สำหรับใครที่เป็นคอไอศกรีมไม่ควรพลาดเด็ดขาดเลยหล่ะครับ เพราะผมจะขอพาเพื่อนๆไปตามหาความอร่อยกับ 7 อันดับสถานที่ทานไอศกรีม อร่อยที่สุดในโลก ใครพร้อมแล้วตามมาชมกันเลยครับ
อันดับ 7 Glacé (Sydney, Australia)
ร้านไอศกรีมซึ่งมีสาขาเดียวบนถนน Marion Street นำเสนอรสชาติความหวานที่เป็นเอกลักษณ์ และครองใจชาวซิดนีย์มาเนิ่นนาน ใครมีโอกาสน่าจะไปลองสักครั้งนะ
อันดับ 6 Ice Cream City (Tokyo, Japan)
ร้านไอศกรีมนับสิบ ซึ่งวางขายไอศกรีมกว่า 300 รสชาติ นี่คืออีกหนึ่งสวรรค์ของนักชิมชัดๆเลยล่ะ โดยมีไอศกรีมหลากหลายรสชาติ ทั้งแบบดั้งเดิม หรือแบบแปลกๆอย่างรสเกลือทะเล รสซอสถั่วเหลือง ก็มีขายอีกด้วย
อันดับ 5 Helados Scannapieco (Buenos Aires, Argentina)
ร้านไอศกรีมแห่ง มีเจ้าของเป็นผู้อพยพชาวอิตาลีซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 1938 สืบทอดสูตรความอร่อยมากกว่า 70 ปีแล้ว โดยมีเมนูมากกว่า 50 แบบทั้งช็อคโกแลต วานิลลา หรือรสชาติแปลกใหม่อย่างรสพีช รสมะนาวแชมเปญ เป็นต้น
อันดับ 4 Devon House (Kingston, Jamaica)
ข้ามมาที่ทวีปแอฟริกา รู้จักร้านไอศกรีมสุดหรูซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านของเศรษฐีชาวจาไมก้า มีรสชาติให้เลือกกว่า 27 แบบ ผสมผสานความดั้งเดิมและความแปลกใหม่อย่าง รสมะม่วง รสมะพร้าว หรือไอศกรีมรสเบียร์
อันดับ 3 Bombay Ice Creamery (San Francisco, California) มีแฟนเพจอัพเดทมาว่าตอนนี้ร้านปิดไปแล้วจ้า
ถึงแม้จะอยู่ในสหรัฐอเมริกา แต่ร้านไอศกรีมสัญชาติอินเดีย ก็นำเสนอรสชาติไอศกรีมที่ถูกใจชาวตะวันออกได้เป็นอย่างดี และทำให้ฝรั่งหลายคนชื่นชอบ อย่างเช่นรสละมุด รสซินนามอน รสกุหลาบ รสขิง
อันดับ 2 Ted Drewes Frozen Custard (St. Louis, Missouri)
ร้านไอศกรีมแบบฉบับอเมริกัน ซึ่งทำจากครีมสดใหม่ ไข่ น้ำตาล และคัสตาร์ดแช่แข็ง ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปมาเป็นเวลากว่า 80 ปี ใครอยากจะชิมรสชาติแบบอเมริกันแท้ ถ้ามีโอกาสก็ลองไปกันดูนะ
อันดับ 1 Capogiro Gelato (Philadelphia, Pennsylvania)
สุดยอดร้านไอศกรีมของเราในวันนี้ อยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการผลิตไอศกรีมแฮนด์เมด เน้นการใช้วัตถุดิบสดใหม่ อย่างเช่นนมซึ่งเพิ่งรีดออกมาไม่นาน พร้อมกับรสชาติแปลกๆซึ่งไม่มีที่อื่น อย่าง รสกะทิผสมเหล้ารัม รสซินนามอนไซ่ง่อน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก
สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่มีโอกาสได้เดินทางไปตามประเทศในรายชื่อดังกล่าว ก็อย่าพลาดที่จะไปแวะชิมไอศกรีมสุดยอดในแต่ละที่ และรับรองว่าจะต้องอร่อย ถูกใจชนิดที่ลืมไม่ลงกันเลยล่ะ
ที่มา: nationalgeographic