ชายวัยกลางคนอุ้มลูกเล็ก 2 คน เดินเร่รอนตากแดด หลังทะเลาะเมียแล้วโดนไล่ออกจากบ้าน มีเงินติดตัว 17 บาท ที่ จ.สระบุรี
วันนี้ 29 ต.ค. 2557 เวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สมาคมพุทธสมาคมสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี หรือ โรงเจสระบุรี หลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยสว่างฯได้โพสต์ภาพถ่ายชายวัยกลางคนและหนูน้อย 2 คนนอนอยู่ในเต๊นท์ภายในโรงเจดังกล่าว พร้อมกับข้อความขอความช่วยเหลือโดยระบุว่าชายดังกล่าวทะเลาะกับภรรยาและถูกไล่ออกจากบ้านเช่าจึงอุ้มลูกเดินเร่ร่อนไม่มีที่พักอาศัย
เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึง พบเพียงเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์กู้ภัยสว่างรัตนตรัยสระบุรี และบอกว่าตอนนี้พ่อและลูกทั้ง 2 คนได้เดินทางไปที่ รพ.สระบุรี เพื่อตรวจดูอาการลูกสาวคนโตวัย 1 ขวบเศษ หลังนอนตกจากเวทีเต้นแอโรบิก ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยบอกว่า พบชายคนดังกล่าวนำลูก 2 คนใส่รถเข็นซาเล้งมีข้าวของมาด้วย ทราบว่าเป็นอุปกรณ์ทำน้ำเต้าหู้ จึงไปรับมานอนที่โรงเจสระบุรี หานม ข้าวให้พ่อของเด็กและหนูน้อยทั้ง 2 คนกิน
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสระบุรี ก็พบชายคนดังกล่าว อุ้มลูกสาวคนโตวัยเกือบ 2 ขวบ ไว้ในอ้อมอก ขณะที่ลูกคนเล็กวัย 7 เดือนเศษ มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมสงเคราะห์จังหวัดสระบุรีอุ้มอยู่ จากการสอบถามเบื้องต้น ทราบชื่อคือ นายสุทิน (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี เป็นชาว จ.สระบุรี โดยนายสุทินได้เปิดเผยว่า ตนเองก่อนหน้านี้เคยทำอาชีพทำก่อสร้าง ต่อมาได้มาทำปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ขาย อาศัยอยู่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในตัวเมืองสระบุรี ซึ่งตนได้ทะเลาะกับภรรยาและถูกไล่ออกจากบ้าน จึงเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจพาลูกใส่รถเข็นเดินออกมา ไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งที่ตัวมีเงินติดตัวเพียง 17 บาทเท่านั้น
ขณะที่กำลังสอบถามอยู่นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิง 3 คนจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้พา นายสุทินและเด็กอีก 2 คนขึ้นรถยนต์ปิกอัพด้านข้างมีข้อความ พม.และตราโลโก้ของหน่วยงานราชการโดยอ้างว่าจะไปดูรถเข็นและอุปกรณ์ที่ทำน้ำเต้าหู้ที่ยังอยู่ที่โรงเจสระบุรี ทางผู้สื่อข่าวได้ขับรถตามไปแต่รถคันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องออกไปด้วยความเร็ว และขับแซงตลอดเวลา กระทั่งขับอ้อมไปมาและวนเวียนอยู่ในตัวเมืองสระบุรี โดยมีเจตนาจะขับพานายสุทินหลบหนี
เมื่อเห็นว่าผู้สื่อข่าวตามไม่ทัน จึงขับเข้าไปจอดในสนามไดร้กอล์ฟแห่งหนึ่ง ตรงข้ามสำนักงานการไฟฟ้าสระบุรี แต่เมื่อผู้สื่อข่าวขับตามเข้าไป คนขับรถยนต์ของหน่วยงานราชการดังกล่าวก็ถอยรถและขับหลบหนีออกไปอีก ผ่านตัวเมืองสระบุรีและย้อนไปขึ้นถนนมิตรภาพกระทั่งหายไป ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีใครให้คำตอบ ต่อมามีเจ้าหน้าทีโทรศัพท์กลับมาแจ้งว่าได้นำนายสุทินและลูกอีก 2 คนไปดูแลแล้ว
อย่างไรก็ตาม ได้มีคนเดินทางนำอาหารสิ่งของ นมและเสื้อผ้ามาเพื่อที่จะมอบให้ แต่ทั้ง 3 พ่อลูกไม่ได้กลับมาโรงเจสระบุรี ทราบเพียงว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งรับไปแล้ว ซึ่งอาสาสมัครกู้ภัยจะได้รวบรวบเงินและสิ่งของที่มีคนนำมามอบให้ไปส่งให้นายสุทินต่อไป