จับเรือลักลอบ ขน299โรฮิงยา
จับเรือลักลอบ ขน299โรฮิงยา
ตร.ระนอง สนธิกำลังหลายหน่วยงาน เข้าจับกุมชาวโรฮิงยาและบังกลาเทศ รวม 299 คน เป็นผู้หญิงและเด็กกว่า 30 คน ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ด้วยเรือประมงอวนลากดัดแปลง แต่เรือมาเกยตื้นที่เกาะนกในอ่าวกะเปอร์ จ.ระนอง ฝ่ายปกครองระดมค้นหาเพิ่ม หลังชาวบ้านยืนยันเห็นเรือทั้งหมด 3 ลำ คาดยังมีผู้อพยพหลบหนีขึ้นฝั่งได้อีก 500-600 คน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระนอง นำโดย พ.ต.อ. กฤษศักดิ์ สงมูลนาค รอง ผบก.ภ.จว.ระนอง สนธิกำลังร่วมกับทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 (ส่วนแยก 1) เจ้าหน้าที่ปราบปรามการค้ามนุษย์และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.กะเปอร์ นำกำลังเข้าควบคุมตัวชาวต่างชาติที่หลบหนีเขาเมืองทางทะเล จากเรือประมงอวนลากดัดแปลงที่เข้ามาจอดเกยตื้นที่เกาะนก ในอ่าวกะเปอร์ ต.ม่วงกลวง อ.สุขสำราญ จ.ระนอง พบเป็นชาวโรฮิงยาและชาวบังกลาเทศ จำนวน 299 คน มาสอบสวนที่ศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอกะเปอร์ จ.ระนอง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติและพิสูจน์สัญชาติผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งหมด พร้อมประสานล่ามจากกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ จ.ระนอง และบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ระนอง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ประจำประเทศไทย เข้าร่วมตรวจสอบ ซึ่งผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองทางทะเล 299 คน แยกเป็นชาวบังกลาเทศ 80 คน และชาวโรฮิงยา 219 คน เป็นผู้ชาย 263 คน ผู้หญิง 23 คน เด็ก 13 คน
พ.ต.อ.กฤษศักดิ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งจากผู้นำชุมชนในพื้นที่ ว่าพบเรือประมงอวนลาก ต้องสงสัยว่าจะดัดแปลงเป็นเรือลักลอบขนชาวต่างชาติหลบหนีเข้าเมือง มาเกยตื้นอยู่บริเวณเกาะนก ต.ม่วงกลวง อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ในท้องที่ สภ.กะเปอร์ เจ้าหน้าที่จึงสนธิกำลังเข้าตรวจสอบ พบเป็นเรือประมงอวนลากดัดแปลง ติดธงชาติไทย ต่อท้ายเรือเป็นหลุมส้วม และใช้พลาสติกหนาสีดำกั้นเป็นสัดส่วน ตรวจสอบภายใต้ท้องเรือพบชาวต่างชาติดังกล่าวหลบซ่อนอยู่ จึงได้ควบคุมตัวไว้
พ.ต.อ.กฤษศักดิ์เผยอีกว่า เบื้องต้นเชื่อว่าเรือลำนี้มีเป้าหมายนำผู้หลบหนีเข้าเมืองไปขึ้นฝั่งที่ อ.สุขสำราญ จ.ระนอง แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาตำรวจและทหารสามารถจับกุมตัวชาวโรฮิงยาและชาวบังกลาเทศได้ 78 ราย ทำให้มีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด กลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ในพื้นที่ อ.สุขสำราญ ไม่กล้านำเรือหางยาวไปรับถ่ายคนขึ้นฝั่ง จึงเปลี่ยนเส้นทางหลบเข้ามาในทะเลสาบอ่าวกะเปอร์ จนเรือเข้ามาเกยตื้นที่เกาะนก จึงถูกจับกุมตัวได้ทั้งหมด ส่วนผู้ร่วมกระทำความผิดที่เป็นไต๋เรือและลูกเรือจำนวนหนึ่ง ตำรวจควบคุมแยกไปสอบที่ สภ.กะเปอร์ เพื่อขยายผลหากลุ่มนายทุนที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และนำชาวต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองต่อไป
ด้านนายดลเลาะห์ ณ ถลาง อายุ 28 ปี ชาวประมงพื้นบ้าน บ้านอ่าวเคย ม.4 ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนอง กล่าวว่า คืนที่ผ่านมาขณะตนลอยเรือวางอวนปูอวนปลาชายฝั่งทะเลหน้าอ่าวกะเปอร์ เห็นเรือประมงคล้ายเรืออวนลากแล่นเข้ามาในอ่าวจำนวน 3 ลำ ปกติเรือพวกนี้จะไม่แล่นเรือในพื้นที่ร่องน้ำตื้น เพราะจะทำให้อวนหาปูหาปลาของชาวประมงชายฝั่งที่วางไว้เสียหาย ต่อมาช่วงเช้าจึงทราบข่าวว่าเป็นเรือประมงดัดแปลงบรรทุกชาวโรฮิงยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีข้อมูลว่ามี ผู้เห็นเรือประมงแล่นเข้ามาในอ่าว 3 ลำ เป็นไปได้ว่ายังมีเรืออีก 2 ลำที่เล็ดลอดการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ ชุดอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนและชุดอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ซึ่งนำโดยกำนัน ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ และกำนัน ต.นาคา อ.สุขสำราญ ได้นำเรือหางยาวออกค้นหาเรือประมงดัดแปลงอีก 2 ลำที่คาดว่ายังคงมีชาวโรฮิงยา อาจลอยเรือหลบซ่อนอยู่ตามเกาะเล็กๆ ห่างสายตาผู้คนในอ่าวกะเปอร์ ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ หรืออาจส่งชาวโรฮิงยาขึ้นไปหลบซ่อนตามเกาะได้สำเร็จ เพื่อรอเรือหางยาวของกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์มารับตัวไปขึ้นฝั่งอีกทอดหนึ่ง เชื่อว่าน่าจะมีอีกกว่า 500-600 คน