เมื่อหลายปีก่อน ร้านค้าชื่อแปลกๆได้ถือกำเนิดขึ้นในเมืองไทย มันเป็นร้านที่เรียกว่า 'convinient store' หรือที่ชาวไทย(กลุ่มใดก็มิทราบ) เรียกว่า'ร้านสะดวกซื้อ' มันมากับสีสันสุดสดคือ ส้มกับเขียว ใช่แล้วครับมันคือ '7-ELEVEN'
หลายคนอาจสงสัย เอ๊ะ!ทำไมจึงชื่อร้านแปลกๆเช่นนี้ ความจริงก็คือเมื่อก่อนร้านนี้ไม่ได้เปิด24ชม.อย่างปัจจุบัน แต่เปิด7โมงเช้า ไปถึง5ทุ่ม (7am-11pm) นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ 7-11นั่นเองครับ ^_^
ทีนี้พอร้าน7-11เริ่มรุกตลาดร้านค้าในไทย บรรดาร้านที่ขายของแนวนี้ก็ต้องปรับตัวกับยกใหญ่ เพื่อสู้กับ(ไอ้)7-11 มีเรื่องนึงที่ผมได้พบมาด้วยตัวเองเลย คือแถวบ้านจะมีร้านโชห่วยของแป๊ะเส่ง หัวซุ่นๆ ทีนี่ผมก็ออกจะหมั่นไส้นิดๆ แหม!ก็แกถือว่าแกเป็นร้านขายของร้านเดียวในย่านนั้น แปะเลยชอบขายของเอาเปรียบคนซื้อนิดๆ จนกระทั่ง7-11ได้มาจุติยังย่านนั้น การห้ำหั่นก็เริ่มขึ้น
ส่วนผมก็ได้รวบรวมข้อแตกต่างระหว่าง2ร้านได้ ดังนี้
>>7-Eleven : ทุ่มทุนการสร้างอย่างมโหฬาร เปิดไฟยังกะไม่ต้องเสียค่าไฟ (แม้ว่าจะใช้หลอดประหยัดไฟก็ตาม)
>>อาแปะ : ขี้เหนียว เปิดไฟหยุมหยิมพอเป็นพิธี ร้านจึงดูลึกลับ (ไม่)น่าค้นหา
>>7-Eleven : มีแอร์ 4 ตัวในร้าน แต่ไม่เปิดทุกตัว (ที งี้ ดันประหยัด)
>>อาแปะ : มีแต่ แอร์กี่กี่ 1 ตัวในร้าน
>>7-Eleven : ใช้เครื่องมือคิดเงินที่ดูดีมีชาติตระกูล แต่ด้วยความงี่เง่า(บางครั้ง)ของคนคีย์ ระบบราชาแค่ไหนก็ถึงคราวรวนได้
>>อาแปะ : ระบบคิดเงินด้วยสมอง ถ้าลูกค้าหน้าตาชื่อๆ ก็มีคิดแถม แต่ถ้าลูกค้าขาวสวยน่ารัก อันนี้ลดโดยอัตโนมัติ
>>7-Eleven : แบ่งการทำงานเป็น 3 กะๆละ 8 ชั่วโมง.
>>อาแปะ : แบ่งการทำงานเป็น 2 กะ กะผัวกะเมีย
>>7-Eleven : น้ำกดอัตโนมัติ ที่คุณอาจโกงได้ เพียงซื้อน้ำแข็งมาก่อน แล้วก็ล่อน้ำเพียวๆ กำไร
>>อาแปะ : มีเครื่องดื่มในตู้แช่ ตรึม แต่ที่โดดเด่นคือน้ำเก๊กฮวยใส่แก้วขาย
>>7-Eleven : ขายเหล้าแบบเต็มขวด (ฝันไปซะที่จะแบ่งขาย)
>>อาแปะ : ขายเหล้าแบบแบ่งกั๊กก้ง บุหรี่ก็แบ่งมวนขาย
>>7-Eleven : ถามหาของอะไร เรานับ1-1000 บางทีพนักงานก็ยังไม่รู้เลย ว่าที่เราถามหาคืออะไร
>>อาแปะ : ถามหาของอะไร เรานับ1-5 ของก็มา ด้วยญาณวิเศษในการค้นหาของแปะ
>>7-Eleven : ไม่มีที่ล็อคประตู (ยกเว้นกรณีเจ๊ง)
>>อาแปะ : มีการปิดร้าน
>>7-Eleven : มี 'ติ๊งต่อง'
>>อาแปะ : ไม่มี
>>7-Eleven : พนักงานไม่ได้ความ ชอบนึกว่าเราขี้ลืม ซื้อของไม่ครบ ถามอยู่นั่นล่ะ 'รับน้ำแข็งเพิ่มมั้ยคะ' (เวลาซื้อเบียร์) 'รับซาลาเปาทานเพิ่มมั้ยคะ' (เวลาซื้อน้ำกด) 'รับฮอทดอกทานเพิ่มมั้ยคะ' (เวลาซื้อถุงยาง!) รับไฟเช็ดเพิ่มมั้ยคะ (เวลาซื้อบุหรี)
>>อาแปะ : แปะไม่ดูถูกเรายังงั้นหรอกน่า
>>7-Eleven : ป้ายร้านสีสดมากๆ จนพอไปตั้งที่ถนนราชดำเนิน หลายคนก็บอกว่า ร้านแถวนั้นเค้าจะดูสงบๆ สีไม่ฉูดฉาด แต่พี่ไปแบบฉูดฉาด
เหมียนเดิม
>>อาแปะ : เน้นเรียบง่าย แต่ขลังด้วยสีแดง+ทอง
>>7-Eleven : ชอบหาของมาให้แลกซื้อ แล้วก็มักเป็นของหลอกเด็ก (แต่ผมก็หลงซื้อ)
>>อาแปะ : ไม่ต้องแลกซื้อ ขายเลย (เวร!...พอกัน)
>>7-Eleven : เวลามัลล์คิดตังค์ จะพูดนัยว่า'ขอให้ผู้ที่อยู่ในร้าน โปรดรับทราบไว้ด้วยว่า อีนังนี่มาเซเว่น แล้วซื้ออะไรบ้าง' ด้วยวิธีคิดตังค์แบบแหกปาก '44 พินA 50บาท ทั้งหมด2015บาท 50สตางค์ค่ะ'
>>อาแปะ : เวลาคิดตังค์ แปะจะสงบหรี่ตาเล็กน้อยแล้วก็พึมพำ (คล้ายเด็กคิดจินตคณิตน่ะ) จากนั้นก็พูดราคาออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ
>>7-Eleven : เมื่อVATลงเหลือ 7% ก็ลดราคาลงทันที (อันนี้ดี)
>>อาแปะ : จะลงก็ช่างหัวมัน อั๊วรอแต่เมื่อไรมีข่าวว่าจะขึ้น อั๊วก็ชิงขึ้นก่อนเลยน้อ (อันนี้ไม่ไหว)
>>7-Eleven : ถูพื้นบ่อยม๊าก บ่อยจนพื้นร้านน้ำนองเป็นชายฝั่งทะเลมหาสมุทร
>>อาแปะ : เดือนละหนพอ
สุดท้ายนี้ แม้ว่าจะแซวร้านขายของไปนิด แต่อยากจะบอกว่าทุกร้าน ก็มีเจตนาที่จะขายของ แล้วให้เรารู้สึกพึงพอใจที่สุด เพื่อจะกลับมาอีก เหมือนกับที่7-11พูดไง 'โอกาสหน้า เชิญใหม่ค่ะ'
คุณว่าจริงมะ??
ขอขอบคุณ : 7-11 สาขาแถวบ้านผม กับประสบการณ์ ที่อดมาเขียนเล่าไม่ได้ และร้านแปะ ที่ให้ผมเห็นอะไรหลายๆอย่าง
============================================================
คนเขียนบทความนี้ต้องเป็นคนช่างสังเกตจริงๆ แล้วก็รวบรวมข้อมูลได้ดีมากๆเลยล่ะเนอะ คุณเห็นด้วยกับ