี ส่ง 20 เดือน ราคาเดือนละประมาณ 640 บาท รวมแล้วประมาณ 12,800 บาท (แอบกระซิบว่าช่วงนี้ลดราคาพิเศษอยู่) และหากสั่งตั้งแต่ 2 เซ็ตขึ้นไป (เซ็ต 500 สีน่ะนะ) จะได้ราคาพิเศษลงไปอีก ราคาเดือนละแค่ประมาณ 385 บาท/เซ็ตย่อย (O_O) ซื้อกี่เซ็ตก็คูณเข้าไปละกัน พอครบ 20 เดือน ได้ 500 สีราคารวมก็จะอยู่ที่ประมาณ 7,700 บาทเท่านั้น!!! ถูกลงไปราวครึ่งหมื่น ว้าว!!
*เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ งง ขออธิบายเพิ่มเติมนิดนึงว่า.. เราสั่งของแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่หมายถึงเราสั่ง 500 สี (20 เดือน) เลยนะ เพียงแค่ในเว็บเค้าแจ้งราคาเป็นรายเดือน หลายคนจึงอาจจะงง ว่าต้องคอยออเดอร์ทุกเดือนหรือเปล่าน่ะ ของจะทยอยส่งมาให้ทุกเดือน จะปฏิเสธไม่รับของหรือยกเลิกการสั่งซื้อระหว่างทางก่อนครบ 20 เดือนไม่ได้ สั่งซื้อแล้วสั่งซื้อเลย เขาเอาของมาส่งก็รับๆ ไว้ซะนะคู้ณณณณ
เครื่องเขียนชิ้นที่ 8 : สมุดตัวเอียง (Straight notebook)
เพื่อนๆ เป็นกันมั้ย ไอ้นิสัยชอบเขียนหนังสือขึ้นฟ้าอ่ะ หรือไม่ก็เอียงสมุดกันสุดๆ เพื่อให้เราสามารถวางมือเขียนเอียงๆ ได้อย่างสบายใจ สบายมือ และสบายอารมณ์ บางคนถึงขนาดเอียงคอ จนเมื่อยหลัง ตาเข กันไปเลยทีเดียว เพื่อจะได้เขียนเอียงๆ อย่างที่ใจปรารถนา ... คนญี่ปุ่นเขาก็มีจ้า คนประเภทนี้น่ะ และพวกเขาก็คงจะเข้าใจธรรมชาติ (พิสดาร) แบบนี้ของมนุษย์ดี จึงได้ออกแบบสมุดเพื่อการเขียนตัวเอียงขึ้นมา ก็ทำให้เส้นบรรทัดเอียงซะเลยไง ตามใจฉันมากๆ 555 มนุษย์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็คงเป็นดั่งเช่นมนุษย์ไทยจำนวนไม่น้อยที่มีนิสัยเขียนหนังสือเอียงๆ เพราะเชื่อหรือไม่ ในญี่ปุ่นสมุดตัวเอียงนี้ขายดีมว้ากกกกกก
Straight Notebook: 1 เล่ม ขนาด 179 x 252 ม.ม. (B5) มี 26 แผ่น 52 หน้า ทำด้วยกระดาษถนอมสายตา มีลายเส้นบรรทัดทำมุมทแยงขึ้นทางขวามือ 55 องศา ผลิตภัณฑ์ของ Tsubame notebook ราคาประมาณ 100 บาท
เครื่องเขียนชิ้นที่ 9 : ที่คั่นหนังสือรูปลิ้น (Real label : tongue)
อีกหนึ่งชิ้นงานที่สร้างความมึนให้กับข้าฯ ว่ามันมีเอาไว้ใช้ทำอะไรกันฝะ? จากการค้นคว้าผ่านคุณ google เพียงไม่นาน ก็เห็นว่ามันใช้เป็นที่คั่นหนังสือ อารมณ์ประหนึ่งว่าหนังสือกำลังแล่บลิ้นออกมา แต่มันน่าขนลุกตรงที่ว่า เป็น label รูปลิ้นเสมือนจริง เอาเป็นว่าเขาทำให้เหมือนจริงแบบสุดๆ ทั้งรูปร่าง หน้าตา (ของลิ้น) และเมื่อยามสัมผัส อึ๋ย! จินตนาการไปซะ หลายคนสงสัยว่าไปเอาตัวอย่างลิ้นนี้มาจากไหน หุ หุ เฉลย... ผลิตภัณฑ์ที่นำออกมาวางจำหน่ายนี้ จำลองมาจากลิ้นของพัน ละ เมีย (ภรรยา) ของผู้คิดค้นนั่นเอง เหนือคำบรรยายเจ้าค่ะ ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่าเหมือนจริงแค่ไหน ก็ลองไปหาซื้อมาใช้กันดู เก๋? มั้ง! แต่ถ้าเจ้าลิ้นนี้ขยับตอนที่เราคั่นหนังสือเอาไว้ล่ะก็...วิ่งป่าราบชัวร์!! (และแล้วไอเดียชั่วๆ ก็ออกมา ... ซื้อมาแกล้งเพื่อนดีก่า อิ อิ)
เครื่องเขียนชิ้นที่ 10 : เครื่องคิดเลขขนาดมโหฬาร (Huge Calculator)
เครื่องคิดเลขเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะทำงานเพื่อนๆ หลายคน (เชื่อสิ!) แต่ถ้ามาบิกส์ไซส์ขนาดนี้ ไม่แก่ ก็สายตาแย่สุดๆ ชัวร์!! 555 แต่เชื่อมั้ย มันมีประโยชน์มากกว่าการเป็นแค่เครื่องคิดเลขนะ มันเป็นเครื่องช่วยออกกำลังกายด้วย จะจิ้มแต่ละปุ่ม รับรอง! ขยับนิ้ว ขยับมือ ขยับแขน ไกลกว่าที่เคยกดเครื่องคิดเลขเครื่องอื่นๆ มาอย่างแน่นอน ห๊ะเหยยยย แต่เอาจริงๆ เลยนะ เราเคยเห็นเครื่องคิดเลขไซส์ประมาณนี้มีวางจำหน่ายอยู่หลายที่ในกรุงเทพฯ ถ้าเพื่อนๆ อยากได้ก็คงพอจะหากันได้เนอะ ;-)
จบไปอย่างที่คนเรียบเรียงเองก็แทบไม่รู้ตัว บางชิ้นก็น่าใช้ บางชิ้นก็น่าสยอง บางชิ้นก็นะ..คิดได้เนอะ?!? แต่นี่แหล่ะจ้ะ ผลงานเครื่องเขียนที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมและฮือฮากัน ณ จุดหนึ่ง