ในภาพยนตร์สยองขวัญ, แนวนวนิยาย ของต่างประเทศมักจะมีฉากอยู่ใน โรงเรียน-มหาวิทยาลัย ร้าง ให้เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ เป็นที่ที่เงียบสงบ งดงาม รกร้าง แต่ก็แฝงไปด้วยความสยอง น่าขนลุกขนพอง นี่คือ 9 โรงเรียน-มหาวิทยาลัยที่ถูกทิ้งร้าง จนน่าขนลุก บางสถานที่มีอายุเก่าแก่ ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายก่อนที่จะปรับปรุงเพื่อเปิดเป็นสถาบันการเรียน จากสถานที่ที่มีผู้คนเดินกันยั้วเยี้ย กลับกลายเป็นที่รกร้าง เป็นที่อยู่อาศัยของคนพเนจรหรือสิ่งที่เรามองไม่เห็น นอกจากนี้ บางสถานที่ได้กลายมาเป็นฉากในภาพยนตร์สยองขวัญหลายเรื่องอีกด้วยคะ
9 โรงเรียน-มหาวิทยาลัยที่ถูกทิ้งร้าง จนน่าขนลุก1. Lillesden School for Girls : ประเทศอังกฤษ
โรงเรียนสตรีเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ “Lillesden School for Girls” ที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ก่อนที่จะมาสร้างเป็นโรงเรียนแห่งนี้ แต่เดิมเป็นคฤหาสน์ชื่อว่า “Lillesden Estate Mansion” ถ้าดูตามประวัติการก่อสร้างแล้วต้องถือว่าเป็นโรงเรียนที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่ง
ย้อนกลับไปสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 คฤหาสน์แห่งนี้ถูกใช้เป็นโรงพยาบาลทหารมาก่อน เมื่อสงครามสิ้นสุดลงก็ได้ขายเพื่อทำเป็นโรงเรียนอุดมศึกษาชายล้วนที่ชื่อว่า “Saint Wilfred’s Boys Preparatory School” ในปี ค.ศ.1922 และหลังจากนั้นกว่า 14 ปี สถานที่แห่งนี้ก็ถูกขายอีกครั้งและนำมาสร้างเป็นโรงเรียนสตรี “Saint Cuthbert’s Girls School” ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณปี ค.ศ.1940 ก็ได้ถูกนำมาทำเป็นโรงพยาบาลทหารอีกครั้ง เมื่อสงคราสิ้นสุดลงจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อและได้ตั้งเป็นโรงเรียนสตรี “Lillesden School for Girls” ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งปิดตัวและถูกทิ้งร้างในปี ค.ศ.1999 นั่นเอง
2. Holley High School : นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
โรงเรียนฮอลลี่ (Holly High School) โรงเรียนมัธยมในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งโรงเรียนแห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนที่น่าภาคภูมิใจของเมืองนิวยอร์ค สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1931 แต่โชคร้ายที่โรงเรียนและหมู่บ้านนี้ต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะอย่างหนักจากใยหิน ที่พบในบริเวณดังกล่าว ทำให้ต้องปิดตัวลงในปี ค.ศ.1971 และถูกปล่อยให้รกร้างมาอย่างยาวนาน ทำให้โรงเรียนมัธยมฮอลลี่มีบรรยากาศภายในที่ดูหลอนอย่างกับในหนังซอมบี้เลยทีเดียว ห้องประชุมหลักของโรงเรียนที่เต็มไปด้วยข้าวของที่ถูกทำลาย ผนังกำแพงที่ผุพัง มอสและตะไคร่น้ำปกคลุมไปทั่วบริเวณ ของเล่นเด็กและตำราเรียนที่ถูกทิ้งไว้ตามจุดต่างๆ
3. Bennett College : นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
อาคารหลักของวิทยาลัยแห่งนี้คือ “Halcyon Hall” ที่เคยเป็นโรงแรมที่ใหญ่โตหรูหรา และสง่างาม ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1893 ก่อนที่จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยสตรีเบนเน็ตต์ ในปี ค.ศ.1970 ทำให้วิทยาลัยสตรีแห่งนี้มีภาพบรรยากาศในตอนนั้นคล้ายๆ กับ “ฮอกวอตส์” ในภาพยนตร์แฮร์รี่พอตเตอร์ ก็ว่าได้
แต่ปัจจุบันสภาพของสถานที่แห่งนี้กลับไม่เหลือเค้าโครงเดิม ตัวอาคารทรุด ต้นไม้ขึ้นปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีช่างภาพมากมายเข้าไปเก็บภาพของวิทยาลัยแห่งนี้ รวมไปถึงวัยรุ่นที่ชอบไปสำรวจสถานที่แห่งนี้ก่อนที่จะหายไปอย่างถาวรในไม่ช้า..
4. L’école de Médecine Vétérinaire : ประเทศเบลเยียม
โรงเรียนสัตวแพทย์ “L’école de Médecine Vétérinaire” ที่ถูกทิ้งร้างอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม บางทีสถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นที่ที่ชวนขนลุกที่สุดในลิสต์รายการของเราก็ได้ เพราะความน่าสะพรึงกลัวของบรรยากาศภายในโรงเรียนแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะไปเป็นฉากในหนังสยองขวัญสักเรื่อง อย่างเช่น “Horror Labs” เพราะคุณจะพบเห็นห้องแล็บที่น่าสยดสยองไปทั่วโรงเรียน เต็มไปด้วยเครื่องมือการเรียนการสอน โหลดองอวัยวะของสัตว์มากมาย ประกอบกับฉากผนังอาคารที่ผุพังเต็มไปด้วยหยากไย่และฝุ่นหนาเตอะ กลิ่นฟอร์มาลีนที่ยังคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทำให้บรรยากาศภายในโรงเรียนแห่งนี้น่ากลัวอย่าบอกใคร!!!
ภาพของโรงเรียนสัตวแพทย์ที่ครั้งหนึ่งเคยประกอบด้วยอาคาร 19 หลัง ที่ยิ่งใหญ่มากในบรัสเซลส์ ได้ปิดตัวลงเมื่อปี ค.ศ.1990 เพราะต้องย้ายไปอยู่ที่ลีแยฌ (Liège) สถานที่แห่งนี้จึงถูกปล่อยทิ้งไว้ตั้งแต่นั้นมา
บางส่วนของอาคารถูกดัดแปลงไปเป็นอพาร์ทเม้นท์ห้องใต้หลังคา แต่อาคารหลักยังเต็มไปด้วยโหลดองอวัยวะสัตว์ที่ถ้าใครได้เห็นภาพรับรองว่าต้องเบือนหน้าหนี สภาพตึกที่เก่าแก่และบรรยากาศอันชวนขนลุกเหล่านี้ กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของบรรดาช่างภาพ และเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่บรรดานักสำรวจเมืองที่ชอบความท้าทายก็พลาดไม่ได้เช่นกัน
5. Detroit Schools : ดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา
ทันทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจอย่างฉับพลันในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ.1980 ก่อให้เกิดผลกระทบมากมาย โดยเฉพาะในเมืองดีทรอยต์ ที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้เลยว่า “ดีทรอยต์” เมืองใหญ่เมืองแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ยื่นเรื่องขอล้มละลายอย่างเป็นทางการ
ด้วยจำนวนหนี้สินมากมายหลายพันล้านดอลลาร์ ชุนและหมู่บ้านในนครดีทรอยต์ขาดสาธารณูปโภครุนแรงและขาดงาน ทำให้ผู้คนได้อพยพและทิ้งบ้านไปเป็นจำนวนมาก โดยในระหว่างปี ค.ศ. 2000-2010 จำนวนประชากรลดลงกว่า 250,000 คน
รวมไปถึงโรงเรียนที่ปิดตัวลงและได้ถูกทิ้งร้างไว้กว่า 30 โรงเรียน เหลือเพียงห้องเรียนที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน เราจะเห็นภาพโรงเรียนที่ตอนนี้ได้กลายเป็นซากปรักหักพัง ผนังโรงเรียนเต็มไปด้วยสีพ่นกำแพง ข้าวของในโรงเรียนและในบ้านร้างต่างๆ ถูกรื้อค้นและทุบทำลาย จนกลายมาเป็นแหล่งซ่องสุมของเหล่าอาชญากรทั้งหลาย ทำให้สถิติการฆาตกรรมในเมืองดีทรอยต์พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี และตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากนั้น ดีทรอยต์ยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองอันตรายที่สุดของสหรัฐฯ อีกด้วย
6. Université du Val Benoît : เมืองลีแยฌ ประเทศเบลเยียม
มหาวิทยาลัย เว เบอนัวต์ อดีตสถาบันการศึกษาที่เคยผลิตนักคณิตศาสตร์, วิศกร, สถาปนิก และนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญของประเทศเบลเยี่ยม มากว่า 75 ปี โดยเริ่มสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 – 1937 แต่เดิมเป็นวัดซิสเตอร์เรียนโบราณตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 และได้กลายมาเป็นมหาวิทยาลัยในช่วงปี ค.ศ.1930 เป็นต้นมา และได้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 2005 หลังจากนั้นสถานที่แห่งนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างว่างเปล่า
บทเรียนสุดท้ายถูกฝังอยู่ในชอล์คบนกระดานดำของโรงละครที่ว่างเปล่า การทดลองถูกทิ้งให้เน่าอยู่ในห้องปฏิบัติการร้าง ผนังและวอลเปเปอร์ที่หลุดลอก พื้นที่กว่า 30.000 ตารางเมตร ปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง และซากปรักหักพัง ซึ่งช่างภาพที่เข้าไปเก็บบรรยากาศที่มหาวิทยาลัยร้างแห่งนี้“Mr Dietze” ได้กล่าวว่า เขาได้สัมผัสถึงพลังงานบางอย่างในสถานที่แห่งนี้ ได้ยินเสียงหัวเราะ, เสียงเหมือนคนวิ่งอยู่ในห้องเรียน และเสียงประตูกระแทก แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลย
7. Eastmoor (Adel) Reformatory School : ลีดส์ ประเทศอังกฤษ
อีกหนึ่งโรงเรียนร้างสุดสยอง ที่ชื่อว่า “Eastmoor (Adel) Reformatory School” หรือที่เรียกกันว่า “โรงเรียนดัดสันดานสำหรับเด็ก” ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในอาเดล เมืองลีดส์ ในเวสต์ยอร์กเชียร์เคาน์ตี ประเทศอังกฤษ
ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1857 ความน่าสะพรึงกลัวของโรงเรียนร้างแห่งนี้มาจากเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความน่ากลัวจนได้รับฉายาว่า “Adel ghost town” เนื่องด้วยโรงเรียนดัดสันดานแห่งนี้ภายหลังได้รับการอนุมัติให้เป็นสถานที่กักกันเด็กและเยาวชนในคดีที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
หนึ่งในนั้นมี “จอน เวนาเบิล (Jon Venables)” เด็กชายวัย 10 ขวบที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในโลก ได้ก่อคดีฆาตกรรมเด็กน้อย “เจมส์ บัลเกอร์ (Jamie Bulger)” วัย 2 ขวบ 11 เดือน ด้วยวิธีการที่โหดร้ายเกินกว่าเด็กคนไหนในโลกจะทำได้ เมื่อคดีถูกตัดสินแล้ว จอน เวนาเบิล ได้ถูกส่งตัวมาคุมขังไว้ที่สถานกักกันแห่งนี้ ในช่วงปี 1990
8. Chianan Home Economics Vocational High School : ไต้หวัน
โรงเรียนมัธยมของประเทศไต้หวัน “Chianan Home Economics Vocational High School” ที่มีช่างภาพเข้าไปเก็บภาพไว้มากมายและนำมาแชร์กันทางอินเตอร์เนตแต่กลับพบข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนนี้น้อยมาก มีเพียงบรรยากาศรกร้างของโรงเรียนแห่งนี้มาให้ได้ชมกัน
โรงเรียนร้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้และพืชสีเขียวทั้งประตูและหน้าต่าง คล้ายๆ ฉากในหนังสยองขวัญทั่วไป ในแต่ละห้องจะมีข้าวของเสียหายผุพัง ส่วนใหญ่ดูเหมือนว่าจะแตะต้องอะไรไม่ได้อีกแล้ว สภาพทุกอย่างภายในโรงเรียนแห่งนี้เหมือนถูกแช่แข็งไว้ หนังสือตำราต่างๆ เกลื่อนอยู่บนพื้น ไม่มีใครบอกได้ว่าโรงเรียนแห่งนี้ถูกสร้างและทิ้งร้างไว้ในสภาพเช่นนี้มานานกี่ปีแล้ว ช่างภาพและบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายก็ได้เข้าไปถ่ายรูปเล่นกันในโรงเรียนแห่งนี้เปรียบเสมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในไต้หวันก็ว่าได้
9. Pripyat Schools : ประเทศยูเครน
โศกนาฎกรรมช็อคโลกที่ทุกคนไม่อาจลืมเลือน แม้จะผ่านมานานหลายสิบปี แต่ร่องรอยและความหวาดผวายังคงมีให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบัน ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 26 เมษายน 1986 (2529) ได้เกิดการระเบิดของ “เชอร์โนบิล” โรงงานนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ ที่นำหายนะครั้งใหญ่มาสู่สิ่งมีชีวิต ใกล้เมืองพรีเพียต (Pripyat)
ความรุนแรงของการระเบิดครั้งนี้ทำให้มีคนตายทันที จากการได้รับกัมมันตรังสีโดยตรง 56 คน ส่วนอีก 4,000 คน ตายภายหลังจากการสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนกัมมันตรังสี และต้องอพยพผู้คนกว่า 350,000 คน ให้ออกจากพื้นที่โดยรอบทันที ทำให้เมืองแห่งนี้กลายสภาพมาเป็นเมืองร้าง เมืองผี ดูน่าสะพรึงกลัวและน่าสลดหดหู่ใจ
เช่นเดียวกับโรงเรียนพรีเพียต (Pripyat Schools) ก็ได้กลายเป็นโรงเรียนร้างที่มีสภาพไม่ต่างจากโรงเรียนผีสิง และตำนานเรื่องเล่าขานต่างๆ ก็ได้เริ่มต้นขึ้น บางก็เล่าว่ารู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ เงาของชายลึกลับที่หลายคนพบเห็น บ้างก็พบซากตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ตั้งอยู่ในส่วนต่างๆ ของเชอร์โนบิล
ความน่ากลัวเหล่านี้ได้ถูกนำไปถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง “Chernobyl Diarie” ที่ได้ไปลงพื้นที่ถ่ายทำในสถานที่จริง ที่ได้ชื่อว่า “น่ากลัวที่สุดในโลก” เมื่อเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านจนย่างเข้าสู่ปีที่ 25 ของอุบัติภัยครั้งร้ายแรงในประวัติศาสตร์โลก การท่องเที่ยวยูเครนก็ได้ออกประกาศว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในการเสี่ยงภัยและต้องการเข้าไปเยี่ยมชมบรรยากาศภายในเขตพื้นที่เชอร์โนบิล สามารถเดินทางเข้าไปภายในเมืองพรีเพียตได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งนี้ยกเว้นในเขตพื้นที่ประมาณ 30 ไมล์ รอบๆ เครื่องปฏิกรณ์ที่เกิดระเบิดเท่านั้นที่ห้ามเข้าไปอย่างเด็ดขาด
ขอบคุณข้อมูล http://www.urbanghostsmedia.com/, http://www.unigang.com/