ความแตกต่างระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายนั้นมีหลายแบบ และถ้าให้ผู้หญิงกับผู้ชายเลือกแต่งบ้านในสไตล์ของตัวเอง แน่นอนว่าคงได้บ้านออกมาใน 2 สไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ดั่งเช่นการแต่งบ้านในสไตล์ Vintage และการแต่งบ้านในสไตล์ Contemporary ที่มีความเท่ เก๋ในแบบฉบับของตัวเองไปคนละแบบ
Vintage Style
ถ้าลองเสิร์ชหาความหมายของคำว่า Vintage ใน Google จะพบว่าเป็นภาษาในวงการผลิตไวน์ที่หมายถึงการเก็บบ่มไวน์เป็นระยะเวลาหลาย ๆ ปี เพื่อให้ไวน์มีรสชาติดี แต่ถ้าพูดถึงคำว่า Vintage ในสไตล์การแต่งบ้านแล้วล่ะก็ หลายคนอาจนึกไปถึงการนำสีสันหวาน ๆ ลวดลายดอกไม้ ผ้าและเฟอร์นิเจอร์ไม้มาตกแต่งกัน การตกแต่งบ้านในสไตล์นี้เริ่มแพร่หลายจากสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศในยุคปลายรัชกาลที่ 5 (ยุโรปตอนต้น) ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นตัวอย่างได้จากตัวตึกหรือบ้านในบริเวณถนนราชดำเนิน ถนนหลานหลวง ถนนพระอาทิตย์ เป็นต้น สีของ Vintage จะเป็นสีหวาน ๆ แบบพาสเทล (สีที่ใช้สีขาวมาผสมเพื่อให้ดูอ่อนหวาน) เช่น สีเขียวอ่อน สีชมพูอ่อน สีเหลืองอ่อน สีส้มอ่อน ฯลฯ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ก็จะมีรูปลักษณะโครงสร้างหรือแกะสลักที่ดูอ่อนช้อยงดงามผสมอยู่ เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีความอ่อนช้อย และลวดลายการแกะสลักสวย ๆ หรือโซฟาที่ถูกหุ้มด้วยผ้าลายดอกไม้สีหวาน ๆ เป็นต้น
ปัจจุบันนอกจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะ Vintage แล้ว เรายังสามารถเนรมิตบ้านให้เป็นสไตล์ Vintage ได้แบบรวดเร็วทันใจด้วยการติดวอลเปเปอร์ผนังสีหวาน ๆ ในการสื่อถึงอารมณ์ Vintage ซึ่งเราสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายของตกแต่งบ้านทั่ว ๆ ไป หรือตามเว็บไซต์ซึ่งมีข้อดีคือจะมีราคาถูกกว่าราคาในท้องตลาด
Contemporary Style
เรามาพูดถึงการแต่งบ้านสไตล์ Contemporary Style กันบ้างดีกว่า คำว่า Contemporary Style นั้นมีความหมายว่า ‘ร่วมสมัย’ ในส่วนของการแต่งบ้านคือการนำความเป็น Modern และ Classic มาผสมผสานเข้าด้วยกันทั้งในเรื่องของเฟอร์นิเจอร์และแนวความคิด จนได้คำตอบของคำว่าเรียบง่าย ไม่หรูหราจนเกินไป แต่ภาพรวมทั้งหมดที่ออกมาจะดูเป็นบ้านของครอบครัวที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา การแต่งบ้านสไตล์นี้มักไม่มีข้อจำกัด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมลงตัวของเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่แล้วและความพอใจของเจ้าของบ้านเสียมากกว่า แต่คุณผู้อ่านก็ต้องไม่ลืมเรื่องจังหวะการจัดวางของเฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงองค์ประกอบความเหมาะสมโดยรวมภายในห้อง ซึ่งสิ่งที่จะบ่งบอกว่าเป็น Contemporary Style ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือการให้สีที่เป็นสีโทนอุ่น (Warm tone) เช่น ขาวอมเหลือง เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยให้รู้สึกสบายอบอุ่นใกล้ชิดแบบครอบครัว รวมถึงกระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดีแล้ว การใช้สีโทนนี้ยังง่ายต่อการนำเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งอีกด้วย
ในการแต่งบ้านไม่ว่าจะเป็น คอนโด ทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว ถ้าใครรักพี่เสียดายน้องชอบทั้ง 2 สไตล์ อยากจะลองเลือกแต่งบ้านในสไตล์ผสมผสานระหว่าง Vintage และ Contemporary Style ก็ดูเก๋เท่ไปอีกแบบ