เรียบเรียงโดย Clipmass.com

ยอดเขาเอเวอร์เรส เป็นยอดเขาที่นักเดินทาง และนักผจญภัยทั้งหลายใฝ่ฝันอยากจะลองไปสัมผัสดูสักครั้ง ด้วยความที่เป็นยอดเขาชื่อดังของโลก และมีอุณหภูมิหนาวเย็น ท้าทายความกล้าของใครหลายคนเป็นอ่างมาก

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การเดินทางไปผจญภัยบนยอดเขาเอเวอร์เรสนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000 – 60,000 ดอลล่าห์สหรัฐ เลยทีเดียว ที่สำคัญยังเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย โดยถ้ามีคนเสียชีวิตในขณะเดินทาง ศพพวกนั้นจะถูกทิ้งไว้อยู่บนนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจ ถ้าระหว่างทางเดินจะเจอศพคนตามไหล่ทาง

โดย Frances Assen เป็นนักปีนเขาชาวอเมริกันที่เสียชีวิตบนยอดเขาเอเวอร์เรส ซึ่งก่อนตายนั้นเพื่อนร่วมทางของเธอทั้งสองคนเล่าว่า “Frances Assen รู้สึกว่าร่างกายค่อยๆ เย็นเหมือนน้ำแข็ง เริ่มเห็นภาพหลอน และไม่ได้สติ” แต่สิ่งที่พวกเธอทำได้ในตอนนั้นคือ เดินจาก Frances Assen ไป และพวกเธอยังจำคำพูดสุดท้ายของ Frances Assen ได้ว่า “Please don’t leave me” มันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเธอรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เพราะว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไร Frances Assen ได้เลย

Frances Assen เดินทางไปยอดเขาเอเวอร์เรสในเดือนพฤษภาคม 1988 และเธอเป็นนักปีนเขาหญิงคนแรกที่ไม่นำถังออกซิเจนติดตัวไปปีนเขาด้วย ระหว่างทางที่เธอกำลังลงจากเขาในระดับความสูง 244 เมตรจากยอดเขานั้น ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้นคือ ร่างกายของเธอเกิดขาดออกซิเจนฉับพลัน

ซึ่งตอนที่เกิดเหตุนั้น Ian Vodar เป็นชาวแอฟริกาที่เป็นเพื่อนร่วมทีมกับ Frances Assen อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย แต่พวกเขาไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย และแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านมาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงโดนว่าว่าปล่อยให้เพื่อนตายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งเป็นฝันร้ายสำหรับพวกเธอมาก

โดยในปีนี้ Ian Vodar ได้ถูกบีบคั้นจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ถึงข้อกล่าวหานั้น เธอจึงได้ทำการเดินทางกลับไปยังยอดเขาเอเวอร์เรสอีกครั้ง เพื่อกลับไปค้นหาศพของ Frances Assen ที่เหลือและนำมาประกอบพิธีฝังให้เรียบร้อย เพื่อให้ดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ

หลังจากปี 2004 มีนักปีนเขาประสบความสำเร็จในการเดินทางไปถึงยอดเขาประมาณ 2,000 คน และมีผู้เสียชีวิตขณะเดินทาง 189 คน โดยศพส่วนใหญ่นั้นจะพบในบริเวณจุดสุดท้ายก่อนถึงยอดเขา ซึ่งมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 8,000 เมตร

ข้อมูลและภาพประกอบจาก liekr