การลงทันฑ์ด้วยการเฆี่ยนในสิงคโปร (และอดีตเมืองขึ้นของอังกฤษในเอเซียอีกหลายประเทศ)ถือเป็นเรื่องปกติในความ ผิดที่ต้องการใช้ผู้ถูกลงโทษเข็ดหลาบ ไมเคิล เป็นนักเรียนหัวโจกอยู่ในโรงเรียนนานาชาติที่นั่น เรื่องเกิดขึ้นเพราะมีรถที่จอดอยู่ในที่จอดรถของเอกชนถูกพ่นสีกระป๋อง แดงเถือกไปมากกว่า6คัน ก่อนหน้านั้นก็มีที่โดนเอาไข่มาขว้างปาบ้าง เอาหินมาทุ่มใส่บ้างอยู่เนืองๆ ตำรวจเข้มอยู่วันเดียวก็จับวัยรุ่นต่างชาติ2คน ขับรถไม่ติดป้ายทะเบียน เอาไปสอบสวน คนหนึ่งเป็นเด็กฮ่องกง อีกคนเป็นเด็กไทยลูกข้าราชการสถานทูตโขมยรถพ่อไปขับกร่าง ซึ่งก็ได้ใช้อภิสิทธ์ทางการทูตรอดตัวจากคดีไป ตำรวจขยายผลได้ทราบชื่อเด็กในแก๊งค์ทั้งหมด7คน มีไมเคิลเป็นหัวโจก เมื่อไปค้นในห้องนอน เจอธงชาติที่ถูกจิ๊กมาจากที่ต่างๆนับสิบผืน รวมทั้งป้ายจราจร เครื่องหมายรถแทกซี่ และสมบัติสาธารณะอื่นๆที่พวกนี้โขมยมาเพื่อความโก้เก๋ อันเป็นแฟชั่นระบาดหนักในหมู่วัยรุ่นที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมในทุก ประเทศยุคนั้น ไมเคิลโดนเข้าไป53กระทง ก็เลยโทษหนักหน่อย เด็กในแก้งค์ส่วนใหญ่โดนโทษปรับ หรือกักกันในบ้านของตนเป็นเวลา2เดือน ไม่แปลกที่คนอเมริกันมากมายกลับเรียกร้องให้เอากฎหมายของสิงคโปรไปใช้ที่ นั่นมั่ง เพราะเลี่ยนพวกแก้งค์วัยรุ่นถ่อยที่มีพฤติกรรมทำนองเดียวกันนั้นเต็มที
หลาย เดือนต่อมา ศาลอุธรณ์พิพากษายืน ไมเคิล เมื่อรู้ตัวว่าโดนเฆี่ยนแน่ จึงยอมหันมาขอฎีกาต่อประธานาธิบดีออง เต็ง ชองของสิงคโปร ยอมรับผิดและขอผ่อนโทษ คราวนี้นายลี กวน ยู ใจอ่อน ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือแนะนำแก่ประธานาธิบดีว่า สิงคโปรควรลดโทษเฆี่ยนให้เด็กคนนี้ลงบ้าง เพื่อเห็นแก่มิตรภาพส่วนตัวของบิล คลินตัน
ตกลงไมเคิล ปีเตอร์ เฟย์ถูกนำเข้าเรือนจำในวันที่คำสั่งตก และถูกเฆี่ยน4ทีในวันนั้น ก่อนจะนอนในคุกต่อไปจนครบคำพิพากษา ตกค่ำรัฐบาลออกมาแถลงว่า
“สิงคโปรไม่เหมือนสังคมอื่นที่ยอมอดทนต่อการ ทำลายสาธารณะสมบัติ เรามีมาตรฐานและกติกาของการอยู่ร่วมกันที่สะท้อนให้เห็นได้จากกฎหมายของเรา เอง และด้วยกฎหมายที่เข้มงวดกับการทำร้ายต่อสังคมเช่นนี้แหละ เราจึงสามารถที่จะรักษาสิงคโปรให้อยู่ในระเบียบและเป็นประเทศที่ปลอดภัยจาก อาชญากรรมทั้งปวง”
นับจากบัดนั้น แก้งค์วัยรุ่นซ่าในสิงคโปรก็สูญพันธ์ไปเลย
เฆี่ยน ทัณฑกรรมที่ยังจำเป็นในหลายอารยะประเทศ
สิงคโปร มาเลเซีย และบรูไน เป็นประเทศที่ยังใช้กฎหมายเฆี่ยนอยู่ จะบัญญัติให้ใช้หวายขนาดยาวไม่เกิน120เซนติเมตรเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 13มิลลิเมตร (หรือครึ่งนิ้ว) หวายเหล่านี้ก่อนใช้งาน จะนำไปแช่น้ำก่อนทั้งคืนให้อิ่มน้ำ เวลาฟาดลงไปหนักๆหลายๆทีจะได้ไม่แตก ผมเคยอ่านพบบ่อยๆว่านักโทษประหารสมัยก่อนของไทย จะถูกเฆี่ยนด้วยหวายแช่เยี่ยวด้วย ใครโดนเข้าไปแล้วคงเลิกกลัวตาย จะตัดหัวขั้วแห้งอย่างไรก็ได้ ขอให้ความเจ็บปวดทรมานผ่านพ้นไปเร็วๆเสียที
นี่เป็นขาหยั่ง ที่นักโทษจะถูกนำไปพันธนาการแบบไม่ให้กระดิกกระเดี้ยได้ หากปล่อยให้นักโทษดิ้นได้แล้ว หวายอาจจะพลาดไปลงเอาที่เอวแล้วตับไตจะพิการไป ฟังดูเหมือนเป็นความกรุณานะเนี่ยมีเฉพาะนักโทษชายอายุระหว่าง16-50 ปีที่กฎหมายบัญญัติให้เฆี่ยนได้ นอกจากโทษข่มขืนผู้เยาว์ที่ไอ้แก่เกินนั้นก็จะต้องโดนเฆี่ยนด้วย นอกจากที่กล่าว ตลอดถึงผู้หญิง ได้รับการยกเว้น
นักโทษจะถูกนำเข้ามาในสภาพเกือบเปลือย มีผ้าเตี่ยวปิดกั้นด้านหน้า ด้านหลังเปิดก้นไว้อย่างนี้ เมื่อพันธนาการเข้ากับขาหยั่งแล้ว ก็จะมีเกราะหนังมาคาดทับ ป้องกันร่างกายส่วนอื่นที่ไม่ต้องการให้โดนฤทธิ์หวาย ตรงตำแหน่งก้นเจาะเป็นรูไว้ ดังภาพ
มือเฆี่ยน(ผมเรียกอย่างนั้นก็แล้วกัน) เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ต้องฝึกฝนมาอย่างดี หนุ่มแน่นและล่ำลัน แม้จะไม่มีกำหนดว่าจะต้องเฆี่ยนให้โดนเป้าหมายด้วยกำลังแรงกี่กิโลกรัม-เมตร แต่พวกนี้ต้องซ้อมตีหุ่นทุกวันแบบสุดแรงเกิดในแต่ละครั้งเสมอ ใครตีอ่อนแรงไปก็จะถูกพัก กรมราชทัณฑ์จะมีเบี้ยพิเศษให้มือเฆี่ยนพวกนี้ด้วย ในสิงคโปรได้ขวับละ15 บาท ในมาเลเซีย 30 บาท เป็นรายได้ในฐานะผู้ชำนัญพิเศษดุท่าจรดก่อนที่จะลงไม้แต่ละขวับซะ ก่อน นี่ระดับศิลปินนะเนี่ย
มือเฆี่ยนจะหวดลงมาอย่างไร้น้ำใจ ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงสุดแขน มีการประมาณว่าการหวดแต่ละขวับ หวายเดินทางด้วยความเร็ว160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. ความแรงที่กระทบเป้า90 กิโลกรัม เนื้อนิ่มๆของมนุษย์จะไปเหลืออะไร
หวายกระทบลงสู่เป้าหมายอย่างแม่นยำ ส่งเสียงขยองขวัญไปทั่วทุกอณู นักโทษที่รอถูกเฆี่ยนในลำดับถัดไปเริ่มปัสสาวะราด
ดูวินาทีที่หวายกระทบก้น เนื้อจะยุบลงไปตามแรงกระทบทั้งแก้มก้น
เมื่อยกไม้ออก หนังกำพร้าจะหลุดตามออกไป เหลือเนื้อช้ำๆ ก่อนที่แผลจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู แล้วก็แดง ก่อนจะเยิ้มเป็นโลหิต ใหลย้อยออกมา
ยังมีความเป็นอารยะอยู่บ้างที่มือเฆี่ยนจะพยายามหลีก เลี่ยงรอยหวายเดิม ไม่ให้ซ้ำลงไปในแต่ละขวับถ้าโดนไม่กี่ทีก็ยังพอ เลี่ยงได้ แต่ถ้าโดนหลายๆทีก็คงเลี่ยงยาก เพราะโทษเฆี่ยนจะต้องกระทำให้เสร็จสิ้นในครั้งเดียว นอกจากนักโทษจะเป็นลมหมดสติ และแพทย์ที่คอยดูแลอาการอยู่จะมีความเห็นให้หยุดก่อน เพื่อนำตัวไปรักษาพยาบาล พอร่างกายพร้อมก็เอากลับมาเฆี่ยนต่อจนกว่าจะครบ โทษเฆี่ยนสูงสุดกำหนดไว้24ที สำหรับโทษข่มขืนผู้เยาว์ แต่โทษส่วนใหญ่แล้วจะโดนกันอยู่ระหว่าง4ถึง8ที ประเภทหัวโขมยลักเล็กลักน้อย และพวกที่ประพฤติตนเป็นภัยต่อสังคมอื่นๆ
มีรายงานว่า ระหว่างที่โดนสัก3-4ไม้แรก นักโทษจะพยายามดิ้นด้วยความเจ็บปวด ตอนเลือดจะเริ่มจะทะลักออกมา แต่ไม้หลังๆจากนั้น แรงต่อต้านของร่างกายจะลดลง เพราะประสาทที่รับรู้ดูเหมือนจะชาชินกับความเจ็บปวดไปแล้ว เหลือแต่กล้ามเนื้อยังเต้นริกๆอยู่ทุกครั้งที่หวายกระทบ นักโทษจะส่งเสียงน้อยลงแม้เลือดจะสาดกระเด็น ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนมาเป็นสวดมนต์ หรือวิงวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธ์ ความสำนึกผิดชอบชั่วดีจะเกิดขึ้นตอนนี้
ในวันที่กระทำการเฆี่ยนแต่ละครั้ง จะมีนักโทษที่ต้องโทษหลายคนมารอรับการเฆี่ยน บางครั้งเป็นสิบ พวกนี้จะไม่รู้ตัวมาก่อนแม้จะถูกเบิกตัวไปตรวจร่างกาย แต่จะมารู้ระหว่างผ่านพิธีการซึ่งมีหลายขั้นตอน เร้าใจให้ระทึกจนทุกคนภาวนาว่าขอให้โชคดีที่จะได้เป็นคนแรกที่จะถูกเฆี่ยน มิฉนั้นอาจช๊อคไปเสียก่อนเมื่อได้เห็นและได้ยินภาพสยองขวัญขณะที่คนอื่นโดน เฆี่ยนอยู่เบื้องหน้าเมื่อเวลาอันแสนทรมานทั้งกายและใจผ่านไป ส่วนใหญ่แล้วทุกคนยังเข้าแถว และเดินด้วยตนเองไปยังห้องพยาบาลได้
ความทรมานจริงๆจะมาหลังจากนั้น ในช่วงสามวันแรก ต้องนอนคว่ำกระดิกกระเดี้ยไม่ได้เลยเพราะความระบม ขยับนิดเดียวก็เสทือนจี๊ดไปทั่วตัว ทุกคนพยายามจะไม่กินไม่ดื่ม เพราะเวลาขับถ่ายเป็นช่วงที่จะเจ็บปวดอย่างที่สุด แต่แล้วก็จะพบว่า ตนไม่มีหนทางใดเลย ที่จะหนีความทุกข์ทรมานดังกล่าวนั้นได้ และจะเฝ้าบอกกับตัวเองว่า ลูกช้างเข็ดแล้วเจ้าข้า จะจำไปจนตาย ชาตินี้ไม่ทำความชั่วอีกแล้ว
ออกจากคุกไปแล้ว รอยแผลเป็นนี้จะติดตัวไปจนตาย น้อยเปอร์เซนต์มากที่พวกนี้จะพลาดพลั้งกับชีวิตที่เริ่มต้นใหม่ แล้วกลับมาโดนหวายเปิดแผลอีก
รัฐบาลจะตัดไม้ข่มนาม ในบางโอกาสก็จะออกไปสาธิตการเฆี่ยนนักโทษนี้ให้ตามโรงเรียนต่างๆดู ซึ่งได้ผลมาก เด็กๆดูแล้วเกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าทำผิดที่กฎหมายห้ามไว้ แต่กิจกรรมนี้ถูกเบรคโดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนว่าไม่ควรแสดงต่อเยาวชน หาว่าเกินกว่าเหตุเสียอีก อันที่จริง ถ้าเยาวชนของเขามีระเบียบวินัยดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องตอกย้ำที่ ผมเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะ คิดถึงประเทศๆหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลกันนักกับประเทศเหล่านั้น แต่มีพฤติกรรมของคนในชาติที่ว่า ไม่ว่าระดับเยาวชน หรือแก่แรดแล้ว ดูจะไม่ค่อยเคารพเกรงกลัวกฎหมาย บ้านเมืองก็ไม่ค่อยเอาเรื่อง พวกลหุโทษ จับเข้าตะรางแพร้บเดียวก็ออกมาลอยนวลอีกแล้ว นัยว่าคุกเองก็แออัดไปด้วยพวกนักโทษอุฉกรรจ์ เอาไอ้พวกต้องโทษไม่กี่เดือนมาขังก็เปลืองที่ เปลืองข้าวหลวงต้องเลี้ยงดู จึงต้องหาเรื่องลดโทษแล้วปล่อยพวกนี้ออกมา เพิ่มดีกรีความเลวต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าขยะสังคมพวกนี้อาจไม่กลัวคุก แต่ผมเชื่อว่ามันต้องกลัวความเจ็บปวดแน่ ถ้าทำผิดเมื่อไร ถูกจับได้เป็นโดนเฆี่ยนอย่างที่ประเทศอย่างสิงคโปรเขายังทำกัน บางทีพลเมืองดีในประเทศดังกล่าวคงจะนอนตาหลับได้บ้าง
ผมทำlinkไว้ให้ เผื่อใครอยากจะวิจัยเรื่องนี้โดยละเอียด ภาพที่ผมเอามาเสนอตามกระทู้ ได้กรองความหวาดเสียวไปแล้ว ถ้ายังไม่หมดจรดก็ขออภัย แต่หากผู้ใดใจแข็งพอที่จะดูclipการเฆี่ยน นักโทษขมขื่นผู้เยาว์ในมาเลเซีย ก็ลองเข้าไปชมได้ครับ จะเห็นการลงโทษที่แม้จะรุนแรง รองลงมาจากการประหารชีวิต แต่ก็มีอารยะพอเพียงที่สังคมโลกน่าจะยอมรับได้ โดยเฉพาะถ้าดูวัตถุประสงค์ในการลงโทษ ที่หวังผลที่จะคุ้มครองผู้บริสุทธิ์ไม่ให้ถูกกระทำจากผู้ร้ายที่ไม่รู้จัก หลาบจำ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ว่ากันตามจริงการลงโทษให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกายก็ เป็นเรื่องที่ทารุณแต่ถ้าคิดว่าเรายอมรับการลงโทษโดยการเอาชีวิต -ประหาร- ได้แล้ว การยับยั้งคนกลุ่มหนึ่งไม่ให้ล่วงลึกไปในเส้นทางของความผิดพลาดโดยการลงโทษ ในทิศทางเดียวกัน - แต่เบากว่า - ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ยอมรับได้ยิ่ง ถ้าคิดว่าคนกลุ่มหนึ่งในสังคมนั้น มีพฤติกรรมป่าเถื่อนเยียงสัตว์ป่าแล้ว ก็น่าคิดว่าวิธีที่เหมาะสำหรับใช้ฝึกสัตว์ป่าก็น่าจะเอามาใช้กับคนชนิดนี้ ได้เหมาะสมเช่นเดัยวกัน
ขอบคุณอาจารย์เพ็ญชมพู กับคุณCrazyHOrse มากครับยัง ไม่ทันจบที่โหลดก็ส่งกิ๊ฟให้แล้ว
6 พ.ค. 53 เวลา 03:42 10,312 55 454
กรุณา
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ