ปกติเวลาคนเราต้มน้ำ ก็จะมีฟองอากาศเล็ก ๆ ลอยอยู่เต็มไปหมด แต่บนอวกาศไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะ แต่คุณจะพบฟองอากาศฟองยักษ์เพียงฟองเดียวเท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะในห้วงอวกาศนั้น จะไม่มีการหมุนเวียนความร้อนรวมทั้งการลอยตัว ที่สามารถพบได้บริเวณที่มีแรงดึงดูด ซึ่งการต้มน้ำที่ถูกค้นพบเมื่อปี 1992 กลายมาเป็นประโยชน์ให้ NASA ได้ใช้หลักการนี้เป็นแนวทางในการควบคุมความเย็นของกระสวยอวกาศต่อไป
2. ไฟกลายเป็นลูกกลม
ในขณะที่การจุดเทียนบนพื้นโลก จะทำให้เกิดแสงไฟทรงแหลมชี้ขึ้นฟ้า ทว่าบนอวกาศนั้นไฟที่ถูกจุดขึ้นจะกลายเป็นทรงกลม ทั้งนี้เป็นเพราะว่า เมื่อไม่มีแรงดึงดูดแล้ว ความกดอากาศทั้งหมดจะเท่ากัน ทำให้ไฟกระจายออกไปรอบทางเป็นดวงกลม ผิดกับบนพื้นโลก ที่ความกดอากาศต่างกัน โดยยิ่งใกล้พื้นโลกมากเท่าไหร่ มวลอากาศก็หนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เปลวไฟมีปลายเรียวแหลม เนื่องจากมวลอากาศด้านบนเบาบางกว่า
3. แบคทีเรียเติบโตเร็วขึ้นอีก
ถ้าคุณคิดว่าแบคทีเรียบนโลกนี้น่ากลัวแล้ว ขอบอกให้รู้เลยว่าบนอวกาศน่ากลัวกว่านี้เสียอีก เพราะแบคทีเรียอย่างแอสโตร-อี สามารถเติบโตได้เร็วขึ้นกว่าตอนอยู่บนโลกถึง 2 เท่า ในขณะที่แบคทีเรียซาลโมเนลลาก็มีประสิทธิภาพร้ายแรงขึ้นเมื่ออยู่บนอวกาศด้วย ทำให้นักบินอวกาศต้องเสี่ยงกับโรคภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าเหตุผลที่ซาลโมเนลลามีฤทธิ์ร้ายแรงขนาดนี้ น่าจะเกิดจากความผิดปกติระดับความกดดันในโปรตีน Hfq ซึ่งเป็นตัวควบคุมปกติกริยาการตอบสนองต่อแบคทีเรียซาลโมเนลลา
4. เบียร์ไม่ซ่าอีกต่อไป
การจะดื่มน้ำอัดลมสักกระป๋องหรือซัดเบียร์สักขวดให้สดชื่นสักหน่อย กลายเป็นเรื่องที่กร่อยสนิทเมื่ออยู่บนอวกาศ เพราะภาวะลอยน้ำที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้บนอวกาศ จะทำให้ก๊าซคาร์บอนในน้ำอัดลมจางหายไป นักบินอวกาศจึงไม่มีโอกาสได้จิบเบียร์ซ่า ๆ ชื่นใจดับกระหายระหว่างชมวิวดวงดาวกันบ้างเลย
5. ดอกไม้กลิ่นไม่เหมือนเดิม
ใช่ว่าดอกไม้จะไม่ส่งกลิ่นหอมแล้วหรอกนะ แต่เมื่ออยู่บนอวกาศ กลิ่นของมันจะต่างออกไปจนรู้สึกได้ทันที เนื่องจากมันอยู่ท่ามกลางอุณหภูมิและความชื้นไม่เหมือนเดิม ส่งผลให้การผลิตน้ำมันสร้างกลิ่นหอมของมันเปลี่ยนไป ซึ่งทางบริษัทชิเซโด้ได้ปิ๊งไอเดียเอาน้ำหอมจากดอกไม้ที่ขึ้นไปกับกระสวยอวกาศเมื่อปี 1998 ไปผลิตเป็นน้ำหอมภายใต้ชื่อ Out of This World มาแล้ว
6. เหงื่อออกท่วมตัว
คาดว่านักบินอวกาศทั้งหลายคงเหนียวตัวกันแทบแย่แน่ ๆ เพราะเหงื่อจะออกมากขึ้นอีก จากการที่บนอวกาศไม่มีการหมุนเวียนความร้อน ทำให้ร่างกายจำเป็นต้องปรับอุณหภูมิร่างกายด้วยการผลิตเหงื่อออกมาแทน แต่ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือ เหงื่อเหล่านั้นไม่สามารถระเหยหรือหยดลงได้ มันจึงเกาะอยู่บนร่างกายอยู่อย่างนั้น