Stoneman
...ไอ้หินโหด ฆาตกรต่อเนื่องแห่งอินเดีย...
ฆาตกรต่อเนื่องที่รู้จักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเดียเป็นที่รู้จักกันแค่ในชื่อ 'Stoneman' และมันได้ทำการฆ่าเหยื่อไปมากกว่า 13 ศพในกัลกัต โดยปี 1989 เหยื่อคนแรกของเขาถูกฆ่าตายในเดือนมิถุนายนของปีนั้นด้วยการทุบหัวด้วยก้อนหินจนเละ เหยื่อเป็นเด็กที่จรจัดที่กำลังนอนหลับอยู่คนเดียวและเมื่อเขาถูกฆ่าตาย ในช่วงหกเดือนถัดไป อีก 12 คนที่เป็นคนจรจัดก็ถูกฆ่าตายในแบบเดียวกัน และตำรวจก็ไม่เคยจับฆาตกรได้เลยแม้แต่สักครั้งเดียว...
ก่อนหน้านี้ในปี 1985 คนจรจัดอย่างน้อย 12 รายได้ถูกฆ่าตายในบอมเบย์ โดยที่หัวของพวกเขาทุบด้วยก้อนหินในขณะที่พวกเขานอนหลับ เรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่สงสัยว่าฆาตกรรมที่บอมเบย์และกัลกัต ฆาตกรอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน นักวิจัยไม่สามารถสรุปตรวจสอบว่าทั้งหมดของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อทั้งที่กัลกัตและบอมเบย์ถูกฆ่าโดยคนคนเดียวกัน หรือถ้า Stoneman อาจจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจบางอย่าง ทำให้เกิดการฆาตกรรมเลียนแบบ
ผู้ต้องสงสัยหลายคนถูกจับกุมและสอบสวน แต่ไม่มีหลักฐานพอที่กล่าวหาว่าเป็นคนร้ายทุกคนถูกจับมาปรับแล้วก็ปล่อยตัวไป และมันก็ยังคงลอยนวลมาจนถึงทุกวันนี้...เรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ชื่อ 'The Stoneman Murders'
ภาพข้างล่างค่อนข้างน่ากลัว ใครใจอ่อนให้ผ่านไปนะค๊ะ
ที่มา: http://pantip.com/topic/32471092
Thailand Poisonings
...ปริศนายาพิษลึกลับในประเทศไทย…
หากยังจำกันได้ เหมือนไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ได้เกิดคดีปริศนาเกิดขึ้นในประเทศไทย ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมืองแห่งการท่องเที่ยว เมื่อปรากฏมีการพบศพตายต่อเนื่องอย่างมีเงื่อนงำปริศนารวมทั้งสิ้น 7 รายภายในห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง…
นักท่องเที่ยวต่างชาติ 5 รายและมัคคุเทศก์ชาวไทย 1 คนเสียชีวิตขณะที่คนอื่นๆ อีก 3 ราย ล้มป่วยอย่างปริศนาระหว่างพำนักอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ดินแดนท่องเที่ยวยอดนิยมระหว่างวันที่ 11 มกราคมถึง 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 รายงานข่าวระบุว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง โดยในนั้น 6 คนพักที่โรงแรมเดียวกัน ส่วนอีก 3 คนที่เหลือล้มป่วยระหว่างพัก ณ โรงแรมอื่นๆ 2 แห่ง ทว่ายิ่งกว่านั้นคือกรมควบคุมโรคติดต่อของกระทรวงสาธารณสุขระบุในถ้อยแถลงว่าในหมู่ผู้เสียชีวิตนั้นมีลักษณะทั่วไปเหมือนๆกัน พร้อมเน้นว่าผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยานานาชาติก็กำลังให้ความช่วยเหลือสืบสวนคดีนี้…
แม้มีความพยายามอย่างสุดความสามารถทั้งจากเจ้าหน้าที่ของไทยและพันธมิตรต่างชาติ แต่ก็ไม่พบคำอธิบายใดๆต่อสาเหตุของการเสียชีวิตในทุกๆคดี ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นประกอบด้วยวัยรุ่นสาวชาวนิวซีแลนด์ คู่สามีภรรยาสูงอายุชาวอังกฤษและมัคคุเทศก์ชาวไทยรายหนึ่งที่ล้มป่วยจนเสียชีวิต ณ โรงแรม…ในจังหวัดเชียงใหม่ ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนอีก 2 คนเป็นชาวอเมริกัน และฝรั่งเศส ขณะที่ชาวแคนาดารายหนึ่งและผู้หญิงนิวซีแลนด์อีก 2 คนก็ล้มป่วยอย่างประหลาดเช่นกัน…
ทฤษฎีหนึ่งคือมีการกล่าวโทษคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีกำจัดแมลงว่าเป็นต้นเหตุเสียชีวิตของผู้ป่วยบางราย แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสารคลอร์ไพริฟอสจะส่งกลิ่นเหม็นมาก ซึ่งผู้ป่วยยืนยันว่ไม่มีกลิ่นดังกล่าวในห้องพัก และพิษของมันไม่ถึงขั้นทำให้เสียชีวิตหากไม่รับประทานหรือสูดดมเข้าไปในปริมาณมหาศาล…ยิ่งกว่านั้นรายละเอียดของผลตรวจสอบทางการแพทย์และห้องปฏิบัติการก็ไม่สนับสนุนว่าคลอร์ไพริฟอสของสาเหตุของการตายของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น ถ้อยแถลงของกระทรวงสาธารณสุขระบุ พร้อมบอกว่านักพิษวิทยากำลังสืบสวนต่อไปว่าสาเคมีกำจัดแมลงอื่นๆ เกี่ยวข้องกับคดีลึกลับนี้หรือไม่…
จนเมื่อวันที่ 17 ส.ค.54 การสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างปริศนาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและไกด์ชาวไทย ในโรงแรมแห่งหนึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ได้ยุติลง โดยคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ประกอบด้วย ผู้แทนจากสำนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ 10 ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พนักงานสอบสวน ผู้แทนจากสำนักระบาดวิทยากระทรวงสาธารณสุข และตัวแทนจากองค์กรการอนามัยโลก ได้สรุปผลการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตหลังส่งตัวอย่างจากร่างกายของผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการในประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ว่าสาเหตุของการเสียชีวิตมาจากสารเคมีบางอย่างที่ไม่สามารถระบุชนิดได้ แต่ยืนยันไม่ใช่สารเคมีที่ใช้กำจัดแมลงตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย…
ทั้งนี้ผลการตรวจพิสูจน์ระบุว่า ผู้เสียชีวิตน่าจะรับสารเคมีบางชนิดเนื่องจากมีอาการที่รวดเร็ว เฉียบพลัน แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารเคมีชนิดใด และผู้เสียชีวิตรับสารเคมีดังกล่าวจากการรับประทานหรือการหายใจ ขณะที่สามี ภรรยาชาวอังกฤษที่เสียชีวิตพร้อมกันในห้องนอน คาดว่าจะเสียชีวิตจากทางเดินหลอดเลือดหัวใจ สำหรับการสอบสวนหาสาเหตุของการเสียชีวิตครั้งนี้ถือเป็นอันยุติ ซึ่งจะไม่มีการตรวจพิสูจน์ใดๆอีกหลังจากนี้ไป…
บทสรุปมันก็ยังค้างคาใจสำหรับญาติผู้เสียชีวิต รวมทั้งหลายๆคนที่ให้ความสนใจในคดีปริศนานี้เรื่อยมา จนเกิดกระแสการโจมตีการท่องเที่ยวในประเทศไทย และยังมีการตั้งเวปไซด์เพื่อเตือนถึงอันตรายในการท่องเที่ยวในประเทศไทยขึ้นอีกด้วย…ท้ายที่สุดบางคนได้กล่าวถึงทฤษฐีแปลกประหลาดว่ามันน่าจะมาจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ หรือความลี้ลับจากภูติผีปิศาจก็เป็นได้…ปัจจุบันโรงแรมแห่งนี้ก็ยังคงเปิดดำเนินการเรื่อยมา แถมยังได้ถูกยกให้เป็น 1 ในโรงแรมอาถรรพ์ระดับโลกควรจะภูมิใจไหมนี่….และยังรอการท้าทายความเชื่อจากเหล่าบรรดาผู้เชื่อในเรื่องความลี้ลับตลอดไป…
Mister X
ปริศนานักโทษลึกลับแห่งอิสราเอล มิสเตอร์เอ็กซ์…
มิสเตอร์เอ็กซ์ หรือ บางคนเรียกว่า “ชายในหน้ากากเหล็ก” เขาคือชายปริศนาที่ไม่เคยมีใครรู้จักตัวตน และเขาได้ถูกคุมขังแยกเดี่ยวอยู่ในคุกลับของอิสราเอลในปี 2010 เป็นต้นมา…
เรื่องราวเกี่ยวกับมิสเตอร์เอ็กซ์ได้ถูกเปิดเผยขึ้นในปี 2010 เมื่อปรากฏว่ามีการจับตัวชายคนหนึ่งมาขังเดี่ยวไว้ในคุกลับของอิสราเอล โดยมีข้อห้ามแม้กระทั่งผู้คุมยังไม่มีสิทธิ์เห็นหน้ารวมทั้งรู้จักชื่อของเขา ห้ามมีใครสื่อสารติดต่อกับเขาตลอดการถูกคุมขังในคุกลับก็ไม่มีใครติดต่อมาหาเขาเลย เสมือนว่าเขาคือบุคคลไร้ตัวตนที่ถูกขังลืมไปตลอดกาลจากรัฐบาลอิสราเอล…
เหล่าผู้คุมยังสงสัยในตัวมิสเตอร์เอ็กซ์ว่าเขากระทำความผิดร้ายแรงอะไรมาถึงได้ถูกกระทำเช่นนั้น เพราะมันดูลึกลับเกินไปไม่เหมือนนักโทษคนอิ่นๆที่ถึงแม้จะทำความผิดร้ายแรงมาก็ยังได้รับการเปิดเผย แต่สำหรับมิสเตอร์เอ็กซ์ทุกอย่างดูเหมือนจะคงไว้ซึ่งความลับดำมืดไปซะหมด…
เคยมีนักข่าวถามถึงมิสเตอร์เอ็กซ์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็กลับได้รับการตอบรับมาว่าพวกเขาไม่มีอำนาจพอที่จะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับนายคนนี้ เพราะมันอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ…หลายคนจึงตั้งข้อสังเกตว่าเขาอาจจะเป็นสายลับระดับพระกาฬที่บังเอิญไปล่วงรู้อะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ซึ่งหากมันถูกเปิดเผยไป อาจจะทำให้อิสราเอลล่มสลายลงไปเลยทีเดียว…
จนกระทั่งเมือปีที่แล้ว 2013 ก็มีคนออกมาเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับมิสเตอร์เอ็กซ์ว่าเขาคืออดีตสายลับชาวออสเตรเลีย นามว่า Ben Zygier ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจารกรรมข้อมูลลับมากมายในตะวันออกกลาง รวมทั้งปฏิบัติการในอิหร่านและซีเรีย…และเขาก็ได้เสียชีวิตลงไปแล้วตั้งแต่ปี 2010 โดยการแขวนคอด้วยผ้าปูที่นอนของเขาเองภายในคุกลับแห่งนั้น…
ละเมื่อมีการพิสูจณ์หลักฐานกลับมีการพบว่า ภายในตัวของเขาเต็มไปด้วยสารพิษบางอย่างกระจายไปทั่วทั้งร่างกาย และหลายคนยังคงไม่ปักใจเชื่อในถ้อยแถลงการณ์เปิดเผยตัวมิสเตอร์เอ็กซ์ของอิสราเอลว่าไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังไม่ตาย หรือ ถ้านี่คือตัวจริงเขาคือใคร มาจากไหน และทำไมอิสราเอลถึงต้องกระทำการซ่อนตัวเขาไว้จนแน่นหนาลึกลับซับซ้อน และกว่า 3 ปีหลังจากเขาตายถึงได้มาเปิดเผย…
มิสเตอร์เอ็กซ์ก็ยังคงเป็นบุคคลปริศนาต่อไป พร้อมกับความลับดำมืดที่หายไปพร้อมกับการตายของเขาตลอดกาล…
ที่มา : http://www.ufo.in.th/2014/09/10_32.html
The Freeway Phantom
...ไอ้ผีนรกทางด่วน...
ในช่วงต้นปี 1970 นักฆ่าที่รู้จักกันในชื่อ "ไอ้ผีนรกทางด่วน" ได้คร่าชีวิตสาวแอฟริกัน-อเมริกันกว่า 6 รายในกรุงวอชิงตันดีซี เหยื่อรายแรกของมันชื่อ Carol Spinks อายุเพียง 13 ปี เธอได้ถูกลักพาตัวไปในขณะที่เดินกลับบ้าน จากการซื้อของในวันที่ 25 เมษายน 1971...
รูปบรรดาเด็กๆที่เป็นเหยื่อของมัน
ในตอนเย็นของวันที่ 25 เมษายน 1971 Carol Spinks ถูกพี่สาวขอให้เธอออกมาซื้อของที่ร้าน 7-Eleven ซึ่งตั้งอยู่ครึ่งไมล์ห่างออกไปจากบ้านของเธอเพียงแค่ข้ามพรมแดนในรัฐแมรี่แลนด์ ระหว่างเดินทางกลับบ้านเธอถูกลักพาตัวไป ร่างของเธอถูกพบในอีก 6 วันต่อมาที่บริเวณเขื่อนหญ้าที่อยู่ติดกับทางเหนือของถนน I-295, ประมาณ 1,500 ฟุตทางตอนใต้ของ Suitland Parkway
และในเดือนถัดมา วันที่ 8 กรกฎาคม 1971 Darlenia Johnson ที่อายุได้เพียง 16 ปี ก็ถูกลักพาตัวไปในขณะที่เธอกำลังจะเดินทางไปงานฤดูร้อนที่ศูนย์นันทนาการ 11 วันต่อมาร่างของเธอถูกค้นพบเพียง 15 ฟุตห่างจากจุดที่พบเหยื่อคนแรก...
27 กรกฏาคม 1971 Brenda Crockett อายุ 10 ขวบเธอหลงทางกลับบ้านหลังจากที่เธอถูกใช้ให้ออกมาซื้อของโดยแม่ของเธอ 3 ชั่วโมงหลังจากเธอหายไป โทรศัพท์ก็ดังที่บ้านและน้องสาวของเธออายุ 7 ขวบก็รับสาย ในขณะที่ครอบครัวของเธอกำลังออกค้นหาเธอในบ้านใกล้เรือนเคียง เธอมีน้ำเสียงที่ดูวิตกและกำลังร้องไห้
"คนขาวมารับฉันและเขากำลังจะมุ่งหน้ากลับไปส่งฉันที่บ้านโดยรถแท็กซี่" เบรนด้าบอกน้องสาวของเธอ และก่อนที่จะวางสายเธอก็บอกว่าเธอกำลังอยู่ในเวอร์จิเนีย ก่อนที่จะพูดว่า "ลาก่อน" และสายหลุดไป
หลังจากนั้นไม่นานโทรศัพท์ดังอีกครั้งและพ่อของเธอเป็นคนรับสาย เธอพยายามที่จะพูดเหมือนครั้งแรก แต่ยังไม่ทันได้สื่อสารชัดเจนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักเดินเข้ามาหาเธอในด้านหลัง เธอบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่า "เขาเห็นฉันแล้ว" และสายก็หลุดไป ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็พบศพของเธอในสถานที่ที่เห็นได้ชัดเจนใน Baltimore-Washington Parkway ในเขต Prince George's County, Maryland เธอถูกข่มขืนและรัดคอด้วยผ้าพันคอที่ถูกผูกปมรอบคอของเธอ..
Nenomoshia Yates อายุ 12 ขวบกำลังเดินกลับบ้านจากร้านเซฟเวย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกรุงวอชิงตันดีซีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1971 เมื่อเธอถูกลักพาตัวไปข่มขืนและรัดคอ ร่างของเธอถูกพบภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการลักพาตัวในบริเวณเดียวกับที่พบศพของเหยื่อรายก่อนหน้านี้ จากคดีนี้ทำให้เกิดการขนานขนามเจ้าฆาตกรรายนี้ว่า "ไอ้ผีนรกทางด่วน" ขึ้นมาทันที
หลังจากที่ทานอาหารค่ำกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายในวันที่ 15 พฤศจิกายนปี 1971 Brenda Woodward อายุ 18 ปี ก็นั่งรถบัสกลับไปที่บ้านแถว Maryland Avenue ประมาณหกชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพของเธอถูกแทงและรัดคอในสนามหญ้าใกล้กับทางลาดเข้าเส้นทาง 202 จาก Baltimore–Washington Parkway เสื้อโค้ทของเธอถูกถลกอยู่เหนือหน้าอกของเธอ และในกระเป๋าของเธอปรากฏมีกระดาษโน๊ตที่เขียนเชื่อมโยงถึงเจ้าฆาตกร....
"นี่จะเป็นการประกาศศักดาที่ข้าทำกับพวกผู้หญิงเหล่านั้น"
"จับข้าให้ได้สิ แล้วจะข้ายอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา"
"ไอ้ผีนรกทางด่วน"
แน่ะมีการเขียนท้าทายตำรวจซะด้วย...แหม
ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าบันทึกที่เขียนบนกระดาษ ถูกตัดออกมาจากสมุดโรงเรียนของเหยื่อ ซึ่งเจ้าฆาตรกรได้บอกให้เหยื่อเป็นผู้ลงมือเขียนเอง
เหยื่อรายสุดท้ายของเจ้าฆาตกรทางด่วนเกิดขึ้นเกือบหนึ่งปีต่อมา เมื่อวันที่ 5 กันยายน 1972 Diane Williams อายุ 17 ปีได้ทำอาหารค่ำสำหรับครอบครัวของเธอ และก็กำลังจะไปเยี่ยมบ้านแฟนของเธอ ครั้งสุดท้ายที่เห็นเธอมีชีวิต คือหลังจากที่เธอขึ้นรถบัส หลังจากนั้นไม่นานร่างที่ถูกฆ่ารัดคอของเธอถูกค้นพบทิ้งอยู่ข้างทางด่วนเส้นทาง I-295 ถัดไปทางใต้ของอำเภอ
ในที่สุดคดีก็ยังคงเป็นปริศนา และ "ไอ้ผีนรกทางด่วน" ก็ยังคงลอยนวลมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มา : http://nop-lucifer.blogspot.jp/2014/08/10-1.html