แม้ว่าตำรวจจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว พร้อมกับเปิดเผยข้อมูลบางด้านที่สรุปว่ามีหลักฐานมัดตัวผู้ต้องหาแรงงานต่างด้าวอย่างแน่นหนา โดยเฉพาะผลการตรวจดีเอ็นเอ และคำรับสารภาพของ 2 ผู้ต้องหา แต่ยังมีข้อสงสัยที่มีการวิจารณ์กันให้แซดในโลกโซเชียล มีเดีย พร้อมกับคำถามคาใจของใครหลายๆ คนว่า “ผู้ต้องหามีแค่นี้จริงหรือ?” “อสุจิในถุงยางเป็นของใคร?” และอื่นๆ อีกหลายข้อสงสัยที่กำลังเกิดขึ้น
โดยเฉพาะเพจ CSI LA ที่มีการติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด มีคนเข้าไปชมและแสดงความคิดเห็นและแชร์ข้อมูลต่างๆ ผ่านทางแฟนเพจดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ทั้งวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการรวบรวมข้อสงสัยต่างๆ ที่หลายๆ คนค้างคาใจ รวมทั้งเป็นช่องทางให้ผู้ที่ผู้สนใจ และเชี่ยวชาญด้านต่างๆ นำข้อมูลคดี และการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของคดีมาแชร์ และเผยแพร่ ทำให้เพจดังกล่าวเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก
1. ล่าสุด เพจ CSI LA ได้ตั้งข้อสังเกตในเรื่องอาวุธที่ใช้ในการฆ่านายเดวิด มิลเลอร์ ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายอาจถูกทำร้ายด้วยของมีคมอื่นที่ไม่ใช่จอบ โดยเพจดังกล่าวได้อธิบายว่า “จากการสังเกตภาพจากเดวิด ผมสันนิษฐานว่าคนร้ายที่ทำร้ายเดวิด น่าจะใช้มีดชก (Mini Pal Push Knife) ไม่ใช่จอบ คนร้ายน่าจะถนัดมือซ้าย เพราะบาดเเผลอยู่ทางด้านขวาของเดวิดทั้งหมด คนร้ายน่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธตัวนี้ด้วย เดวิด อาจจะหมดสติจากการเสียเลือด และพิษบาดเเผล เเต่คนร้ายนำร่างของเขาไปกดน้ำให้เขาหมดอากาศหายใจ” รวมทั้งบาดแผลที่แขน และขาของนักท่องเที่ยวชาวสกอตแลนด์ที่มีลักษณะเดียวกับบาดแผลที่พบบนตัวของเดวิด
2. รวมทั้งกรณีโทรศัพท์มือถือที่ เพจ CSI LA ที่มีกลุ่มคนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็น ผ่านเพจดังกล่าว ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยระบุว่า โทรศัพท์ของฮันนาห์ไม่ได้ถูกขโมย แต่เพื่อนของฮันนาห์เป็นคนนำมามอบให้แก่ตำรวจเอง ทำไมตำรวจถึงไปตรวจพบโทรศัพท์ถูกทำลายทิ้งไว้ในป่าหลังห้องพักของผู้ต้องหา ซึ่งข้อสงสัยดังกล่าวทางตำรวจก็ได้ออกมาเปิดเผยแล้วว่า เป็นโทรศัพท์คนละเครื่อง เครื่องที่พบนั้นเป็นของนายเดวิด
3. นอกจากนั้น คนในโลกโซเชียล ยังมีความสงสัยกรณีดีเอ็นเอที่พบ ตำรวจระบุว่า ดีเอ็นเอของ 2 ผู้ต้องหา ตรงกับดีเอ็นที่พบในร่างผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีการพูดถึงดีเอ็นเอที่พบในถุงยางบริเวณที่เกิดเหตุ ทั้งที่น่าจะมีคนร้ายอีกรายที่ใช้ถุงยางอนามัยในการข่มขืนฮันนาห์ เพราะด้านนอกถุงยางมีดีเอ็นเอของฮันนาห์ ติดอยู่ แล้วดีเอ็นเอในถุงยางเป็นของใคร นี้ก็เป็นอีกข้อสงสัยที่มีการแชร์ข้อมูลผ่านทางเพจ CSI LA
"ถ้า David มีอะไรกับ Hannah ทำไมไม่มี DNA ของ David ในตัว Hannah ? และในขณะที่ระบุว่ามี DNA ผู้ต้องหาในตัวผู้ตาย แล้วใครที่เป็นคนใช้ถุงยาง?" นี่คือคำถามที่แอดมินของแฟนเพจ CSI LA ตั้งไว้ ทำให้ประเด็นเรื่องถุงยางอนามัยเป็นอีกเรื่องที่ชาวโซเชียลฯ นำไปวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลาย พร้อมกับตั้งคำถามว่า "ผู้ต้องหามีแค่นี้จริงหรือ?"
4. ส่วนเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิดก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่บรรดานักสืบโซเชียล โดยเฉพาะ “CSI LA” ที่ออกมาเปิดเผยภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดของร้านที่จับภาพผู้ต้องสงสัยไว้ได้ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับร้านอาหารร้านอื่นที่อยู่ในละแวกเกิดเหตุจะพบว่า เวลาคลาดเคลื่อนช้าไป 1 ชม. โดยมีการสันนิษฐานว่า จะมีการปรับเปลี่ยนเวลาหรือไม่
5. ขณะที่มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียออนไลน์อีกหลายคนที่ร่วมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผ่านทางเพจ “CSI LA” เช่น The Hoe and a finger prints? ที่แสดงความคิดเห็น ว่า ทำไมไม่มีใครพูดถึงเรื่องรอยนิ้วมือในที่นี้เลยครับ? เเล้วทำไมจอบที่เป็นวัตถุพยานสำคัญจึงถูกย้าย และเหมือนมีการทำความสะอาดก่อนไปวางไว้ที่เเปลงผัก ผมยังไม่คิดว่าผู้ต้องหาที่ก่อเหตุข่มขืนเป็นคนเดียวกันกับผู้ลงมือฆ่าด้วยการใช้จอบ คดีนี้ตำรวจนำชี้ที่เกิดเหตุให้ผู้ต้องหาดูตลกจัง ปกติต้องให้ผู้ต้องหานำชี้เอง ประกอบที่รับสารภาพไว้แล้วทำแผนประกอบ ตำรวจจะชี้นำไม่ได้เลย
6. เช่นเดียวกับข้อสังเกตเรื่องกางเกงผู้ต้องหา ที่เพจ “CSI LA” ตั้งข้อสังเกตไว้ ว่า “ผู้ต้องหาชาวพม่าสวมกางเกงสีเข้ม ในขณะที่ผู้ต้องหาอีกคนสวมกางเกงขาสั้นสีอ่อน กางเกงของผู้ต้องหาไม่ใช่เป็นของเดวิด เพราะกางเกงของเดวิด ยังมีเข็มขัดอยู่ รวมทั้งใครเป็นคนถอดเสื้อผ้าของเดวิด
7. ส่วนเรื่องที่คนในโลกโซเซียล ยังข้องใจคือ ผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานต่างด้าวทั้ง 2 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ทำไมหลังก่อเหตุถึงไม่หนีไปอยู่ที่อื่น รวมทั้งการตรวจดีเอ็นเอ ที่ผ่านมามีการตรวจดีเอ็นเอแรงงานต่างด้าวที่บาร์ต่างๆ ในพื้นที่เกิดเหตุ ทำไม 2 คนนี้ยังไม่ได้ตรวจ และเพิ่งมาตรวจหลังจากที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย และผลตรวจออกมาตรงกับดีเอ็นเอที่พบในตัวผู้ตาย ทั้ง 2 คน
8. เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อการทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่แทบไม่มีปฏิกิริยาจากชาวเกาะเต่า แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมาระบุว่าต้องจัดกำลังคุ้มกันเป็นพิเศษเพราะผู้ต้องหาอาจโดนรุมประชาทัณฑ์ เพราะคดีดังกล่าวเป็นเหตุสะเทือนขวัญคนไทยและกระทบต่อภาพลักษณ์ของชาวเกาะเต่า แต่วันดังกล่าวกลับไม่มีปฏิกิริยาจากชาวเกาะเต่าและนักท่องเที่ยว มีเพียงการยืนมองดูห่างๆ ซึ่งผิดวิสัยของคนไทยยิ่งนัก
ไหว้เพื่อ?