ชาวบ้านทุกข์หนัก! ควายตายเกลื่อนครึ่งร้อย ล้ม-หายใจขัดกะทันหัน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. นายสัตวแพทย์พืชผล น้อยนาฝาย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานกลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์ จ.เชียงราย
ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่เลี้ยงกระบือจำนวนมากเขตหมู่บ้านสมานมิตร ม.1 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ว่า ได้มีกระบือล้มตายลงเป็นจำนวนมากอย่างกะทันหัน จึงนำเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพบชาวบ้านกำลังตื่นตระหนกกับฝูงกระบือจำนวนประมาณ 30 กว่าตัว ต่างนอนตายเกลื่อนอยู่ภายในโรงเลี้ยงตั้งอยู่ภายในเกาะมะเฟืองกลางหนองหลวงซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะติดกับหมู่บ้านดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีนอนตายตามริมฝั่งน้ำและอาการหนักหายใจระทวยอยู่อีกนับ 10 ตัว
นายสุข นรรัตน์ อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้านสมานมิตรและเป็นเจ้าของฝูงกระบือ กล่าวว่า
กระบือทั้งหมดเป็นของตนที่เลี้ยงจากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มาตั้งแต่ปี 2528 จากกระบือจำนวน 11 ตัวค่อยๆ แพร่พันธุ์จนมีจำนวนในปัจจุบันทั้งหมด 53 ตัว โดยนำไปเลี้ยงบนเกาะมะเฟืองเพราะเป็นที่สาธารณะที่ปกคลุมด้วยป่าไผ่และไม้พุ่มเล็กเป็นบริเวณกว้าง กระทั่งช่วงเมื่อวันวานกระบือมีการอาการเซื่องซึมและจมูกแห้งผิดปกติ ก่อนที่ช่วงเช้าของวันนี้จะพากันล้มลงอย่างกะทันหันและหายใจขัดตายทันทีอย่างน่าตกใจมาก เพราะก่อนหน้านี้กระบือมีสุขภาพแข็งแรงและการสูญเสียไปทันทีทำให้เดือดร้อนหนักเพราะกระบือมีการซื้อขายกันตัวละตั้งแต่ 35,000 บาท จนระดับพ่อพันธุ์ตัวละกว่า 70,000 บาท
“ควายของผมมี 53 ตัว ที่พบแล้วว่านอนตายเกลื่อนมีอยู่ประมาณ 30-40 ตัว และที่เหลือเกือบ 10 กว่าตัวกำลังเซื่องซึมและไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ ขณะที่มีหลายตัวที่ยังหายไปในป่า โดยเฉพาะตัวพ่อพันธุ์ที่มีราคาสูงสุดได้หายไป ยังหาตัวไม่พบ จึงรวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดประมาณ 3 ล้านบาท” นายสุข กล่าวและว่าตนจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเยียวยาเพราะกระบือเหล่านี้แม้จะเป็นของตนคนเดียวแต่ก็จัดแบ่งให้ชาวบ้านหลายรายเลี้ยงโดยแบ่งรายได้กัน จึงเสมือนเป็นกระบือของชาวบ้านหลายคนด้วย
ด้านนายสัตวแพทย์พืชผล กล่าวว่า โรคดังกล่าวเกิดจากไวรัสเรียกชื่อโรคว่าโรคคอบวมหรือเฮโมรายิกเซฟติซีเมีย
เกิดเฉพาะในสัตว์เท้ากีบ อาการจะล้มลงเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว และจะติดต่อเฉพาะในสัตว์เท้ากีบผ่านสารคัดหลั่งที่อีกตัวไปสัมผัส ไม่ติดต่อสู่คนหรือสัตว์ประเภทอื่น สำหรับกรณีนี้ได้สอบประวัติทราบว่าไม่ได้นำสัตว์ออกนอกพื้นที่และไม่มีสัตว์ภายนอกเข้าไปปะปนมานานแล้ว แต่เจ้าของออกไปสัมผัสสัตว์ในพื้นที่อื่นแล้วกลับมายังฝูงกระบือของตน จึงคาดว่าเกิดจากกรณีนี้มากกว่า
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุได้เร่งฉีดวัคซีนกระบือที่ยังรอดชีวิตอยู่ ส่วนที่ตายแล้ว ต้องทำการฝังกลบโดยเร็ว
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งได้ประกาศพื้นที่เป็นเขตโรคระบาดคอบวมที่ต้องควบคุมพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตร ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายสัตว์แล้ว ส่วนการระบาดนั้นเกิดจากการที่เจ้าของได้เว้นช่วงไม่ฉีดวัคซีนในปีนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้ฉีดมาโดยตลอด โดยทางสำนักงานปศุสัตว์มีบริการให้อย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่อยู่แล้ว