ย้อนตำนาน เพลงธีมบอลโลกสุดฮิตในอดีต
สีสันที่ขาดไม่ได้อีกอย่างหนึ่งของบอลโลก เห็นจะเป็น "เพลงประจำบอลโลก" ที่เชื่อว่าแฟนบอลหลายคน น่าจะจดจ้องรอฟัง ไม่แพ้กับนับถอยหลังเฝ้ารอการรูดม่านเปิดสนามประลองแข้ง ของ 32 ชาติ ทั่วโลก
คราวนี้ แอฟริกาใต้ ในฐานะเจ้าภาพบอลโลก ครั้งที่ 19 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของชาติจากทวีปแอฟริกา มีหรือจะยอมน้อยหน้าเจ้าภาพปีอื่นๆ
Wavin' Flag ซึ่งร้องโดย "K'Naan" ศิลปินแร็ปมากความสามารถชาวโซมาเลีย เชื้อสายแคนาเดียน ได้รับการคัดเลือก จาก โคคา-โคลา ผู้สนับสนุนหลักศึกฟุตบอลโลก 2010 ให้เป็นเพลงธีมประจำทัวร์นาเม้นท์ และก็ได้ปล่อยซิงเกลออกมาโหมโรงให้รับฟังกันแล้ว
และที่เพิ่งปล่อยมาสดๆ ร้อนๆ ก็คือ "Wake Waka (This Time for Africa)" ของ นักร้องสาวละตินสุดเซ็กซี่ "Shakira" ซึ่งมาร่วมงานกับ "Freshlyground" ดนตรีชื่อดังของแอฟริกาใต้
อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันเวิลด์คัพ ที่ผ่านๆมา ก็มีหลายเพลงทีเดียว ที่ประสบความสำเร็จ และยังอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลไม่ว่าจะผ่านไปนานหลายสิบปี
"To be number one" และ "Gloryland" ถือเป็น 2 เพลงประจำบอลในตำนาน ที่ยังคงติดหูแฟนบอลทั่วโลก โดยเฉพาะแฟนลูกหนังในช่วงต้นยุค 90 อย่าง ผู้เขียนก็ต่างประสานเสียงเทใจให้หมดห้อง
ไม่เพียงเท่านั้น ความคลาสสิกของทั้ง 2 เพลง ก็ยังทำให้พวกมัน ถูกนำมารีเมคใหม่อยู่เรื่อยๆ กระทั่งปัจจุบันนี้
สำหรับ เพลง "To be number one" หรือ "Un estate Italiana" ในเวอร์ชั่นภาษาอิตาลี ถูกใช้เป็นเพลงธีมในศึกบอลโลก 1990 ที่อิตาลี โดยครั้งนั้น เป็น เยอรมนี ที่คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ไปครอง และศิลปินผู้รังสรรค์งานชิ้นเยี่ยมนี้ ก็คือ "Giorgio Moroder" นักร้อง, นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ เจ้าถิ่น
ขณะที่ เพลง "Gloryland" ของ "Daryl Hall" ซึ่งร่วมงานกับ "Sounds of Blackness" ถูกใช้เป็นเพลงธีม ในศึกบอลโลก 1994 ที่สหรัฐฯ ซึ่ง บราซิล คว้าแชมป์ หลังดวลจุดโทษเอาชนะ อิตาลี ในเหตุการณ์ที่ยังคงเป็นที่จดจำ จากลูกยิงนกของอดีตยอดดาวยิงหางเปีย "โรแบร์โต บักโจ"
รวมไปถึงเพลง "We are the Champions" ของ "Queen" วงร็อกระดับตำนาน ที่ยังคงถูกนำมาเปิดในศึกฟุตบอลต่างๆ อยู่อย่างตลอด
ถัดมาอีก 4 ปี ในศึกบอลโลก 1998 ที่ ฝรั่งเศส ถือเป็นอีกทัวร์นาเม้นท์ ที่เพลงประจำบอลโลก ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก และสร้างความตื่นเต้นเร้าใจกระชากอารมณ์ให้กับเกมการแข่งขันได้มากทีเดียว
นั่นคือเพลง "The Cup of life" หรือ "La Copa de la Vida" ในภาษาสเปน ของ "Ricky Martin" นักร้องชาย (ที่สุดท้ายยอมรับว่าเป็นเก้งกวาง) เอวสุดพลิ้ว ชาวเปอร์โตริโก ที่มาพร้อมกับกลิ่นไอสนุกสนานสไตล์ละติน
นอกจากนี้ ยังมีเพลงเชียร์ของชาติต่างๆ ที่ของรวมแจมสร้างสีสัน ที่ดังๆ และคุ้นหู อย่างเช่น เพลง "Put 'Em Under Pressure" ของทีมชาติไอร์แลนด์ ในศึกบอลโลก 1990 ของวงไอริชชื่อก้องโลก "U2"
บอกชื่อเพลง หลายคนคงงง แต่ถ้าร้องท่อนฮุคที่ว่า "Ole Ole Ole Ole..." หลายคนคงร้องอ๋อกันแน่นอน ซึ่งทำนองก็จะไปคล้ายๆกับ เพลง Ole, Ole, Ole อีกเพลงบอลโลก ปี 1990 ที่ดังไม่แพ้กัน
ส่วน "Three Lions" เพลงเชียร์ทีมชาติอังกฤษ ในศึกบอลโลก 1998 โดย "Baddiel and Skinner/The Lightning Seeds" และเพลงบรรเลง ไม่มีเนื้อร้อง อย่าง "Carnival De Paris" ของ "Dario G" ในปีเดียวกัน ที่ฝรั่งเศส ก็น่าจะเป็นอีก 2 เพลงที่เชื่อว่า หากใครได้ฟัง ก็คงตกอยู่ในภวังค์ของบรรยากาศของเกมลูกหนังได้ทันที
เล่าให้ฟังอย่างเดียวแบบนี้ บางคนอาจยังไม่เก็ท ดังนั้น หากใครอยากที่จะทบทวนหวนอดีต ก็ลองหามาเปิดฟังกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของโลกไซเบอร์ออนไลน์เช่นนี้ การค้นหา ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก.
โดย ไทยรัฐออนไลน์
8 พฤษภาคม 2553, 09:35 น.