ที่มาข้อมูลจาก http://www.japantravelinfo.com
แปลและเรียบเรียงโดยประชาชาติฯออนไลน์
ในทุกๆ ปีเมื่อลมหนาวเริ่มพัดมาเยือนประเทศอันดับต้นๆ ที่คนไทยนึกถึงและใฝ่ฝันที่จะไปให้ได้สักครั้งในชีวิต คงหนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลนับล้านประการไม่นับรวมระยะเวลาการเดินทางที่ไม่นานมากนัก เชื่อว่า ในปีนี้หลายๆ คน ก็คงเตรียมวางแผนหาข้อมูลการเดินทางไปยังดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้กันบ้างแล้ว ความสวยงามในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงของประเทศญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก แต่ความงดงามทัศนียภาพในฤดูหนาวก็น่าสัมผัสไม่แพ้กัน และนี่คือ 7 สถานที่ ที่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นในดินแดนญี่ปุ่นที่เรานำมาแนะนำ
1. ธารน้ำแข็งทะเลโอคุซึ จังหวัดฮอกไกโด
ที่นี่ตั้งอยู่บนชายฝั่งฮอกไกโด ในช่วงเดือนฤดูหนาวแผ่นน้ำแข็งจะลอยอยู่เหนือผิวท้องทะเลเป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูด เสียงน้ำแข็งที่ลอยมากระทบกันเป็นระยะๆ เป็น 1 ใน 100 เสียงประหลาดลึกลับ ที่ถูกรวบรวมไว้ของญี่ปุ่น นอกจากประสบการณ์ที่ได้รับแล้ว ถ้าต้องการคำอธิบายอย่างละเอียดก็มีพิพิธภัณฑ์โอคุซึ เรียว-โฮว ให้คุณได้เยี่ยมชม นอกจากนี้ คุณยังสามารถขึ้นรถไฟหรือล่องเรือตัดธารน้ำแข็งไปยังโอคุซึทาวเวอร์ หรือลงไปเดินบนพื้นน้ำแข็งที่ทำให้รู้สึกฉงนไปกับสัตว์ธรรมดาๆ อย่างปลาและนกแปลกๆ ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศน์พิเศษแห่งนี้
2. อุทยานแห่งชาติคุชิโระ ชิซึเก็ง เมืองคุชิโระ จังหวัดฮอกไกโด
ที่นี่ถูกจัดให้เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งใหม่ของญี่ปุ่น และนี่คือที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของนกกระเรียนแดงญี่ปุ่น ที่เป็นสัตว์อนุรักษ์ของญี่ปุ่นและอุทยานแห่งนี้เองเป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้ที่สนใจศึกษาวิถีชีวิตของมัน อุทยานนี้เป็นที่รู้จักเพราะเป็นสถานที่ทดลองเพาะพันธุ์นกกระเรียน ในแต่ละปี เราสามารถพบเห็นนกกระเรียนประมาณ 20 ตัว แต่พวกมันมักมาให้เห็นในฤดูหนาว ปีกสีขาวดำและหัวสีแดงของมันตัดกับฉากหลังของหิมะได้อย่างวิเศษ นอกเหนือจากนกกระเรียนแดง ยังมีบรรดานกและสัตว์อื่นๆ ก็ปรากฏตัวที่นี่ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นอุทยานน้ำที่มีพื้นที่ใหญ่สุดในประเทศ
3.เทศกาลหิมะโยโคเตะ คามาคุระ จังหวัดอาคิตะ
กระท่อมหิมะขนาดเล็กประดับด้วยดวงไฟมากกว่า 100 หลัง รอให้คุณไปสัมผัสกับเทศกาลที่มีมากว่า 400 ปี เทศกาลนี้มีต้นกำเนิดมาจากการจัดขึ้นเพื่อเชิดชูพระเจ้า ในสมัยโบราณและสืบทอดกันต่อมาเป็นรุ่นๆ กิจกรรมในงานมีการตั้งแท่นพิธีบูชารำลึกถึงบรรดาพระเจ้า แกะสลักน้ำแข็งเป็นกำแพงเมืองโบราณ และมีเด็กๆ ในท้องถิ่นช่วยกันสร้างกระท่อมหิมะ คุณจะได้ยินเด็กๆ เรียกให้คุณไปกินขนมอุ่นๆ กับพวกเขาในกระท่อม มีทั้งขนมหวาน เครื่องดื่ม โมจิ และช็อคโกแล็ต เป็นวิธีการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของคนในท้องถิ่นและเล่นสนุกกับเด็กๆ ไปในเวลาเดียวกัน
4. ปีศาจน้ำแข็งที่ Zao จังหวัดมิยางิ และยามากาตะ
คุณจะเผชิญหน้ากับเกล็ดน้ำแข็งนับพันที่เกาะกลืนต้นไม้ทั้งต้น ดูๆ ไปแล้ว ต้นไม้เกล็ดน้ำแข็งเหล่านี้พิลึกพิลั่น บ้างเหมือนปีศาจหิมะไร้หน้า และนี่คือทิวทัศน์บนภูเขา Zao น่าสนุกที่จะเล่นสกี ถ่ายรูป เดินไปรอบๆ แล้วพบกับเหล่าปีศาจหิมะ อีกทั้งคุณยังสามารถขึ้นกระเช้าในเวลากลางคืนไปหาอะไรอุ่นๆ ดื่มในกระโจมที่ประดับประดาด้วยแสงไฟหลังจากตัวแข็งมาทั้งวัน จะดีแค่ไหนถ้าคุณได้เอาตัวลงไปแช่ในน้ำพุร้อนกลางแจ้ง แน่นอนว่าน้ำพุร้อนเป็นอีกเรื่องที่ขึ้นชื่อที่นี่
5. ลิงหิมะที่จิโกะคูดานิ จังหวัดนากาโนะ
ลิงหิมะญี่ปุ่นอาศัยอยู่ตามธรรมชาติที่จิโกะคูดานิ หรือ หุบเขานรก (ชื่อมีที่มาจากไอความร้อนตลบอบอวลจากน้ำพุร้อนที่โพยพุ่งออกมาจากหุบเขาเสียดแหลมสูงชัน) อุทยาน Yaen-koen หรือ อุทยานลิง ที่นี่เป็นอีกสถานที่ที่ยากจะลืมเลือน เมื่อคุณได้เหลือบมองพวกมันแช่น้ำร้อน หรือเวลาที่พวกมันสักตัวพยายามเข้ามาจ้องคุณใกล้ๆ ด้วยความสงสัย นี่เป็นจังหวะดีในการกดชัตเตอร์ ลิงเหล่านี้ได้รับการดูแลและให้อาหารอย่างดี (นักท่องเที่ยวห้ามให้อาหาร) และนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาชมพวกมันได้ตราบเท่าที่ไม่ไปรบกวนพวกมันจนเกินไป เชื่อเถอะว่าช่วงเวลาสุดพิเศษจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไออุ่นจากน้ำพุร้อนจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย
6.ชิราคาวาโกะ จังหวัดกิฟุ
หมู่บ้านแห่งนี้ถูกจัดเป็นมรดกโลกของยูเนสโก สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ภูเขาฮาคุซัง ในจังหวัดกิฟุ เวลาที่หิมะตกลงมายังสถานที่นี้ (โดยปกติจะตกหนักและบ่อย) ความหนาของหิมะที่ปกคลุมหลังคาที่มีอยู่เดิมก็หนามากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับลักษณะของสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้เหมือนดั่งคุณอยู่ในนิทาน นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินไปกับแสงไฟที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามได้ทุกเย็นวันเสาร์อาทิตย์ หมู่บ้านแห่งนี้มีชีวิตชีวา ทำให้คุณรู้สึกถึงการต้อนรับอย่างอบอุ่น การมาค้างคืนที่บ้านของคนท้องถิ่นที่นี่ คุณต้องจองล่วงหน้าก่อนเท่านั้นและที่สำคัญต้องจองก่อนนานมาก
7.นาบานาโนะ-ซาโตะ จังหวัดมิเอะ
นาบานาโนะ-ซาโตะ ตั้งอยู่บนเกาะนากาชิมะพร้อมด้วยสวนพฤษาศาสตร์ มีแม้กระทั่งน้ำพุร้อน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงกลางเดือนมีนาคม สวนพฤษาศาสตร์แห่งนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสวนในฤดูหนาว พร้อมตกแต่งด้วยหลอดแอลอีดีเป็นฉากหลังอันงดงามอย่างน่ามหัศจรรย์ มันคืออุโมงค์เมฆหมอกแห่งแสงไฟ ดอกไม้ต่างๆ ก็ถูกประดาประดาไปด้วยไฟเรืองแสง โดยในปีนี้ "ภูเขาไฟฟูจิ" คือธีมหลักของสวนพฤษาศาสตร์นี้ สวนแห่งนี้เพิ่งได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโก เมื่อปี 2556 นี่เอง