รับขืนใจ-จอบทุบ รวบแล้ว 2พม่าฆ่า2ฝรั่ง รอดีเอ็นเอชี้ซ้ำ-สารภาพลงมือ
นั่งเล่นกีตาร์-เห็นเหยื่อจู๋จี๋กัน "สมยศ"บินรุดสอบ-แถลงเอง
จับแล้ว 2 พม่าฆ่า 2 ฝรั่งเกาะเต่า "ไอ้วิน-ไอ้ซอ" สารภาพร่วมลงมือโหด เผยเห็นเหยื่อกำลังร่วมรักริมหาด จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ คว้าจอบฟาดฝรั่งหนุ่มจนแน่นิ่ง ก่อนลงมือขืนใจแหม่มสาวแล้วใช้จอบตีซ้ำจนตาย ตร.เผยเพิ่งนำตัวมาสอบ ก่อนปล่อยแล้วพบพิรุธ ทั้งย้อมผมจากสีทองเป็นดำ รีบขึ้นเรือหนีเข้าฝั่ง แถมวงจรปิดยังจับภาพขณะไปซื้อบุหรี่ ยี่ห้อเดียวกับที่พบก้นทิ้งไว้ในจุดเกิดเหตุ จึงตามล็อกตัวทันควัน-เก็บดีเอ็นเอตรวจสอบ ด้าน "บิ๊กอ๊อด-สมยศ" บินด่วนเค้นสอบด้วยตัวเอง
จากคดีฆาตกรรมสยอง 2 หนุ่มสาวฝรั่งเมืองผู้ดี บนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนและตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยชุดแรก ทั้งแรงงานต่างด้าวและเพื่อนชาวฝรั่ง แต่ไม่พบเบาะแสเชื่อมโยง ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ยืนยันผลดีเอ็นเอพบคนร้ายเป็นคนเอเชียแน่นอน พร้อมมอบหมายให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.รอง ผบ.ตร.คุมคดีและลั่นไม่มีจับแพะแน่นอน ตามที่ข่าวสดเคยเสนอไปนั้น
ทูตอังกฤษจี้คดีฆ่า 2 ฝรั่ง
ความ คืบหน้า เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายมาร์ค เคนท์ เอก อัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศ ไทย เข้าพบพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ได้ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินงานของตำรวจและชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับกลุ่มผู้มี อิทธิพล รวมถึงผู้ต้องสงสัยกลุ่มต่างๆ โดยยืนยันว่าตำรวจเข้าไปสอบสวนและเก็บหลักฐานเป็นตัวอย่างดีเอ็นเอผู้ต้อง สงสัยทั้งหมดหลายร้อยคนแล้ว อีกทั้งส่งตัวอย่างดีเอ็นเอไปตรวจสอบที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้รอบคอบชัดเจน แต่ยังไม่พบหลักฐานเชื่อมโยงกับผู้เสียชีวิต จึงต้องตรวจสอบหลักฐานกล้องวงจรปิดและพยานแวดล้อมเพิ่มเติม แต่ต้องใช้เวลา
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า แม้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะจับกุมคนร้ายได้เมื่อใด แต่ตำรวจจะดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้หลักฐานอ่อนจนคดีหลุดในชั้นศาล ซึ่งเอกอัครราช ทูตเข้าใจและพอใจผลการดำเนินงานของตำรวจ รวมทั้งพร้อมให้การสนับสนุนด้านการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ กล้องวงจรปิดหรืออื่นๆ หากตำรวจไทยร้องขอ โดยเอกอัครราชทูตยืนยันว่าไม่ได้เข้ามาแทรกแซงการทำงานของตำรวจไทย ขณะเดียวกันได้เชิญเอกอัครราชทูตลงพื้นที่เกาะเต่า เพื่อดูการทำงานของทีมสืบสวนสอบสวนและจะออกคำสั่งให้พล.ต.ท. จักรทิพย์ เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีนี้ด้วย
ตร.ระดมถก-ล่าฆาตกร
ที่ ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจคลี่คลายคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ภาค 8 ส่วนหน้า (ศปก.ภ.8 สน.เกาะเต่า) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รรท.รองผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดคลี่คลายคดี เข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบช.น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนบช.ภ.8 และบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อประมวลพยานหลักฐานและติดตามความคืบหน้าของคดี โดยใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม.
จาก นั้นพล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า สำหรับกรณีตำรวจควบคุมแรงงานข้ามชาติไว้ 2 คนนั้น เป็นการนำตัวบุคคลที่อยากพูดคุยมาซักถาม เพื่อขอข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติปกติอย่างที่ดำเนินการทุกวันอยู่แล้ว หากมีความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกันแม้ตรวจสอบเบื้องต้นไปแล้วก็ต้องนำมาพูดคุย อย่าเพิ่งคิดว่าการนำคนมาสอบสวนแล้วจะใช่ผู้ต้องหา เพราะเจ้าหน้าที่ยังมีกระบวนการที่ต้องตรวจสอบ และสุดท้ายที่ต้องทำคือการตรวจหาดีเอ็นเอ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดกรอง
เร่งตรวจสอบปมโยงคดี
เมื่อ ถามว่าเบื้องต้นบุคคลที่ถูกควบคุมตัวมานั้น ยอมรับมีส่วนรู้เห็นก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า ขอให้การทำงานจบกระบวนการก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา โดยบุคคลที่ถูกควบคุมตัวมานั้น ไม่ใช่ 1 ใน 7 กลุ่มที่เจ้าหน้าที่กำลังติดตามอยู่ แต่ก็ยังติดตามกลุ่มบุคคลเหล่านั้นอยู่
เมื่อ ถามอีกว่าบุคคลทั้ง 2 ที่ถูกควบคุมตัวมานั้นอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยหรือไม่ พล.ต.ต. สุวัฒน์กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องตรวจสอบและซักถาม ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมชายย้อมสีผมเปลี่ยนเป็นสีดำนั้น ก็ยังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ยังคงเรียกบุคคลมาตรวจสอบดีเอ็นเอ ต่อเนื่อง โดยวันที่ 1 ต.ค.เรียกมาตรวจสอบเพิ่มประมาณ 10 กว่าคน
ต่อ ข้อถามว่ากลุ่มบุคคลที่เชิญตัวมาพูดคุยมีความสัมพันธ์กับกล้องวงจรปิด และที่เกิดเหตุอย่างไรบ้าง พล.ต.ต.สุวัฒน์กล่าวว่า กลุ่มบุคคลที่เรียกตัวมานั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับจุดเกิดเหตุอยู่บ้าง เพราะถ้าไม่มีความเกี่ยวข้องเราคงไม่เรียกตัวมาตรวจสอบ โดยบุคคลที่เชิญตัวมานั้นเป็นบุคคลในพื้นที่ ซึ่งต้องใช้เวลาบ้างกว่าที่จะยอมให้ความร่วมมือ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอบุคคลดังกล่าวแล้ว
ผบช.ภ.8 คุม-เค้นสอบ
ที่ บก.สส.ภ.8 พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผบช.ภ.8 พร้อมพล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผบก.สส.ภ.8 ร่วมกันสอบปากคำหนุ่มชาวพม่า ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี โดยควบคุมตัวได้บริเวณท่าเทียบเรือนอนเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี และยังควบคุมตัวได้อีก 2 คน บนเกาะเต่า ซึ่งทั้งหมดเป็นเพื่อนกันและเจ้าหน้าที่เคยคุมตัวมาสอบสวนแล้วเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า การสอบปากคำได้เชิญพล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตผบก.สส. ภ.8 เข้าร่วมสอบปากคำด้วย โดยใช้เวลาสอบปากคำนาน 5 ช.ม. จากนั้นพล.ต.ท.เดชาเดินออกจากห้องสอบสวนด้วยสีหน้าแจ่มใส และกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ขอให้รออีกนิด คดีกำลังจะจบแล้ว
เมื่อ ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการสอบสวนปากคำผู้ต้องสงสัยมีผลต่อคดีหรือไม่ ผบช.ภ.8 กล่าวว่า พอใจมาก ก่อนเดินทางกลับทันที โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
"จักรทิพย์"เผยสารภาพแล้ว 1
ต่อ มาพล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องหา 1 ใน 3 ยอมรับสารภาพแล้วว่า เป็นผู้ก่อเหตุฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจริง เมื่อตรวจสอบคำสารภาพของผู้ต้องหา สอดคล้องกับพยานหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันตำรวจได้เก็บดีเอ็นเอของ ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เพื่อตรวจสอบยืนยันกับผลดีเอ็นเอที่เก็บได้จากศพผู้เสียชีวิต
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง บินด่วนจากสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไปจ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่คุมตัวไว้
จาก นั้นเวลา 18.00 น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และกล่าวว่า บุคคล 2 รายที่ควบคุมไว้นั้น ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ซึ่งจะได้ข้อยุติอย่างเป็นทางการเร็วที่สุดในวันที่ 3 ต.ค. ซึ่งจากการสอบสวนพบพยานหลักฐานทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกัน ทำให้มีความมั่นใจ แต่ทั้งนี้ ต้องรอผลการตรวจสอบยืนยันอย่างชัดเจนอีกครั้ง
"บิ๊กอ๊อด"มั่นใจ-มีข่าวดีแน่
ต่อ มาเวลา 19.40 น. พล.ต.อ.สมยศ พร้อมพล.ต.ท.จักรทิพย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือที่สำนักงานผบช.ภ.8 นานเกือบ 1 ช.ม. จากนั้นทั้งหมดได้ขึ้นไปสอบสวน ผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติม
โดย พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ได้เชิญ 3 แรงงานข้ามชาติมาให้ข้อมูล ตอนนี้ยังไม่มีอะไร มีแค่บางคนที่อยากเชิญมาสอบถามหรือขอข้อมูล ซึ่งต้องประชุมกันก่อน แต่คิดว่าน่าจะมีข่าวดีในเร็ววันนี้ ในส่วนอื่นยังไม่มีอะไรที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ให้รอฟังข่าวดี ถ้าทำอะไรเร็วก็จะรีบทำ เพราะรู้ว่าเรื่องนี้สังคมให้ความสนใจ
"การ สอบปากคำวันนี้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและเชื่อว่าจะมีข่าวดี เบื้องต้นได้พูดคุยเรื่องทั่วไป ส่วนเรื่องเกี่ยวกับคดียังไม่ตอบก่อน เพราะจะทำให้เสียหายต่อการสืบสวนสอบสวน แต่มั่นใจครับ" พล.ต.อ.สมยศกล่าว
พบพิรุธชิ่งหนี-วงจรปิดมัด
รายงาน ข่าวแจ้งว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุเป็นชาวพม่า 3 คน ทราบชื่อนายวิน อาชีพคุมท้ายเรือ นายเมาและนายซอ ทำงานอยู่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในเกาะเต่า โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนติดตามจับกุมนายวินได้ที่ท่าเรือ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ส่วนนายเมาและนายซอติดตามตัวได้ในเกาะเต่า ก่อนคุมตัวสอบสวนในเซฟเฮาส์
ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยชาวพม่าทั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เชิญตัวมาสอบปากคำตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากทั้ง 3 คนชอบจับกลุ่มนั่งเล่นกีตาร์อยู่ริมชายหาดเป็นประจำ เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามเสร็จก็ได้ปล่อยตัวไปปกติ แต่จากนั้นนายวินมีพฤติกรรมเป็นพิรุธ โดยได้ย้อมผมจากสีทองเป็นสีดำและรีบขึ้นเรือออกจากเกาะเต่าในเวลา 21.00 น. ทันที ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมตัวชายชาวพม่า ทั้ง 3 คนมาสอบถามอีกครั้ง
นอก จากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้หลักฐานสำคัญเป็นภาพวงจรปิด ขณะนายวินเข้าไปซื้อบุหรี่ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งย่านหาดทรายรี ซึ่งเป็นบุหรี่ยี่ห้อเดียวกับที่พบก้นบุหรี่ตกอยู่ในจุดเกิดเหตุด้วย รวมถึงวงจรปิดใกล้จุดเกิดเหตุยังบันทึกภาพนายวิน ขณะเดินผ่านในช่วงเวลาเกิดเหตุได้อีก แต่สาเหตุที่ตำรวจไม่คุมตัวนายวินมาสอบสวนตั้งแต่แรก เนื่องจากนายวินมีอาชีพคุมท้ายเรือ และหลังเกิดเหตุได้ออกเดินเรือ ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ได้คุมตัวมาสอบสวนและเก็บดีเอ็นเอ กระทั่งล่าสุดได้เชิญมาสอบสวนและรับสารภาพ ส่วนนายซอและนายเมา หลังเกิดเหตุก็ยังทำงานอยู่ในสถานบันเทิงตามปกติ
"ไอ้วิน"รับสิ้น-นาทีฆ่าโหด
เบื้อง ต้นเจ้าหน้าที่ยังควบคุมตัวทั้ง 3 คน เพื่อสอบปากคำ โดยมีเพียงนายวินเท่านั้นที่รับสารภาพว่า เป็นคนลงมือในวันเกิดเหตุขณะนั่งเล่นกีตาร์อยู่ เพราะเห็นฝรั่งทั้ง 2 คนมีเพศสัมพันธ์กันบนขอนไม้บริเวณดังกล่าว จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ก่อนนำจอบที่พบบริเวณดังกล่าวเข้าไปกระหน่ำทุบตีและทำร้ายฝ่ายชายจนแน่นิ่ง ไป จากนั้นลงมือข่มขืนฝ่ายหญิงจนสำเร็จความใคร่ ก่อนลงมือใช้จอบทุบทำร้ายจนเสียชีวิตแล้วหลบหนี
จากการสอบ ปากคำนายวินยังให้การซัดทอดอีกว่า นายซอได้ร่วมก่อเหตุครั้งนี้ด้วย ส่วนนายเมาอาจมีส่วนรู้เห็น เจ้าหน้าที่จึงเร่งเก็บและนำดีเอ็นเอทั้ง 3 คน ส่งไปตรวจสอบเปรียบเทียบยืนยันอีกครั้ง ซึ่งจะทราบผลการตรวจสอบดีเอ็นเอในเวลา 12.00 น. วันที่ 3 ต.ค. นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พร้อมด้วย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา จะลงพื้นที่แถลงข่าวที่เกาะเต่า