ฮาโลวีน เที่ยวไหนดี รวมสถานที่หลอน เที่ยววันปล่อยผีจากทั่วโลก

31 ตุลาของทุกปี เป็นวันที่เหล่าผีจะได้ออกมาเริงร่า เดินปะปนอยู่บนโลกมนุษย์อย่างสนุกสนาน แล้วคนเป็นอย่างเราจะนั่งเฉาอยู่บ้านได้ยังไงกัน ลองไปหาที่เที่ยวสัมผัสกลิ่นไอความตายปะปนกับภูติผีมั่งดีกว่า กับรวมสถานที่เที่ยววันฮาโลวีนรอบโลก กับตำนานชวนขนหัวลุกที่มีอยู่จริง ดังต่อไปนี้ครับ

 

1. SALEM, MASSACHUSETTS, USA

ที่เมืองซาเล็ม เป็นเมืองที่โด่งดังขึ้นมาจากเรื่องราวของ "การสอบสวนแม่มดแห่งซาเล็ม" ในช่วงปี 1692 ชนวนของเหตุการณ์เริ่มจากเด็กๆ ในหมู่บ้านที่เริ่มล้มป่วยเป็นลมชัก อาการคล้ายผีเข้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อแพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้จึงลงความเห็นว่าเป็นเพราะเวทย์มนต์คาถาไปเสียเลย เหตุนี้จึงทำให้มีผู้ถูกประหาร และทรมานเป็นจำนวนมากด้วยข้อหาที่ไม่เป็นธรรม เช่นเลี้ยงแมวไว้ในบ้าน หรือหากเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยก็จะถูกกล่าวหาว่าแลกวิญญาณกับซาตานเพื่อความงามนั้น สรุปรวมแล้วมีชาวเมืองถูกจับกุมและทรมานกว่า 150 คน (ในจำนวนนี้มีสัตว์เลี้ยงด้วย) เกือบ 20 คนถูกประหารชีวิตทั้งด้วยการแขวนคอ และเอาก้อนหินหนักทับให้ตาย 

 

กระทั่ง 19 ปีต่อมาคดีจึงเป็นอันยุติเพราะตรวจสอบพบว่ามีการใช้พยาน และหลักฐานที่ไม่มีมูลความจริง และประกาศอภัยโทษแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด รวมทั้งจ่ายสินไหมทดแทน คืนทรัพย์สินที่ยึดมาทั้งหมดด้วย ปัจจุบันเมืองซาเล็มจึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของการล่าแม่มด รวมถึงมีงานเทศกาล ทัวร์ชมจุดประหารแม่มดอีกด้วย

 

2. Bran CASTLE, ROMANIA 

เอ่ยถึงปราสาทบรานแห่งโรมาเนียหลายคนอาจไม่รู้จัก แค่ถ้าพูดว่า "ปราสาทแดร็กคูล่า" แล้วล่ะก็คงร้องอ๋อกันทันที เป็นปราสาทที่เจ้าชาย "วแลด แดรคูล" (Vlad III Dracul) เคยครอบครองเพื่อใช้ต่อสู้กับกองทัพชาวเติร์ก และเมื่อจับเชลยได้ก็จะนำมาเสียบประจานอย่างน่าสยดสยอง เป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ด้วยความไม่ปราณีต่อศัตรูนี้เองคงไปดลใจให้นักเขียนนวนิยายนาม "บราม สโตกเกอร์" (Bram Stoker) จับไปเป็นไอเดียของผีดูดเลือดแดร็กคูล่าในที่สุด

ปัจจุบันนี้ปราสาทบรามเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม พร้อมทัวร์สัมผัสเรื่องราวความจริงของเจ้าชายจอมเสียบผู้นี้

 

3. PARIS, FRANCE

ท่ามกลางความงามของสถานที่แสนโรแมนติกของกรุงปารีส ไม่ว่าจะเป็นหอไอเฟล หรือพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ แต่เมื่อถึงวันฮาโลวีนให้คุณมองข้ามที่เหล่านี้ไปซะ แล้วไปชมด้านดำมืดของปารีส ณ Père Lachaise สุสานขนาดใหญ่ของปารีสที่มีขนาดกว่า 100 เอเคอร์ และ Catacombs of Paris สุสานใต้ดินของปารีสที่บรรจุโครงกระดูกกว่าล้านชีวิตเรียงรายในอุโมงค์มืดมิด ผู้ที่ลงไปต่างพูดป็นเสียงเดียวกันว่าบรรยากาศข้างใต้นั้นเหมือนหลุดไปยังอีกโลกหนึ่ง...โลกที่คนเป็นไม่ควรก้าวเข้าไป 

 

4. NEW ORLEANS, USA

นิวออร์ลีนส์ หนึ่งในเมืองผีดุที่มตำนานเล่าขานเรื่องของลัทธิวูดูที่นับถือกันอย่างแพร่หลายในอดีต สถานที่ที่โด่งดังมากที่สุดคือ "Manchac Swamp" หนองน้ำอาถรรพ์ที่บรรยากาศชวนขนหัวลุกปกคลุมด้วยต้นไม้ดึกดำบรรพ์นานาพันธุ์ และยังอุดมด้วยตำนานของผีดิบดูดเลือด และแม่มดวูดู  นักท่องเที่ยวหลายคนเคยพบเห็นศพนิรนามลอยขึ้นมาจากหนองน้ำอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงเสียงเพลงของแม่มดที่ลอยมาตามลมด้วย  

 

5. OAXACA, MEXICO

สำหรับชาวเม็กซิกันแล้ว งานเทศกาลรำลึกถึงคนตายนั้นดูอบอุ่น และเป็นมิตรมากกว่าวันฮาโลวีนมาก กับเทศกาล "Dia de los Muertos" (Day of the Dead) ที่ถือกันมาตามตำนานของชาวแอซเท็ค และชนเผ่ามายัน ซึ่งเชื่อดวงว่าวิญญาณในปรโลกจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาเยี่ยมเยียนญาติสนิทมิตรสหายเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของคนเป็นที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองไว้รอต้อนรับ ทั้งการจัดแต่งหลุมฝังศพอย่างสวยงาม ประดับเชิงเทียนให้สว่างไสวเพื่อเชื้อเชิญดวงวิญญาณให้กลับบ้าน 

 

6. ROSE HALL GREAT HOUSE, JAMAICA

บ้านสุดเฮี้ยนที่มีชื่อเสียงของจาไมก้า กับเรื่องราวของ Annie Palmer เจ้าของบ้านที่เล่นไสยศาสตร์มนต์ดำที่ชอบจับทาสมาทรมานแล้วฆ่าอย่างเลือดเย็น ภายในบ้านยังมีคุกใต้ดินที่มีคนได้ยินเสียงร้องโหยหวนอยู่เป็นระยะ แล้วหากคุณโชคดีพอก็อาจได้เจอกับนาง Annie Palmer ที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ ก็เป็นได้

 

7. SLEEPY HOLLOW, NEW YORK, USA

ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของตำนานชายขี่ม้าหัวขาดแห่ง SLEEPY HOLLOW เรื่องสั้นที่แต่งโดย Washington Irving ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องผีที่ถูกแต่งขึ้นแต่ด้วยบรรยากาศของหมู่บ้านที่ชวนหลอนดั่งในเรื่องสั้นบรรยายไว้ ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมขึ้นมา

 

8. Sedlec Ossuary, Kutna Hora, Czech Republic

โบสถ์ที่ตั้งอยู่กลางสุสานในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ Sedlec ชานเมือง Kutna Hora ประดับประดาด้วยโครงกระดูกมนุษย์กว่า 70,000 คน  ผู้คนเชื่อว่าสุสานนี้เป็นสุสานศักดิ์สิทธิ์ จึงต้องการให้ตัวเองหรือญาติพี่น้องมาอยู่ที่สุสานแห่งนี้เพราะจะทำให้ใกล้ชิดกับพระเจ้า และเป็นหนทางที่จะทำให้ได้ขึ้นสวรรค์

อ่านเรื่องราวของโบสถ์โครงกระดูก Sedlec Ossuary สวยสยองแห่งกรุงปราก เพิ่มเติมได้ที่นี่

 

9. Bell Witch Cave, Tennessee, USA

อีกหนึ่งตำนานที่เกิดขึ้นจริง และภายในถ้ำนี้เองคือสถานที่จริงที่เชื่อกันว่าวิญญาณของแม่มดเบลล์ยังคงวนเวียนอยู่ ปัจจุบันที่นี่ถูกเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้เข้าชมได้ในช่วงเดือนตุลาคม (ช่วงฮาโลวีนนั่นเอง) นักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมภายในถ้ำล้วนได้รับรู้ถึงสิ่งผิดปรกติบางอย่างเหมือนๆ กัน เช่นความรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา เสียงประหลาดที่ลอยออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ สุดท้ายคือข้อห้ามของการเที่ยวถ้ำนี้คือ "ห้ามหยิบสิ่งใดติดมือออกไปแม้แต่ชิ้นเดียว แม้ว่าจะเป็นเพียงก้อนหินก็ตาม" 

อ่านตำนานของแม่มดเบลล์เพิ่มเติมได้ใน "รวม 10 สถานที่ ผีเฮี้ยน หลอน ที่สุดของสหรัฐอเมริกา" ครับ  

 

10. ESTES PARK, COLORADO, USA

คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นที่เที่ยววันฮาโลวีนที่ชิลล์ที่สุดแล้ว สำหรับ Stanley Hotel โรงแรมดังที่ขึ้นชื่อเรื่องผีชุม และคนส่วนใหญ่ก็ยินดีเสียเงินมาเข้าพักเพื่อจะได้เจอผีอีกต่างหาก วันดีคืนดีขณะที่แขกกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ที่ล็อบบี้ก็มักจะพบกับเจ้าของโรงแรม (ที่ตายไปนานแล้ว) นาย F.O. Stanley ด้วย ส่วนคุณนาย Flora Stanley ก็มักจะแอบมาเล่นเปียโนที่ห้องดนตรีอยู่บ่อยๆ เสียงด็กเล่นเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวจากห้อง 418 (ทั้งที่วันนั้นไม่มีเด็กเข้าพัก) และอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง เพียงแค่นี้ก็น่าจะคุ้มค่าแล้วกับการได้เข้าพักในโรงแรมวิวสวยเห็นเทือกเขาร็อคกี้ จิบค็อกเทลเบาๆ พร้อมชมผีลอยไปมา แค่นี้ก็ครบสูตรฮาโลวีนแล้วว

Credit: PostJung
#ฮาโลวีน
PatPuch
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
30 ต.ค. 57 เวลา 15:42 2,360 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...