ความที่ช่วงนั้นกระแส iphone6 กำลังมาและสิงคโปร์ได้มี iphone6 ขายแล้ว ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทำให้พวกผมตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพสัญชาติสิงคโปร์ไปโดยปริยาย
ร้านดังกล่าวชื่อ Mobile Air ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ภายในห้าง ไม่ได้เป็น apple authorize reseller (อันนี้พวกผมพลาดอย่างแรงไม่คิดว่าประเทศอย่างสิงคโปร์ที่ขึ้นชื่อว่ากฏหมายรุนแรงจะน่ากลัว) คนขายดูหน้าตาไม่น่าไว้ใจ (แต่ช่วงนั้นไม่ได้คิด) แต่พูดค่อนข้างเก่ง พวกผมเข้าไปสอบถามราคาเครื่อง iphone6 64GB ทางร้านบอกมาว่า 1,200SGD (31,200 บาท คิดจากเรท 1SGD = 26 บาท) ราคาตอนนั้นที่สิงคโปร์อยู่ที่ 1,148SGD (29,848 บาท)
ปรึกษากันแล้วราคาพอเข้าใจได้เพราะที่นั้น sold out หมดเค้าจะบวกเพิ่มอีกนิดๆหน่อยๆก็ต้องยอมๆกันไป
สุดท้ายขอต่อราคาหน่อยได้มาอยู่ที่ 1,180SGD (30,680 บาท) ตกลงซื้อขายกัน
จุดผิดพลาดที่ 1
ทางร้านแกะกล่องเปิดเครื่องให้เราดูพร้อมขอเงินเราไปก่อน เนื่องจากทางเค้าชวนคุยทางผมเลยไม่ได้คิดอะไรและเหมือนเดิม คิดว่าไม่น่ามีการโกงที่ประเทศสิงคโปร์
=== พวกผมให้เงินสดเค้าไปเต็มจำนวนโดยที่ยังไม่ได้รับเครื่อง!!!!
จุดผิดพลาดที่ 2
พนักงานขายบอกว่าทางเค้าจะ offer ประกันให้ฟรีคุณจะเอา 1 หรือ 2 ปี อ้าวแน่นอนสิครับพวกผมเลือก 2 ปี ทางพนักงานขายบอกว่านี้เป็นประกัน worldwide เค้าจะทำการ register ให้แต่ไม่สามารถยกเลิกได้นะครับถ้ายกเลิดจะเสียค่าปรับ
=== บทเรียนครับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ และเค้าเตือนงี้โครตน่าสงสัย แต่ทำไมไม่รู้พวกผมไม่สงสัยว่าเค้าจะโกง กลับสงสัยว่ามัน worlwide จริงป่าวหว่าจะครอบคลุมที่ไทยไหม ขอเขกกระโหลกตัวเองทีนึง
จุดผิดพลาดที่ 3
ทางร้านร่างเอกสารสัญญารับประกันมาให้ทางผมผมเซ็นอย่างเร่งรีบ พวกผมก็เซ้นไปโดยไม่ได้อ่านละเอียดมากมาย
=== จงอย่าเซ็นเอกสารแบบไม่ได้อ่านก่อนเด็ดขาด ไม่ว่าประเทศนั้นจะน่าปลอดภัยแค่ไหนก็ตาม
หลังจากจรดปากกาเซ็นเท่านั้นแหละครับ พวกนั้นขอเงินเพิ่มเพื่อเป็นค่าสัญญาอีก 2,400SGD (62,400 บาท) โดยที่เอกสารที่ทางเค้าให้พวกผมเซ็น มีแจ้งไว้ว่างคิดค่าประกันเดือนและ 100SGD เป็นเวลา 24 เดือน และประกันนี้เป็นของทางร้าน ไม่ได้ worldwide นี่
อึ้งเลยครับ!!!
ทางออกของผมคือโทรหาสถานทูตไทย และ โทรแจ้งตำรวจครับ ก่อนโทรทางร้านบอกว่า อย่าโทรเลยเค้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก แถมขู่ว่าถ้าโทรพวกคุณจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย
พวกผมไม่สนครับ นี้มันตั้งใจโกงกันเลย สถานทูตไทยปิดทำการเนื่องจากเป็นวันเสาร์ (ความจริงแล้วมีเบอร์ hot line มือถือที่เปิดไว้ตลอดอยู่นะครับแต่เนื่องจากพวกผมกำลัง งงงวยกัน เลยไม่ได้หาละเอียด) ส่วนตำรวจโทรติดต่อได้ปกติ
ในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกผมได้เดินไปรอที่ information ไม่กล้ารอที่ร้านเนื่องจากกลัวอันตรายเพราะในกลุ่มผมสี่คน เป็นผู้หญิงสองคนครับ ที่ information ผมพบว่าร้านดังกล่าวขึ้นอันดับ 1 ที่มีผู้คนร้องเรียนมากที่สุด แม่เจ้า เราเจอกับมืออาชีพเข้าแล้วสินะ
ตำรวจเดินทางมาประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับแจ้ง (แอบช้านะครับนี่)
ทางตำรวจเจรจาอยู่ประมาณ สิบนาที และได้เรียกผมกับรุ่นพี่ผู้ชายผมเข้าไปคุย และถามว่าลายเซ็นดังกล่าวในเอกสารเป็นของพวกผมใช่ไหม
รุ่นพี่ผมที่เป็นคนเซ็นแอบสงสัยคำพูดและการ offer ของทางร้านจึงได้เซ็นชื่อคนละลายเซ็นกับในพาสพอร์ท และได้แจ้งตำรวจไปตามนั้น
แต่ตำรวจกลับบอกว่าถ้าคุณเซ็นแต่ใช้ลายเซ็นปลอมจะกลายเป็นปลอมแปลงเอกสาร เออแนะนี้ทางพวกผมจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเหรอไงครับ
สุดท้ายทางตำรวจก็ไล่พวกผมออกมานอกร้านและเจรจากับทางร้านอีกครั้ง สรุปได้ความว่า ทางร้านไม่ให้เครื่องเราและจะจ่ายเเงินคืนให้ 250SGD (ุ6,500 บาท) ส่วนที่เหลือถือเป็นค่าฉีกสัญญา 930SGD (24,180 บาท)
ตำรวจแนะนำว่าใหรับเงินดังกล่าวไปและไปร้องเรียนที่ https://www.case.org.sg
ผมถามว่าแล้วคุณช่วยอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลยเหรอ ทางตำรวจบอกว่าหน้าที่นี้เป็นของ case (กรมคุ้มครองผู้บริโภคของสิงคโปร์) เค้าช่วยเจรจาให้แค่นี้แหละ และมาห้ามถ้ามีการชกต่อย เออนะพ่อ ผมจะเรียกคุณมาทำไม
สรุปแล้วทางผมจึงต้องรับเงิน พนักงานขายของร้านทำท่าเยาะเย้ยแล้วโยนเงินลงพื้นให้พวกผมเก็บ วินาทีนั้นผมว่ามันหยาบคายมาก และแสดงให้เห็นว่าพวกผมทำอะไรคนเหล่านี้ไม่ได้เลยจริงๆ
ที่ information ที่คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ case เอามาตั้งไว้เพื่อรับเรื่องร้องเรียนโดยเฉพาะ ทำให้พวกผมได้รู้ว่าเหตุการณ์ที่พวกผมเจอเป็นเรื่องปกติมากสำหรับห้างนี้
ยิ่งกว่านั้น ผมเจอเพื่อนร่วมชะตากรรมครับ เป็นคนเวียดนาม กับ ฟิลิปปิน โดนวันนั้นเหมือนกันเลยครับ คนเวียดนามโดนหลอกไปแล้วกลับมาพร้อมเพื่อนที่เป็นคนสิงคโปร์ให้มาช่วยเจรจา จบลงที่ร้านไม่คืนเงินเต็มจำนวนเช่นกันครับ
พวกผมเสียความรู้สึกอย่างมาก หากคนที่เกี่ยวข้องหรือรู้จักผู้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวสิงคโปร์ฝากบอกพวกเค้าเหล่านั้นด้วยนะครับว่าร้านนี้ทำชื่อเสียงของประเทศคุณในสายตาพวกผมแย่ลงไปอย่างมาก จากที่เคยมองว่าพวกคุณเป็นประเทศที่มีกฏหมายเข้มแข็ง กลับมีบุคคลใช้กฏหมายเหล่านั้นมาหลอกลวงนักท่องเที่ยว เน้นนะครับว่าร้านนี้มุ่งไปที่นักท่องเที่ยวเป็นหลัก เพราะหากมีปัญหานักท่องเที่ยวเหล่านี้เมื่อกลับประเทศไปแล้วก็จบ
สุดท้ายนี้ ผมขอบอกนิสัยที่เลวร้ายที่สุดที่ทางร้านแสดงกับพวกผม
หลังจากที่กลับที่พักแล้ว แฟนผมได้เล่าให้ฟังว่าช่วงที่พวกผมเข้าไปในร้านเพื่อเจรจา พนักงานที่ร้านเข้ามาหาแฟนผมและน้องผู้หญิงที่เข้ามาด้วยแล้ว ถามแบบแปลเป็นไทยได้ว่า "นี้คนไทยใช่ไหม มาสนุกกับพวกพี่ที่เกรังไหม"
แฟนผมเค้าเก็บอารมย์ได้ดี ตอบโต้โดยการเดินออกไป และกลับมาบอกพวกผมอีกทีหลังจากถึงที่พัก
นาทีนั้นผมโกรธมาก หลอกลวงนักท่องเที่ยวและยังดูถูกประเทศไทย ผู้หญิงไทย และสำคัญดูถูกแฟนผมและน้องที่มาด้วย
วันรุ่งขึ้นทางพวกผมต้องบินกลับไทยและวันจันทร์ต่อมาทางผมจึงโทรเข้าไปหา สถานทูตไทยที่สิงคโปร์เพื่อเล่าเรื่องดังกล่าว แต่อย่างที่ทราบทางพี่สถานทูตก็แจ้งว่ามีการร้องเรียนเข้ามาเยอะแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เนื่องจากเอกสารที่เราเซ็นไว้เป็นหลักฐาน ประกอบกับ case.org เองก็รับเรื่องร้องเรียนลักษณะนี้ไว้มากมาย และทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
ที่ผมมาตั้งกระทู้นี้เนื่องจากว่าไปพบ Link
http://www.posttoday.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81/Asia-in-Focus/328460/%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%9A-%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8D%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2
และ
http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9570000128044
ซึ่งโดนลักษณะเดียวกัน และอยากแจ้งเตือนเพื่อนๆในนี้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น