ฮือฮา! นักดาราศาสตร์ชี้ มนุษย์จะได้เจอ'มนุษย์ต่างดาว' ภายในปี 2031

ฮือฮา! นักดาราศาสตร์ชี้ มนุษย์จะได้เจอ'มนุษย์ต่างดาว' ภายในปี 2031   อังเดร ฟิงเคิลสไตน์ นักดาราศาสตร์ชื่อดังซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลรัสเซียออกมายืนยันด้วยตัวเองเมื่อวันจันทร์ (27)ว่า ในจักรวาลยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆอยู่ พร้อมระบุว่า มนุษยชาติจะได้เผชิญหน้ากับผู้มาเยือนจากนอกโลกอย่างแน่นอนภายในระยะเวลา 20 ปีนับจากนี้... 


 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.โดยอ้างข้อมูลจากนักดาราศาสตร์ชั้นนำของรัสเซียที่ระบุว่า มนุษยชาติจะได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวอย่างแน่นอนภายในปี ค.ศ. 2031 หรืออีก 20 ปีนับจากนี้ 

รายงานข่าวระบุว่า อังเดร ฟิงเคิลสไตน์ นักดาราศาสตร์ชื่อดังซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลรัสเซียออกมายืนยันด้วยตัวเองเมื่อวันจันทร์ (27)ว่า ในจักรวาลยังมีสิ่งมีชีวิต อื่นๆอยู่ รูปแบบของชีวิตไม่ได้มีแต่บนโลกของเราเท่านั้น พร้อมระบุว่า มนุษยชาติจะได้เผชิญหน้ากับผู้มาเยือนจากนอกโลกอย่างแน่นอนภายในระยะเวลา 20 ปีนับจากนี้ 

ฟิงเคิลสไตน์เปิดเผยเรื่องดังกล่าวระหว่างที่เขาเดินทางไปกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมนานาชาติว่าด้วย "การค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก" ซึ่งจัดขึ้นที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเขาได้ย้ำกับที่ประชุมว่า นอกจากโลกของเราแล้ว ในจักรวาลยังมีดาวอีกหลายดวงที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต และมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ "มนุษย์ต่างดาว " จะมีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์คือมี 2 แขน, 2 ขา และ 1 ศีรษะ 

การเปิดเผยล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของรัสเซียรายนี้เป็นการตอกย้ำกระแสความเชื่อเรื่องสิ่งมีชีวิตนอกโลกให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้วารสารทางวิชาการ "The Journal of Cosmology" ฉบับเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาได้ตีพิมพ์บทความที่อ้างว่ามีการค้นพบซากไมโครฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตนอกโลกปะปนมากับอุกกาบาตที่ตกลงสู่พื้นโลกมาแล้วเช่นกัน. 

เหลือไว้ให้ชาวโลก 

วันนี้มาดูอะไรที่มันโบราณๆบ้างดีกว่า (ก็เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวอยู่ดี) เริ่มต้นจากโดกุ คือชื่อเรียกตุ๊กตาประหลาด ที่มีการค้นพบในญี่ปุ่น คาดว่าสร้างในสมัยโชมอนตอนปลาย ดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไร แต่.. ดูดีๆแล้วมันก็เหมือนไม่ใช่มนุษย์ปกติเนาะครับ 

ในปี 1894 นพ.ซึโกโร่ ชึโบอิ เป็นคนแรกที่ได้เสนอความคิดที่ว่ามันอาจจะเป็นมนุษย์ต่างดาวครับ แล้วก็มี นักโบราณคดีชาวญี่ปุ่นอีก 2- 3 ท่านเห็นตามไปด้วย ถึงกับให้ทางอเมริกันตรวจสอบ ซึ่งหากมันเป็นชุดมนุษย์อวกาศแบบนึงก็แสดงว่ามีความเข้ากันได้ไม่น้อยทีเดียว มีตํานานเล่าว่า เทพเจ้าฮิโตโคโตนูชิ เป็นเทพที่มาเยือนมนุษย์เพื่อสอนให้มนุษย์รู้จักวิทยาการต่างๆ 
ตํานานกล่าวอีกว่าเทพฮิโตโคโตนูชิเป็นเทพสวมชุดโชมอน อยู่ในชุดแต่งกายของชุดมนุษย์โบราณและถืออาวุธที่ไม่มีอยู่บนโลกใบนี้ และมีหมวกเหล็กสวมบนศีรษะ 

ถูกพบในบริเวณ คาเมกาโอกะ อาโอโมริ และ มิยากิ แถบ โตโฮกุและคันโต 

 

แม้แต่ในแถบอเมริกากลางเองก็มีเรื่องเล่า แบบนี้มากครับ เช่น ยานพาหนะของเทพเจ้าเม็กซิกัน 

 

นี่คือสิ่งที่จารึกติดฝนังวิหารแห่งนึงที่อียิปต์ มันคือของๆคนโบราณจริงหรือครับ 

 

อันนี้ก็พบที่โคลัมเบีย อเมริกาใต้ มีอายุมากกว่า 1000 ปี มีลักษณะเหมือนเครื่องบินเจ็ทปีกเป็นรูปสามเหลี่ยมของยุคปัจจุบัน มีที่นั่งนักบินอยู่ตรงส่วนหัวและมีหางเหมือนเครื่องบิน วัตถุเหล่านี้ถูกเรียกว่า oopart แต่ผมมันเรียกว่า โอภาส ครับจําง่ายดี 

 

เชื่อว่าเป็นของชาวอินคาครับ ลองเอามาเปรียบเทียบกับเครื่องบินเรายุคปัจจุบันดูสิ 

 

ที่ออสเตรเลียก็มีภาพวาดโบราณพวกนี้เหมือนกัน ถ้ำคิมเบอร์ลี่ มีรูปคือวอร์จิน่า เป็นรูปวาดของชนเผ่าที่เก่าแก่กว่าชาวอะบอริจินส์มาก เขาบอกว่านี่คือพระเจ้าของพวกเขา ลงมาจากฟากฟ้ามาสอนให้พวกเขารู้จักวิทยาการต่างๆ 

 

 

 

ภาพที่ทะเลทรายซาฮ่าร่า อายุ 8000 ปี 

 

ภาพนี้ที่เปรู คนโบราณคงวาดไว้เล่นๆ 

 

คนสมัยก่อนคงไม่มีงานทํา ว่างจัด วาดเล่นไปเรื่อย 

 

อายุ 6000 ปี 
ขุดเจอที่เคียฟ 

 

เอามาเทียบกับปัจจุบัน 

 

แผนที่โบราณถูกค้นพบในพระราชวังของคอนสแตนติโนเบิล เมืองหลวงโบราณแห่งดินแดนตุรกี ถูกทําขึ้นในปี 1513มันบอกเส้นรุ้งเส้นแวงหมด ทวีปต่างๆบนโลกก็เขียนไว้อย่างคร่าวๆแต่ถูกต้อง แถมบอกว่ามันลอกมาอีกทีนึงจากแผนที่ที่เก่ากว่านี้อีก โคลัมบัสยังไม่เจออเมริกาแท้ๆตอนนั้น แถมวิธีสร้างภาพแผนที่ ก็ราวกับมองลงมาจากท้องฟ้ายังไงยังงั้น คนวาดทํายังกับว่าตนขึ้นยานอวกาศขึ้นไปวาดยังงั้นแหละครับ สมัยนั้นยังไม่ค้นพบทวีปแอนตาร์กติก้าเลย ดันมีในแผนที่ด้วย ( แอนตาร์กติก้าค้นพบราวๆ ปี 1800 กว่าๆนี่ครับ) 


 

ไหผี (อย่าผวน) อายุ 3000 ปี ขุดเจอที่แบกแดด 
ทำจากดินเหนียวปั้นหรือดินเผา ด้านบนของไหถูกปิดด้วยวัสดุประเภทน้ำมันดิน มีแท่งเหล็กสอดอยู่ด้านในซึ่งหุ้มด้วยวัสดุประเภทแผ่น-ทองแดงอีกต่อนึง 
ลักษณะของมันคล้ายแบตเตอร์รี่มากกว่าไหธรรมดาๆ 

 

มีชาวอเมริกันได้นำแบบของไหแบตเตอร์รี่มาศึกษา เขาพบว่า แบตเตอร์รี่นี้ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมีประเภทน้ำกรดเสมอไปในการให้กำเนิด-พลังงานไฟฟ้า เขาทดลองเอาน้ำองุ่นใส่เข้าไปในไห และพบว่า มันให้กระแสไฟฟ้าออกมาประมาณ 2 โวลต์ 

3000 ปีก่อนก็มีไฟฟ้าใช้แล้วครับ พี่น้อง 

 

ผม(Terran)เริ่มศึกษาจากหนังสือเล่มเนี้ยแหละครับ 
เขาแปลมาจากหนังสือของอีริค วอน ดานิเก้น อีกที 

 

อันนี้วาดที่ญี่ปุ่น ปี 1803 

 

ขุดพบที่อินคาครับ 

 

ที่วิหารแห่งนึงใกล้ๆไคโร อียิปต์ครับ อายุ 3000 ปี 

 

ในสมัยของพระเจ้าฟาโรห์ธุสโมซิทที่ 3 ได้มีการพบเห็นสิ่งที่คล้ายกับ UFO โดยถูกบันทึกลงในกระดาษปาปิรัส เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเมื่อ 3500 ปีก่อน ครับ 

" ในปีที่ 22 ในเดือน 3 ของฤดูหนาว ในชั่วโมงที่ 6 ของวันบรรดาพระในราชสำนักได้พบเห็นวงล้อไฟผ่านมาทางท้องฟ้า มันไม่มีหัว ลำตัวกว้างและยาว 1 ไม้วัด ( 5 เมตร ) ปากของมันระบายกลิ่นออกมา มันไม่ส่งเสียง และแล้วพระทั้งหลายก็มีจิตใจตื่นตระหนกและงงงวย ต่างพากันนอนเอาท้องราบกับพื้น แล้วรายงานให้ฟาโรห์ทราบ ... หลังจากผ่านไปหลายวันก็ได้เห็นสิ่งเหล่านี้มีขนาดใหญ่ขึ้นในท้องฟ้ามากกว่าที่ผ่านมา มันส่องแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์ และขยายไปจนถึงขอบเขตทั้ง 4 ด้านของสวรรค์ วงไฟเหล่านี้ครอบครองอยู่เต็มฟ้า เมื่อไพร่พลของฟาโรห์แหงนมองดูมันทันใดนั้น วงไฟก็ลอยสูงขึ้นไปในท้องฟ้าทางทิศใต้ ปลาและสัตว์ปีกหรือนกต่างก็ร่วงลงมาจากฟ้า เป็นสิ่งประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับแต่การก่อตั้งอาณาจักร ฟาโรห์ได้บัญชาให้บันทึกเรื่องทั้งหมดไว้ในบันทึกเหตุการณ์ประจำปีของราชสำนักเพื่อว่ามันจะได้เป็นที่จดจำไปตลอดกาล " เริ่มตาลายยังพกก่อนก็ได้....อิอิ

(ในภาพนี้ก็ดาวเทียมสปุตนิก 1 เวอร์ชั่นอียิปต์ครับ 55++6677อิอิ) 

 

วิทยาการปัจจุบัน ถ้าจะสร้างปิรามิด คงไม่ยากนัก แต่ในสมัยโบราณ การสร้างปิรามิดไม่น่าง่ายนักนะครับ เพราะต้องใช้อุปกรณ์ต่างๆ มากมาย สรรพคนมากมาย ทั้งๆที่หินที่ใช้นํามาสร้าง บริเวณนั้นก็ไม่มี อยู่ห่างไกลออกไป คนอียิปต์สมัยนั้น ต่อให้เกณฑ์มาทั้งประเทศ กว่าจะสร้างเสร็จ คงใช้เวลา 30 ปี แล้วต้องตัดเด็กกับผู้หญิงอีกล่ะ ที่เราดูในสารคดีฝรั่งว่า เขาใช้ทาสมา สร้าง บางทีอาจจะเป็นมุมมองที่ชาวตะวันตกมองความป่าเถื่อนของคนล้าหลัง เลยมองในรูปแบบนั้น 

ถ้ามันสร้างยากขนาดนั้นจริงๆ โอเค อาจจะใช้คนสร้าง แต่มันไม่ได้มีอันเดียวนี่ครับ ใช่ครับ.. ทั่วอียิปต์มีปิรามิดเป็นร้อยๆแห่ง ที่พังไปตามกาลเวลาอีกนับร้อย ที่ยังขุดไม่พบอีกล่ะ 

มันสร้างกันยากแล้วไหงมันเกลื่อนซะขนาดนั้นล่ะครับเนี่ย ?? 

 

ปิรามิดที่กิซ่านี่ นักโบราณคดีเขาว่าไปๆมาๆ มันอาจจะสร้างมาก่อนยุคสมัยของพระเจ้าคูฟู-คีออปก็ได้นะครับ เพราะจากประมาณเวลาน่าจะไม่น้อยกว่า 7000 -8000 ปี (บางแห่งก็ว่าหมื่นปี) 

ผม(Terran)เคยคุยกับชาวอียิปต์ว่า บรรพบุรุษคุณสร้างปิรามิดได้ยังไง เขาตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน ปู่ของปู่ของปู่ เห็นมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว ย้อนขึ้นไปก็ไม่มีหลักฐานการสร้างหรือสมัยเวลาเลย (เพราะปู่บอกว่า ปู่ของปู่เห็นมาตั้งแต่สมัย ปู่ของปู่ของปู่ ฯลฯ ..ชักงง - -" ) 

ทุกวันนี้นักโบราณคดีตะวันตกก็ได้แต่สันนิษฐานไปต่างๆนาๆ 
คล้ายกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง 

 

ดังนั้นเราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทําไมคนอียิปต์รุ่นหลังถึงไม่ทราบที่มา หรือเรื่องราวในสมัยโบราณ เพราะ ก็คงเหมือนกับประวัติศาสตร์ในหลายๆประเทศทั่วโลก ที่เจออิทธิพลของสงคราม และการสู้รบ เกิดการเผา ทําลาย เอกสารโบราณ วัตถุโบราณ ไปมากมาย 

นักโบราณคดีจึง ต้องทําหน้าที่ไขให้มันกระจ่าง 
โดยความยุติธรรม ไม่มีความเชื่อของตัวเองแฝงไป 
ระหว่างขุดค้น 

ไม่งั้นก็คงได้แต่คาดเดาไปต่างๆแหละครับ 

 

ผม(Terran)เคยไปพิพิธภัณฑ์เหรียญแถวๆรัฐสภา 
ก็เดินดูภาพ ไปเรื่อยๆ มาเจออยู่ภาพนึง เป็นภาพรูปจานบินสีทองครับ 
คือเป็นรูปจานสองใบประกบกันน่ะครับ ดูยังไงก็จานบิน 
ก็เลยถามเจ้าหน้าที่ว่าภาพอะไร 
เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นภาพของที่คนไทยโบราณวาดไว้ 
สื่อถึงพระเจ้า 

ผมก็ว่าแปลกนะครับ อืม..เมืองไทยก็มี god from space 
เหมือนกันรึเนี่ย 

แล้วก็ แม่ผมเคยบอกผมว่า ถ้าสนใจลองไปผาแต้มดูซิ (อยู่ที่อุบลฯ) 
อาจจะพอเข้าเค้า 

ผมก็ไปครับ 


ปรากฏว่า ..มันก็ ถ้าจะคิดก็คิดได้อ่ะครับ - -" 

 

อ้าว.. ก็ดูดีๆซิครับ 

มันมีจานบินลอยอยู่ ใช่ป่ะครับ 

แล้วพวกหัวสามเหลี่ยมก็คือเอเลี่ยนที่ลงมาจากจานบิน 
ปล่อยกระแสไฟฟ้าด้วย 

ผมว่าอาจจะเป็นคนโบราณวาดไว้เพื่อแสดงถึงการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวในเมืองไทยก็ได้นะครับเนี่ย 
(ผมบอกใครเขาก็หาว่าลากไปโยง คิดเอง เออเอง) 

 

เรื่องของชาวมายันก็ค่อนข้างน่าสนใจครับ 
เคยอาศัยอยู่บริเวณอเมริกากลาง ประมาณซัก 3000 ปีก่อน 
จู่ๆก็หายไปดื้อๆซะงั้น 
แต่กลับทิ้งร่องรอยแปลกไว้มากมายเลย 

 

ชาวมายันเล่าว่า 
พระเจ้าของชาวมายัน 
มาจากท้องฟ้าด้วยพาหนะดังภาพ 
ก่อนจะกลับไป 

 

พบที่ตรุกี อายุ 2500 ปี 

 

 

 

มาดูอันนี้ดีกว่าครับใน ปี1945 ที่หมู่บ้านอคัมบาโรในเม็กซิโก วาดิแม จูดสลูด นักธุรกิจชาวเยอรมัน ขุดค้นพบรูปดินปั้นจำนวนมากซึ่งมีลักษณะคล้ายกับไดโนเสาร์ หลังจากนั้นในการขุดค้นก็พบตุ๊กตาจำนวนกว่า 32,000 ตัว 

ปี 1968 ชาร์ลส แฮปกู้ด ได้นำตัวอย่างการค้นพบ 3 ชิ้นส่งไปยังบริษัทไอโซทอปเพื่อตรวจอายุของวัตถุโดยการตรวจเรดิโอคาร์บอน ผลปรากฏว่าแต่ละชิ้นถูกสร้างขึ้นเมื่อ 1110 ปีก่อนคริสตกาล 1640 ปีก่อนคริสตกาลและ 4530 ปีก่อนคริสตกาล 

ในปีถัดมา มีการนำเทคนิคเทอร์โมลูมิเนสเซนส์ ซึ่งเพิ่งถูกคิดค้นโดยมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย มาใช้กับตุ๊กตาดังกล่าว ผลปรากฏว่าทั้ง 3 ชิ้นถูกสร้างขึ้นเมื่อ 2500 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งผลการตรวจนี้กลายมาเป็นเครื่องยืนยันว่าตุ๊กตาทั้งสามตัวเป็นของจริง 

คนสมัยโบราณนี่ก็เก่งนะครับ รู้จักไดโนเสาร์ด้วย 

 

 

มาถึงเส้นชัยแล้วววดีใจด้วยสำหลับท่านที่อ่านจบ..คงตาลายลายตาอ่ะดิ อิอิ...

ก็ขอให้ทุกท่านอ่านเพื่อความบันเทิงก็แล้วกันนะครับ อย่าไปจริงจังจนเกินไปคิดซะว่าอ่านพอเพลินก็แล้วกัน    

ขอบคุณสำหลับข้อมูล..

http://www.soccersuck.com

http://www.mythland.org

http://www.thairath.co.th/content/oversea/182631%29

โพสท์โดย: คนบ้านไกล

Credit: คนบ้านไกล
4 ต.ค. 57 เวลา 10:57 13,234 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...