การรักษาศพหรือการทำมัมมี่ของคนที่ตายแล้วก็ว่าน่าทึ่งแล้ว แต่การทำมัมมี่ตัวเองทั้งๆ ที่ “ยังไม่ตาย” น่าทึ่งมากยิ่งกว่า ซึ่งอยากจะบอกว่า กระบวนการทำมัมมี่ตัวเองตั้งแต่ยังไม่ตาย หรือ Self-mummification นั้น มีอยู่จริงในญี่ปุ่นช่วง 1,000 ปีก่อนโดย “พระ” กลุ่ม Shingon

Shingon คือศาสนาหนึ่งที่ก่อตั้งโดยชายคนหนึ่งชื่อ Kukai เป็นการรวมเอาหลายๆ ศาสนาเข้าด้วยกัน ทั้งพุทธศาสนา ชินโตแบบเก่า และลัทธิเต๋า โดย Kukai เสียชีวิตลงเมื่อคริสตศักราช 835 นำไปสู่การพัฒนาของ “sokushinbutsu” หรือ การทำมัมมี่ตัวเองนั่นเอง เพราะมีการเล่าว่า หลังจากที่ Kukai ตายลง ศพของเขาไม่เน่าสลาย แม้แต่ผมก็ยังอยู่ในสภาพที่ดีอีกหลายปี

 

และนี่คือสาเหตุให้พระรูปอื่นๆ ดำเนินรอยตาม แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย การที่จะทำมัมมี่ตัวเองได้นั้น จะต้องมีกระบวนการเตรียมตัวที่เคร่งครัดก่อนตาย เป็นเวลายาวนาน 6 ปี 

ขั้นตอนแรก คือพระรูปนั้นๆ จะต้องไม่ฉันอะไรเลย นอกจาก ถั่ว เมล็ดพืช ผลไม้ และเบอร์รี่ เป็นเวลา 1,000 วัน ในระหว่างนั้นจะต้องออกกำลังกายอย่างหนัก ซึ่งจุดมุ่งหมายของขั้นตอนนี้คือการรีดไขมันออกจากร่างกายให้หมด ถัดไปจากนั้นอีก 1,000 วัน พระรูปนั้นจะต้องกินเพียงแค่เปลือกและรากไม้เท่านั้น

ขั้นตอนที่สอง พระรูปนั้นจะต้องดื่มน้ำชาที่เป็นพิษ ที่ทำให้อ้วกออกมาตลอดเวลา เพื่อขจัดของเหลวออกมาจากร่างกายให้หมด นอกจากนี้ ชาที่ว่ายังเป็นเหมือนสารกันร่างกายเน่าสลายอีกด้วย เพราะมันจะเข้าไปฆ่าเชื่อโรค อย่าง แบคทีเรีย ที่จะย่อยสลายร่างกายของเราเมื่อตายลง

ขั้นตอนสุดท้าย พระรูปนั้นจะต้องขังตัวเองในที่เก็บศพหิน และนั่งสมาธิจนตาย จะมีเพียงท่อออกซิเจนที่ปล่อยอากาศเข้าไปในที่เก็บศพเท่านั้น และมีระฆังที่ส่งเสียงบอกภายนอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ในแต่ละวัน

เมื่อระฆังหยุดดัง ท่อออกซิเจนจะถูกตัดออก และที่เก็บศพจะถูกปิดตาย หลังจากนั้นอีก 1,000 วัน ที่เก็บศพจะถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง เพื่อดูว่าพระรูปนั้นประสบความสำเร็จในการทำมัมมี่ตัวเองหรือไม่

ถ้าพระรูปไหนทำสำเร็จ ก็จะได้รับการยกย่องว่าเป็น “พระพุทธเจ้า” และถูกนำขึ้นประดิษฐานไว้ที่วัดเพื่อให้คนกราบไหว้บูชา แต่ถ้าไม่สำเร็จ ก็จะถูกเก็บไว้ในที่เก็บศพที่เดิม แต่จะถูกปิด และจะได้รับความเคารพในความพยายามเท่านั้น แต่จะไม่ได้รับการบูชา

เป็นที่เล่าขานกันว่า มีพระพยายามทำ sokushinbutsu หรือการทำมัมมี่ตัวเองแบบนี้หลายร้อยรูป จนกระทั่งกระบวนการเหล่านี้ถูกสั่งห้ามในญี่ปุ่น ในศตวรรษที่ 19 แต่อย่างไรก็ตาม มีเพียง 28 รูปเท่านั้น ที่ประสบความสำเร็จ โดยคุณสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมศพพระรูปเหล่านั้นได้ที่วัดหลายๆ แห่งในญี่ปุ่น!