คุณพ่อ คือ บุคคลที่ลูกจำวัตรปฏิบัติได้เป็นอย่างดี
... ตั้งแต่จำความได้ คุณพ่อจะทำกิจวัตรประจำวันอย่างสม่ำเสมอ ตื่นตี 4 เพื่อออกกำลังกาย ตี 5 อาบน้ำแต่งตัว กินอาหาร ออกไปทำงาน ราว 17 น. ถึงบ้าน ออกกำลังกาย เสร็จแล้วอาบน้ำ กินอาหารเย็น ราว 21 น. สวดมนต์ เสร็จแล้วเข้านอน
… คุณพ่อเป็นผู้ที่ชอบทำอะไรด้วยตนเองเสมอ ไม่ชอบการร้องขอให้ใครช่วยเหลือเลย แม้จะเป็นลูกก็ตาม
.... ซื่อตรง รักษาคำพูด ตรงต่อเวลา ไม่เอาเปรียบใคร คุณพ่อเป็นเช่นนี้ตลอดชีวิตของลูกที่รู้จักคุณพ่อ
... ทุกวันหยุดมักจะเป็นเยี่ยมคุณย่า และช่วง 25 - 30 ปี หลัง ทุกวันเสาร์คุณพ่อจะไปวัด และกลับวันอาทิตย์
... คุณพ่อเตรียมของแจกงานศพของตัวเองไว้ล่วงหน้าราว 7 -8 ปี และก่อนเสียชีวิต 3 เดือนครึ่ง คุณพ่อจัดการแบ่งทรัพย์สินให้ลูกทุกคนเรียบร้อย
... ในวันสุดท้ายของชีวิตคุณพ่อก็ยังทำอะไรได้ตามปกติ เพียงแต่จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าวันอื่นๆ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ทุกคนสังเกตว่า คุณพ่อสวดมนต์ทั้งวันไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน
นี่คือ 2 ภาพสุดท้าย ที่ลูกถ่ายรูปไว้ก่อนคุณพ่อเสียชีวิต 10 วัน (ถ่ายรูปเมื่อ 6 เม.ย 55 เวลา 15:41:32 น.)
ปกติคุณพ่อจะกินสลัดผักเป็นอาหารเย็นทุกวัน โดยคุณพ่อจะเป็นคนทำสลัดผักด้วยตัวเองทุกครั้ง และจะต้องใช้จานกระเบื้องใบเดิมที่ใช้อยู่ทุกวัน หากใครมี พ่อ-แม่-ปู่-ย่า-ตา-ยาย ในครอบครัวคงพอจะเข้าใจว่าผู้ใหญ่วัย 87 ปี ที่มักจัดการธุระของตัวเองได้ทุกเรื่อง ไม่เคยรอการช่วยเหลือจากใครแม้แต่ลูก ชอบทำอะไรทันทีและทำด้วยตนเองนั้น เราคงไม่สามารถไปเปลี่ยนวัตรปฏิบัติของท่านได้ แม้ว่าช่วงหลังคุณพ่อจะกระดูกทรุด ลำตัวโน้มไปข้างหน้าจึงต้องใช้ไม้เท้าพยุงตัวเวลาเดิน มิฉะนั้นมักเดินเซหรือล้ม แต่คุณพ่อก็ยังเดินไปในครัวเพื่อทำสลัดผักกินเองทุกวัน
ช่วงเดือน มี.ค.55 คุณแม่บอกลูกว่า คุณพ่อดูเหมือนจะไม่ค่อยมีแรง เพราะปกติเวลาเดินไปทำสลัดผักที่ครัว คุณพ่อก็จะถือไม้เท้ามือหนึ่ง อีกมือถือจานกระเบื้อง แต่ช่วงหลังดูเหมือนจะถือจานโดยใช้มือเดียวไม่ไหว ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้างถือจาน ซึ่งสัญญาณลักษณะนี้ ด้วยวัย 87 ปี ลูกก็ทราบว่า เทียนชีวิตของคุณพ่อหดสั้นลงทุกวันๆ
ต้นเดือน เม.ย.55 ลูกซื้อจานเมลามีนมาให้คุณพ่อใช้แทนจานกระเบื้อง เพราะมีน้ำหนักเบากว่า คุณพ่อสามารถถือจานโดยใช้มือข้างเดียว และมืออีกข้างถือไม้เท้าพยุงตัวได้ โดยคุณพ่อก็จะเดินไปในครัวเพื่อล้างผัก และหั่นผักทำสลัดผักทุกๆ วันในช่วงเย็นดังที่เคยทำมา
14 เม.ย.55 วันสุดท้ายที่พวกเราเห็นคุณพ่อเดินในบ้าน กินข้าวด้วยตัวเอง ทำกิจวัตรต่างๆ ด้วยตัวเอง แม้จะทำด้วยกำลังกายที่ไม่เหมือนเดิม แต่พลังใจ ความมุ่งมั่น ยังเท่าเดิม
อาจจะดูแปลกสำหรับคนภายนอกที่ไม่มีคนในบ้านสักคนจะมีแก่ใจทำสลัดผักแค่จานเดียวให้คุณพ่อกิน แต่คุณพ่อต้องเดินถือไม้เท้ากระย่องกระแย่งมาทำเองทุกวัน ทั้งที่ในบ้านก็มีคนอยู่กันหลายคน ไม่ว่าจะคุณแม่ ลูก และแม่บ้าน แต่กรณีเช่นนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนในครอบครัวของเรา เพราะลูกๆ จะถูกหล่อหลอมมากับการเลี้ยงดูแบบ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เสมอ
สิ่งใดที่บุคคลนั้นๆ สามารถทำได้ ก็จะปล่อยให้ทำเองตามความต้องการ ให้ใช้ศักยภาพในตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะการทำแทนไปเสียทุกอย่างอาจจะเป็นการบั่นทอนศักยภาพของคนที่เรารัก เพราะเราคิดเอาเองว่าสิ่งที่ทำแทนนั้น เป็นการกระทำเพราะความรักก็เป็นได้ ทั้งที่จริงเราอาจคิดแทน ทำแทน โดยที่เขาไม่ต้องการ
สำหรับคุณพ่อนั้น จะมีความสุขในการที่ได้ทำอะไรด้วยตนเองเสมอ ไม่ว่าจะไปธุระ ไปโรงพยาบาล ไปซื้อของ การดูแลบริเวณบ้าน ตัดหญ้า ตัดต้นไม้ ฯ การที่คุณพ่อได้ทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองนั้น เป็นความสุข เป็นความภาคภูมิใจในศักยภาพของตนเอง ว่าสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ โดยไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน
ความรัก … ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการช่วยเหลือทุกอย่าง หรือด้วยการทำแทน หรือด้วยการคิดแทนเสมอไป
ความรัก ... ควรแสดงออกอย่างเหมาะสม เอื้ออาทรห่วงใยกันเสมอ วางเฉยในบางเรื่อง แต่มิใช่เพิกเฉยขาดความเอาใจใส่ ไม่ลดคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ไม่บั่นทอนศักยภาพของคนที่เรารัก