ประเทศญี่ปุ่นในสายตาของโลกตะวันตกนั้น มักจะเป็นความผสมผสานกันระหว่าง ชาติที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยสุดๆ ผสมกับ “วัฒนธรรมญี่ปุ่น” ที่เข้าใจยากสุดๆ แต่จะเป็นอย่างไร เรามาย้อนอดีตกันซักนิด เมื่อญี่ปุ่นฟื้นตัวจากการแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ก็ได้สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้คนทั้งโลกเห็น คือใช้เวลาไม่นานในการสร้างความยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจขึ้นมาได้จากที่ไม่เหลืออะไรเลย แถมยังโดนระเบิดนิวเคลียร์ที่ Hiroshima และ Nagasaki อีกด้วย หลังจากนั้นเราเริ่มเห็นการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ส่งออกมาภายนอกให้เราได้ชื่นชมกันอย่างเช่นภาพยนตร์ Godzilla หรือ หนัง Seven Samurai จาก Akira Kurosawa เป็นต้น
แต่กระนั้น ยังมีหลายอย่างใน “วัฒนธรรมญี่ปุ่น” ที่คนทั่วไปมองว่าเป็นเรื่องที่แปลกจริงๆ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง!
#15 Capsule Hotel
Via minimalismissimple.com
สำหรับมนุษย์เงินเดือนญี่ปุ่นที่ทำงานหนัก คงรู้จักสถานที่แบบนี้ดี สำหรับวันที่เขาทำงานมาเหนื่อยๆ เลิกดึก การจะกลับบ้านบางทีใช้เวลาเป็นชั่วโมง แถมต้องวิ่งให้ทันรถไฟขบวนสุดท้ายอีก และอีกใจหนึ่งก็อยากดื่มเบียร์สักขวด สองขวดกับเพื่อนร่วมงานก่อนนอกอีก เพื่อคลายเครียด โรงแรมแคบซูลที่ราคาถูก สะดวก หาง่าย เป็นเพียงช่องไว้นอนทับๆ กันเป็นชั้นแบบนี้ จึงเป็นคำตอบให้กับคนเหล่านี้เป็นอย่างดี ส่วนชาวตะวันตกหลายๆ คนพอมาเห็นเข้าก็ถึงกับงงเลยทีเดียว ว่ามีแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย
#14 การซดบะหมี่เสียงดัง
Via explorejapan.jp
วัฒนธรรมเรื่องทานอาหารจะต่างกันออกไปในแต่ละที่ อย่างเช่นในเรื่องนี้ การซดอาหารเส้น หรือซุปเสียงดัง ถ้าเป็นที่ดินแดนตะวันตก คงหาว่าคุณไม่มีมารยาทเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณมาทานเงียบๆ ไม่มีเสียงเลยที่ญี่ปุ่น โดยเฉพาะการซดบะหมี่นั้น มันเป็นการบอกกับพ่อครัวว่า อาหารที่คุณกินอยู่นั้น “ไม่อร่อย” เพราะฉะนั้น หากไปญี่ปุ่น ยิ่งซดดัง ยิ่งอร่อย!
#13 KFC ในวัน Christmas Eve
Via grub.gunaxin.com
KFC เข้ามาญี่ปุ่นในปี 1970s และในอดีตนั้น ชาวตะวันตกที่ทำงานที่นี่จะฉลองวันคริสต์มาสด้วยการทานไก่ KFC เพราะมันใกล้เคียงสิ่งที่พวกเขากินที่บ้านมากที่สุดแล้วในเวลานั้น แต่มันกลับกลายเป็นคนญี่ปุ่นก็นำวัฒนธรรมนี้ไปใช้ด้วย จนในปัจจุบัน คุณต้องสั่ง KFC ล่วงหน้ากว่า 2 เดือนก่อนวันคริสต์มาส เพราะความต้องการจะสูงมาก
#12 Ganguro (Schoolgirl Blackface)
Via deviantart.com
Ganguro หรือ Schoolgirl blackface คือวัฒนธรรมที่แปลกแต่จริง เคยเป็นที่นิยมมากในช่วงปี 1990s และยังพบบ้างในปัจจุบัน โดยจะเป็นการแต่งหน้าสีเข้มๆ ดำๆ ทำผมสีอ่อนๆ แรงๆ และในบางเคสที่แรงสุดๆ คือ ทำหน้าสีดำเลยก็มี แต่ในวัฒนธรรมแบบนี้เอง ก็มีแบ่งเป็นวัฒนธรรมย่อยๆ อีกหลายแบบด้วยกัน
#11 Soine-ya (Cuddle Café)
Via cnn.com
ญี่ปุ่น คงเป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ในโลก ที่การเป็นโสเภณี ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้าเพียงอย่างเดียว เพราะที่นี่มีโสเภณีหลายแบบมาก เพียงแค่การให้บริการ อยู่เป็นเพื่อน เพื่อแลกเงิน ไม่จำเป็นต้องจบลงบนเตียงเท่านั้น และที่แปลกๆ ที่เราเอามาฝากคือ Soine-ya หรือ ‘Cuddle Café’ โดยคนโสดจะจ่ายเงินสำหรับ 1 หรือ 2 ชั่วโมงเพื่อจะได้นอนลงบนเตียงกับสาวสุดน่ารัก แต่ที่ทำได้คือแค่นอนกอดเท่านั้น
#10 Inemuri (การหลับในระหว่างงาน)
Via wikimedia.org
มนุษย์เงินเดือนที่ญี่ปุ่นทำงานหนักมาก ทำงานยาวมาก และทำงานเครียดมาก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีวัฒนธรรม Inemuri หรือ Work Naps ซึ่งแปลว่าการงีบในระหว่างการทำงานเกิดขึ้น ซึ่งที่แปลกมันอยู่ตรงที่ หากเจ้านายคุณมาเห็นว่าคุณหลับบนโต๊ะนั้น เขาจะไม่ว่า ไม่ปลุก แต่จะยิ้ม และอนุญาตเพราะนั่นคือ สัญญาณบอกว่าคุณทำงานหนักนั่นเอง
#9 Karoshi (การตายจากการทำงานหนัก)
Via japandailypress.com
จากที่บอกในข้อที่แล้วคือ คนทำงานที่ญี่ปุ่น เป็น ทำงานหนักมาก ทำงานยาวมาก และทำงานเครียดมาก และมันส่งผลให้เกิด Karochi คือการตายเพราะทำงานหนัก โดยจะเป็นการตายก่อนวัยอันควรนั่นเอง ซึ่งนับเฉพาะการตายจากธรรมชาติเท่านั้น ไม่นับการฆ่าตัวตายเพราะความเครียด เพราะถ้ารวมการฆ่าตัวตายเพราะความเครียดด้วยละก็ มีคนบอกว่า จำนวนสถิติทะลุเป้าแน่ๆ
#8 Sexy Anime ในทุกที่ที่คุณไป
Via blogspot.com
หลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นสั่งห้ามการใช้คนจริงๆ โป๊เปลือยมาโฆษณาสินค้า บรรดาพ่อค้าหัวใสจึงหันมาใช้สิ่งที่ดีที่สุดรองลงมาแทนก็คือตัวการ์ตูนเซ็กซี่ โป๊เปลือยแทน ซึ่งอยากจะบอกว่า มันอยู่ทุกที่จริงๆ เพราะฉะนั้น เตรียมตัวให้พร้อม ถ้าคุณต้องไปญี่ปุ่นในเร็วๆ นี้
#7 ตู้ขายของยอดเหรียญที่ขาย “ทุกอย่าง”
Via tsunagujapan.com
หากพูดถึงตู้ขายของหยอดเหรียญ หลายคนอาจจะบอกว่า ก็ไม่เห็นแปลก แต่หยุดก่อน เพราะที่ญี่ปุ่นแปลกจริงๆ แปลกตรงที่ว่า นอกจากคุณจะเจอมันได้ทุกที่แล้ว มันยังขายทุกอย่างอีกด้วย นอกจากอาหารปรุงสำเร็จใหม่ๆ แล้วยังมี ร่ม Sex toy กางเกงใน เป็นต้น
#6 Aokigahara (Suicide Forest) หรือ ป่าแห่งการฆ่าตัวตาย
Via tripsguide.net
ป่าแห่งนี้อยู่ใต้ภูเขาฟูจิ ซึ่งมันเต็มไปด้วยต้นไม้ที่หนาแน่นมาก จนไม่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่จนทำให้ป่าแห่งนี้เงียบมาก และทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย เลือกที่นี่เป็นที่ปลิดชีพตนเอง และที่นี่ยังเป็นที่กล่าวขานว่ามีปีศาจและวิญญาณในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นวนเวียนอยู่ด้วย รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแก้ไขไม่ให้คนไปฆ่าตัวตายโดยการติดป้ายไว้มากมายตรงทางเข้าว่า “ครอบครัวของคุณรักคุณ” เพื่อเตือนสติ แต่ก็ไม่ช่วยอะไร จนที่นี่กลายเป็นที่ที่มีคนตายเป็นอันดับที่ 2 รองจากสะพานโกลเดน เกตที่สหรัฐฯ ไปแล้ว!
#5 Kancho
Via kancho.org
Kancho คือการแกล้งกันสำหรับเด็กๆ ญี่ปุ่น ที่บางทีก็ดูจะเป็นการคุกคามทางเพศได้ เพราะมันคือการทำมือเป็นรูปปืน และเข้าไปข้างหลังของเป้าหมาย ร้องว่า KAN-CHOOOOO!!!! และแทงไปที่ก้น ซึ่งหลายๆ ครั้งอาจเกิดการบาดเจ็บได้เลยทีเดียว แต่นี่คือวัฒนธรรมที่มีอยู่จริง
#4 Mascot แสนน่ารัก
Via insidejapanblog.com
คงไปต้องพูดอะไรมากกับเรื่องของตัวมาสคอต เพราะที่เราว่าแปลกไม่ใช่เรื่องอะไร แต่การที่คนญี่ปุ่น เอามาสคอตน่ารักๆ มาเป็นตัวแทนเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าข้อความที่จะส่งถึงคนที่ผ่านไปผ่านมาจะซีเรียสแค่ไหน ก็ยังผ่านตัวมาสคอตน่ารักๆ ได้ เช่น รณรงค์ลดการสูบบุหรี่ รณรงค์เพื่ออบรมการหนีไฟในรถไฟใต้ดิน เป็นต้น
#3 ความสุภาพอย่างสุดๆ
Via mcha.jp
‘Arigatou gozaimasu!’ หรือที่แปลว่าขอบคุณมากๆ คือสิ่งที่คุณจะได้ยินจนหูชาแน่ๆ ถ้าคุณเดินไปในเมืองของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นถนน ร้านอาหาร ที่ทำงาน ประกอบกับการก้มหัวลงเล้กน้อยอย่างไม่เป็นทางการเพื่อเป็นการทำความเคารพ โดยเฉพาะตามร้านอาหาร คุณจะพบเห็นบ่อยมากๆ และเวลาที่คุณขึ้นขนส่งสาธารณะคุณเห็นคนที่เด็กๆ หรือหนุุ่มๆ สาวๆ ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเวลามีคนแก่เข้ามา เป็นต้น
#2 Lolita Complex หรือ การชอบ “เด็กผู้หญิง”
Via antoniotajuelo.com
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ วัฒนธรรมการชอบ “เด็กผู้หญิง” คนของกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะตัวละครในสื่อต่างๆ ตัวละครเด็กนักเรียนญี่ปุ่น ในชุดนักเรียน ที่ถูกนำมาเป็นวัตถุทางเพศมากขึ้นเรื่องๆ และคนเหล่านี้ที่มีรสนิยมแบบนี้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ จนพวกเขาไม่รู้สึกแปลกแยกในสังคม เพราะมันมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
#1 ปลอดอาชญากรรม
Via toshio1.wordpress.com
ในทางปฏิบัติแล้ว อาชญากรรมในญี่ปุ่นคือไม่มีเลย ตามสถิตินั้น การฆาตกรรมต่อคน 100,000 คน ตัวเลขของญี่ปุ่นคือ 0.3 ซึ่งน้อยที่สุดในประเทศอุตสาหกรรม มีเพียง 2 ประเทศที่ตัวเลขน้อยกว่านี้คือ Monaco และ Lichtenstein ที่เป็น 2 ประเทศเล็กๆ ที่มีแต่คนรวยอยู่เท่านั้น โดยญี่ปุ่นนั้นมีอาชญากรรมเพียงแค่ไม่ถึง 500 ครั้งต่อปีเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ
H/T: TheRichest