เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 9 พ.ย. พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล รรท.ผบก.น.9 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาญ แก้วท่าไม้ รอง ผบก.น.9 พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ รอง ผบก.น.9 นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ ฝ่ายสืบสวน และงานจราจร บก.น.9 รวม 130 นาย สนธิกำลังกับทหาร ร้อย รส.พล.ร.9 อีก 15 นาย ร่วมกันวางแผนปิดล้อมจับกุมกลุ่มเด็กแว้น ที่แข่งรถจักรยานยนต์กันบนถนนกาญจนาภิเษก ฝั่งมุ่งหน้าพระราม 2 แขวงและเขตบางบอน กทม.

 

 โดยการแบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกดักซุ่มบริเวณถนนกัลปพฤกษ์ตัดกาญจนาภิเษก เพื่อรอเวลาให้กลุ่มเด็กแว้นรวมตัวขับขี่ และซ้อนท้ายรถจยย.แล่นผ่านมา ประมาณ 50 คัน จึงปิดถนนแล้วใช้รถกระบะสายตรวจไล่ต้อน ไปเป็นระยะทางประมาณ 400 เมตร จนถึงหน้าปั๊มแก๊สแอลพีจี ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ใช้รถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน และรถกระบะสายตรวจอีก 4 คัน ขับออกมาจอดขวางถนนไว้ทั้งเส้น เด็กแว้นเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ปิดล้อม จึงพากันเร่งเครื่องหลบหนีแตกกระเจิง บางรายกลับรถย้อนศรกลับไปทางถนนกัลปพฤกษ์อย่างไม่คิดชีวิต

 

 เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ขับขี่รถจยย.แต่งซิ่งไว้ได้ 25 คน คุมตัวผู้ต้องหาคนขับขี่และซ้อนท้าย ได้ 42 คน เป็นชาย 33 คน และหญิง 9 แบ่งเป็นเยาวชนอายุระหว่าง 14-17 ปี จำนวน 31 คน ชาย 23 คน และ หญิง 8 คน โดยผู้ต้องหาทั้งหมด ไม่มีผู้ใดสวมใส่หมวกกันน็อคสักคน เบื้องต้นควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมรถของกลางไปสอบสวนดำเนินคดีที่สน.บางขุนเทียน 

 

 พล.ต.ต.ชัชวาลย์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตำรวจเข้มงวดกวดขันจับกุมกลุ่มเด็กแว้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะในวันคืนวันเสาร์ต่อเนื่องถึงเช้าวันอาทิตย์ มักมีการร้องเรียนเรื่องเด็กแว้น ออกมาสร้างปัญหาให้ชาวบ้านบนทางสาธารณะอยู่เสมอ ทางผู้บังคับบัญชาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงเน้นย้ำให้เร่งดำเนินการกวาดล้างเด็กแว้นตามนโยบายของรัฐบาล ตำรวจจึงวางแผนรวมตัวกันปราบปรามอย่างจริงจัง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งโดยหลังจากนี้ จะส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมรถจยย.ของกลางให้พนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน ดำเนินคดีทุกข้อหาที่พบการกระทำความผิด เพื่อจะได้หลาบจำไม่ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอีกต่อไป

 

 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สน.บางขุนเทียน เปิดเผยว่า หลังนำผู้ต้องหาทั้งหมดมาคัดกรองที่โรงพัก พบว่าผู้ขับขี่มีทั้งสิ้น 25 คน ตามยอดรถของกลาง แบ่งเป็นชาย 23 คน และหญิง 2 คน ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนแต่ก็ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น ส่งศาลดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนบุคคลซ้อนท้ายที่เป็นผู้ใหญ่อายุเกิน 18 ปี จะทำประวัติเอาไว้ก่อนปล่อยตัวกลับไป สำหรับบุคคลซ้อนท้ายที่เป็นเยาวชนต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยการตามผู้ปกครองมารายงานตัว และรายงานพฤติกรรมให้ทราบจึงจะอนุญาตให้กลับบ้านได้

Credit: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE5UVXdOelF4T0E9PQ%3D%3D&subcatid