เกาหลีใต้เป็นประเทศทื่มีอัตราการคอร์รัปชั่นต่ำที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากการสำรวจโดย Global Corruption Barometer อยู่ในอันดับที่ 6 ของประเทศที่ค่อนจัดการปัญหาดังกล่าวได้ดี ดูแล้วไม่น่าจะเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องฉ้อฉลกลโกง
แต่แล้วทำไมเล่นกีฬาทีไรเกาหลีใต้ต้องโกงแล้วโกงอีก โกงจนชาวโลกเอือมระอา
นั่นเป็นเพราะคนเกาหลีใต้ถูกปลูกฝังให้โกงในเรื่องกีฬาอย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่โกงก็ไม่สามารถเป็นเลิศได้ และเมื่อไม่ได้เป็นที่หนึ่ง คุณก็หมดโอกาสในชีวิตแล้ว
เรื่องนี้หนังสือพิมพ์โคเรียไทม์ส (Korea Times) เคยรายงานไว้ในรายงานเรื่อง "Korean sports fail to shake off culture of cheating" เมื่อปี 2555 คราวที่เกิดกรณีอื้อฉาวในวงการกีฬาไปทั่วประเทศว่า เยาวชนของชาติที่เป็นนักกีฬาถูกโคชและครูบาอาจารย์กำชับให้โกงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยบอกว่า "เรายังไม่โกง ก็เท่ากับยังไม่พยายามมากพอ"
ด้วยเหตุนี้นักกีฬาเกาหลีใต้จึงถูกปลูกฝังนิสัยเล่นไม่ซื่อมาตั้งแต่แรก ให้สนใจกับการเล็งผลเลิศเอาไว้ก่อน ส่วนน้ำใจนักกีฬาเอาไว้ทีหลัง หรืออาจจะไม่แยแสกันเลยทีเดียว
แล้วผลของการโกงมีอะไรบ้าง?
เขาเปรียบเทียบว่า วงการกีฬาก็เป็นขาหนึ่งของสังคมที่นั่น เหมือนกับงานภาคอุตสาหกรรมและบริการ และก็เช่นเดียวกับวงการการศึกษา ที่มีทั้งสายเรียนกับสายเล่น หรือสายบุ๋นสายบู๊
สายบุ๋นต้องมุมานะสอบเอนทรานซ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด เพราะมหาวิทยาลัยชั้นต้นๆ จะเป็นใบเบิกทางให้คุณมีเส้นสายรุ่นพี่ เส้นสายในการเข้าบริษัทใหญ่ๆ เมื่อเข้าได้แล้วก็จะสบายไปทั้งชาติ เพราะบริษัทจะเลี้ยงดูปูเสื่อไปตลอดชีวิต การแข่งขันในยุทธจักรนักบุ๋นจึงสูงมาก นักเรียนฆ่าตัวตายกันปีหนึ่งๆ ก็มากมาย เพราะทนแรงกดดันไม่ไหว
ส่วนสายบู๊ก็หนักหนาไม่แพ้กัน เพราะนักเรียนที่มีแววกีฬาจะต้องแย่งกันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่มีทีมเจ๋งๆ หรือไม่ก็สโมสรกีฬาชั้นเลิศ (โดยเฉพาะฟุตบอลกับเบสบอล) เพื่อที่จะมีอนาคตรุ่งเรืองเช่นเดียวกับสายบุ๋น ทำให้ทั้งโคชท้ังโรงเรียนเคี่ยวเข็ญนักกีฬาทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กเป็นที่หนึ่งให้ได้ แต่บางครั้งเด็กเข็นไม่ขึ้น การล้มผลการแข่งขันจึงเกิดขึ้นทั่วไป แม้แต่กีฬาในระดับประถมศึกษา
ทำให้นักกีฬาขงอประเทศนี้มีแต่จิตใจที่มุ่งเอาชนะไม่มีนำใจนักกีฬา เป็นแค่หุ่นกระหายเหรียญ แม้แต่คนเกาหลีเองก็เออออห่อหมกโดยเฉพาะการแข่งระดับนานาชาติ และโดยเฉพาะหากต้องมาพบกับคู่แข่งที่ใหญ่กว่า เพราะเกาหลีถูกข่มขี่มานานนับร้อยปีทั้งจากญี่ปุ่น จากจีน และชาติตะวันตก
ทัศนะมุ่งจะเอาชนะอย่างเดียวนี่เอง ที่ทำให้พวกเขาพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นที่หนึ่ง แม้จะถูกหาว่าก็อปเขามา โกงเขามา ขอให้เป็นที่หนึ่งเท่านั้น ก็ตายตาหลับแล้ว
นี่มิใช่การกล่าวหา มิไม่ได้สรุปเอาเอง แต่เป็นสื่อเกาหลีสรุปให้!
บรรยายภาพประกอบ : ภาพหญิงชาวเปียงยางต้องสวมหมวกไม้ไผ่สานปกปิดหน้าตาก่อนออกจากบ้าน ถ่ายราวปี 1905