เชื่อกันว่าทุกๆที่นั้นต้องมีตำนาน เรื่องเล่าสยองขวัญแน่ๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยก็เป็นที่รวมคน รวมนักศึกษาหลายหมื่นคน ทั้งยังมีประวัติอันยาวนานบางมหาวิทยาลัยก็สร้างมากว่า 100 กว่าปีแล้ว จึงไม่เเปลกที่จะมีเรื่องผีๆ ขนหัวลุกมาเล่าให้กันฟัง
ที่นี่ไม่ได้มีตำนานเล่าขานเพียงแค่เรื่องเดียวแต่มีถึง 3 เรื่อง เรื่องแรกคือที่หอพักหญิงตรงลานเกือกม้าที่มีคนเคยนอนแล้วจู่ๆเจอผู้หญิงไต่เตียงขึ้นไปหา และกระโดดทับตัว พยายามบีบคอจนต้องท่องมโนหลายจบกว่าจะหายไปทำให้ห้องนั้นไม่มีใครกล้ามานอน เรื่องที่สองเกิดที่ตึกวิศวกรรมศาสตร์ ชั้น 8 ทีลือมาว่ามีอาจารย์เสียชีวิตอยู่ที่นั่น ลิฟต์ของที่นี่มักเกิดอาการแปลกๆคือเปิด-ปิดในทันที พร้อมกับขึ้นไปที่ชั้น 8 โดยที่ยังไม่มีใครกด เรื่องสุดท้ายเกิดที่ห้องเซรามิก คณะศิลปกรรมศาสตร์ ที่มักจะมีคนเห็นผู้หญิงแต่งชุดไทยใส่ชฎารำอยู่ข้างในห้องตอนดึกๆเสมอ
ที่หอชายเก่า ก่อนที่หอแห่งนี้จะสร้างเสร็จนั้นมีคนงานตกลงไปชั้นล่างใต้ลิฟต์แต่ปีนขึ้นมาไม่ได้เพราะความเมา จึงถูดลิฟต์ทับ เมื่อหอสร้างเสร็จแล้ว ด้วยความที่เป็นหอเปิดคนจึงเข้า-ออกได้ตลอดเวลา วันนึงตอนตี 2 มีนักศึกษากลับมาแล้วขึ้นลิฟต์ตามปกติแต่สักพักลิฟต์ก็หยุด พร้อมกับไฟดับและมีเสียงกรีดร้องออกมาจากข้างนอก เมื่อประตูเปิดออกฝุ่นก็ตลบ ทันใดนั้นก็มีเสียงของชายคนนึงตะโกนขึ้นว่า “อย่ายืนทับที่” หลังจากเหตุการณ์นี้จึงต้องมีการทำบุญหอทุกปี
8. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
มีหอแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนที่ของโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เก่า วันดีคืนดีจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวน และห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคน ส่วนที่หอใน ชั้น 2 เคยมีนักศึกษาเสียชีวิตเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดูตอนปิดซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนเพิ่งจะพบศพ แต่หลังจากนั้นก็มีคนเห็นว่านักศึกษาคนนี้ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย
7. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ในบริเวณนั้นมักมีคนได้กลิ่นหอมของดอกไม้โบราณ นอกจากนั้นยังได้ยินเสียงกระพรวนที่เท้าเด็กดัง เหมือนเล่นอยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆ หันไปหันมาจะเจอเด็กผมจุกนั่งอยู่บนต้นไม้ หรือที่ตึกคณะนิเทศศาสตร์ ดึกๆ จะมีคนเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวเดินไปเดินมา อาจเพราะบริเวณนี้ของ มหาวิทยาลัย เป็นรั้ววังตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
บริเวณป่ารกข้างหอ 9 เป็นจุดที่คนส่วนใหญ่เลี่ยงที่จะผ่านบริเวณนี้ เพราะเคยมีผู้หญิงถูกข่มขืนจนตายบริเวณนี้ หลังจากนั้นบางคืนถ้ามีใครขับรถผ่านมา รถก็จะกระตุกและก็หยุดไปเลย เหมือนกับมีใครมาดึงรถไว้ไม่ให้ไป เมื่อหันกลับไปดูเท่านั้นแหละ จะเห็นผู้หญิงหน้าขาวๆ ซีดๆ ดึงรถไว้อยู่
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่คณะแพทย์ ที่เล่ากันว่ามีนักศึกษาแพทย์คนนึงทำงานเสร็จดึกๆ และกำลังจะกลับห้องระหว่างที่ลงลิฟต์ก็พบพยาบาลคนหนึ่งที่มาพร้อมกับกลิ่นแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไร เมื่อเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน พยาบาลก็ถามว่ามาทำอะไร นักศึกษาก็ตอบไปว่ามาศึกษาเรื่องการผ่าตัดภายใน ทันใดนั้นที่คอของเธอก็มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ประตูลิฟต์ก็ไม่ยอมเปิด เธอจึงสอนเค้าเรื่องตับ ไต ไส้ พุง แบบให้เห็นกันจะๆไปเลย พอตอนเช้า มีคนเห็นชายคนนี้นอนอยู่ที่ประตูลิฟต์ ปากก็พูดแต่คำว่า “พยาบาลชุดแดง พยาบาลชุดแดง ” ซ้ำๆจนเสียสติในที่สุด
ทางเดินสุดหลอนที่ว่านี้มีประวัติอยู่ว่า สมัยก่อนมีคู่สามีภรรยานักการฯ ของ คณะสถาปัตย์ ทะเลาะกัน ฝ่ายภรรยาควักปืนยิงสามีจนเสียชีวิต และมีเลือดสาดไปทั่วทั้งทางเดิน ต่อมาทางคณะมีการปรับปรุงพื้นบริเวณนี้ แต่แปลกที่เฉพาะทางเดินนี้เท่านั้นที่ปูนไม่ยอมแห้งสักที ทางคณะจึงต้องปูไม้กระดานทับไว้อย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ และที่ห้องซ้อมดนตรีไทย คณะครุศาสตร์ เวลาที่มีคนแอบเข้าไปนอนหลับในห้องซ้อมดนตรีไทย จะรู้สึกเหมือนมีใครมาดึงขา ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปเดินมา และได้กลิ่นธูป ซึ่งเป็นฝีมือของเจ้าที่ที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามานอนในห้องที่ใช้ซ้อมดนตรี ซึ่งเหตุการณ์นี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักศึกษาปี 1
3. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
เรื่องเล่าเกี่ยวกับศาลเจ้า ที่ติดอยู่บนผนังห้องน้ำหญิงตึกวิศวะฯ จะมีดอกไม้ธูปเทียนและน้ำแดงอยู่ด้วยเสมอ เป็นเรื่องของนักศึกษาสาว สถาปัตยฯ อกหักจากหนุ่มวิศวะฯ จึงไปผูกคอตายที่ ห้องน้ำ จึงได้สร้างศาลเอาไว้ที่ห้องน้ำนั้น อีกเรื่อง เขาเล่ากันมาว่าตอนที่จะสร้างตึกเรือนไทย ได้มีการขุด ดินก่อนจะเริ่มตอกเสาเข็ม แต่พอขุดไปสักพักกลับเจอโครงกระดูกเต็มไปหมด แต่ไม่มีส่วนหัว พอสืบไปสืบมา ปรากฏว่าส่วนหัวถูกนำไปฝังไว้ตรงคณะวิทยาศาสตร์ จากที่เล่ามาคือเจ้าคุณทหารฯเป็นคนโหดเหี้ยม ฆ่าตัดหัวโจรแขกเพื่อจะได้ไม่ได้ไปเกิด
เรื่องลิฟท์แดงที่โด่งดังเกิดขึ้นจากตอนเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่นักศึกษาพากันหลบหนีเข้ามาในลิฟต์ พอลิฟต์ตัวนี้เปิดออกทหารก็กระหน่ำยิงจนทุกคนเสียชีวิต ต่อมาทางมหาลัยจึงได้บูรณะทำความสะอาดพื้นที่ แต่มีเพียงลิฟต์ตัวนั้นที่ล้างยังไงคราบเลือดก็ไม่ออกจึงได้ทาสีลิฟต์เป็นสีแดง เรื่องเล่าของลิฟต์ตัวนี้ยังไม่หมดเพราะเคยมีนักศึกษาหญิงขึ้นลิฟต์มาตามลำพัง แต่เมื่อมองไปที่กระจกกลับมีคนอีกเยอะที่อยู่ในลิฟต์กับเธอ!!
หลังจากที่มียามถูกแทงตายเพราะทะเลาะกัน บริเวณหน้าคณะวิทยาศาสตร์ ก็มีการจับภาพวิญญาณไว้ได้ในกล้องวงจรปิดของคณะอยู่บ่อยครั้ง โดยที่ยามคนนี้ยังแวะไปเยี่ยมเยียนนิสิตบางส่วนที่ชอบอยู่ดึกๆ ในตึกอีกด้วย อีกเรื่องเล่ารุ่นต่อรุ่นว่า ในวันบวงสรวงรับน้องใหม่ในปีหนึ่งมีน้องที่คณะ พยาบาล เป็นลมเพราะเห็น กองทัพพระนเรศวร เดินทัพลอยมาจากบนฟ้า!!
ที่มา: http://www.toptenthailand.com/