Did You Know? ทะเลไทยลึกเท่าไหร่
หากนับความลึกจากฝั่งอ่าวไทยนั้น ถือว่าทะเลของไทยอยู่ในระดับตื้นมาก นั่นคือมีจุดลึกสุดเพียง 85 เมตรเท่านั้น แต่หากเป็นฝั่งอันดามัน ซึ่งเป็นทะเลที่มีลักษณะเป็นฟยอร์ด ระดับความลึกเฉลี่ยอยู่ที่ 870 เมตร และจุดที่ลึกที่สุดวัดได้ 3,777 เมตร
ว่ากันว่า หากโลกนี้ไม่มีสงคราม นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำก็คงไม่มี เพราะเหล่าทหารเรือทั้งหลาย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ว่าจะในสมรภูมินอร์มังดีหรือเพิร์ลฮาร์เบอร์ ล้วนแล้วแต่ต้องการนาฬิกาเพื่อนัด หมายเวลาเข้าจู่โจมทางน้ำ แต่นาฬิกาทั่วไปให้แต่ความเที่ยงตรง แต่กลับไม่มีคุณสมบัติเรื่องการกันน้ำในระดับที่ดี ไม่มีระบบสำหรับลดแรงดันน้ำหรือออกแบบมาเพื่อดูเวลาได้ในที่มืด หรือตัวเรือนแข็งแกร่งพอจะลุยได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ
องค์กรมาตรฐานโลกได้กำหนดมาตรฐาน ISO 2281 สำหรับนาฬิกาที่มีความสามรถกันน้ำโดยนาฬิกาเรือนนั้นๆจะต้องผ่านมาตรฐานนี้จึงจะสามารถใช้คำว่า'Water Proof' (วอเตอร์พรูฟ) ประทับไว้บนเรือนได้ แต่ คำว่า 'Water Proof' นั้น ผิดกฏหมายในสหรัฐอเมริกา จึงใช้คำว่า Water Resistant ใแทนคำว่า “กันน้ำ-waterproof” เพราะถือเป็นการอวดอ้างคุณสมบัติเกินจริง นาฬิกาประเภทนี้ต้องมีแรงต้านทานแรงดันน้ำที่ความลึกอย่างต่ำ 1 เมตร หือ 3.28 ฟุต ได้นาน 30นาที และ 90 วินาที ความลึก 20 เมตร หรือ 65.6 ฟุต มาตรฐานนี้ถือว่าจิ้บจ๊อยมากสำหรับ “Seiko Prospex Skuba” หรือนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำ เพรานาฬิกาเหล่านี้กันน้ำได้มากกว่านั้นเยอะ
โดยนาฬิกาที่กันน้ำเข้าสู่ภายในได้เพราะมีซีลป้องกัน มักใช้วัสดุยางที่มีความเหนียวและยืดหยุ่น โดยใช้ร่วมกับน้ำมันพิเศษเพื่อรักษาความแห้งกันน้ำและความชื้นเล็ดลอดเข้าสู่ภายในตัวเรือน มาตรฐาน ISO 2281 มุ่งเน้นที่ความสามารถกันน้ำเป็นหลักไม่จำเพาะเจาะจงกับนาฬิกาดำน้ำเท่านั้น แต่รวมถึงนาฬิกาทั่วไปที่ผู้สวมใส่อาจใส่ประกอบกิจกรรมต่างๆ อาทิ ว่ายน้ำ ล้างมือ อาบน้ำ ฯลฯ
ระดับการกันน้ำของนาฬิกาข้อมือ ที่เราเห็นๆ กันอยู่บนหน้าปัดนาฬิกา เช่น WATER RESISTANT 10M 30M 50 M หรือมากกว่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะกันน้ำได้จริง เมื่ออยู่ที่ความลึก 10 เมตร, 30 เมตร, 50 เมตร แต่เป็นเพียงหน่วยวัดที่แสดงความสามารถในการป้องกันระดับแรงดันได้เทียบเท่ากับระดับความลึกนั้นๆ แค่นั้นเอง แต่เราไม่ได้อยู่ในน้ำนิ่งๆ นิครับ เมื่อมีการว่ายน้ำ หรือการเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตาม แรงดันก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก