อีกแค่วันเดียวก็จะถึงเทศกาลกินเจกันแล้ว ซึ่งปีนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. ไปจนถึงวันที่ 2 ต.ค. การกินเจ ตามหลักทั่วไปแล้วจะกินเป็นระยะเวลา 9 วัน 9 คืน หลายคนอาจจะเคยกินเจมาแล้ว และยังมีอีกหลายคนเพิ่งเริ่มกินเจในปีนี้ “ไทยรัฐออนไลน์” จึงนำ 10 ข้อที่คุณควรรู้ ก่อนเริ่มกินอาหารเจมาบอกเพื่อนำไปปฎิบัติกัน…

1. เทศกาลกินเจ ก็คือประเพณีถือศีลกินผัก ซึ่งเป็นประเพณีเก่าของชาวจีน ซึ่งประเทศไทยมีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่จำนวนไม่น้อย ปัจจุบันจึงคนไทยเชื้อสายจีนก็ยังยึดถือประเพณีกินเจเช่นกัน

2. ปีนี้พิเศษกว่าปีอื่นๆ มีเทศกาลกินเจ 2 ครั้ง ในรอบ 132 ปี เพราะว่านับแบบจีนจะมีเดือน 9 สองครั้ง เริ่มต้นรอบแรก วันที่ 24 ก.ย. – 2 ต.ค.57 และ รอบที่สอง วันที่ 24 ต.ค. – 1 พ.ย. 57

3.อาหารเจกับ อาหารมังสวิรัติ คือการปรุงอาหารโดยปราศจากเนื้อสัตว์ แต่ไม่เหมือนกันซะทีเดียวตรงที่มังสวิรัติสามารถนำผักทุกชนิดมาประกอบอาหารได้ แต่อาหารเจ ต้องงดเว้นผักฉุน 5 ประเภท ได้แก่ กระเทียม, หัวหอม , หลักเกียว (คล้ายหัวกระเทียม แต่เล็กกว่า), กุ้ยช่าย .ใบยาสูบ เพราะมีความเชื่อกันว่าผักดังกล่าว เป็นผักที่มีรสหนัก กลิ่นแรง นอกจากนี้ยังมีพิษทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ

4.การกินเจนอกจากจะช่วยให้อวัยวะภายในทำงานน้อยลง ยังทำให้อวัยวะได้หยุดพัก สุขภาพกายโดยรวมจะดีขึ้น และช่วยให้มีสมาธิ พลังใจที่เข้มแข็ง ซึ่งการดูแลร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆ กัน ก็จะนำไปสู่การมีสุขภาพที่ดี

5.การล้างท้องก่อนกินเจ คือ เป็นการกินเจแต่กินก่อนวันจริงสักวันหรือสองวัน โดยส่วนมากจะกินเจล้างท้องก่อน 1 วัน ถือเป็นการกินเจให้ครบ 10 วัน

6.เทศกาลกินเจ เป็นช่วงเวลาของการปฏิบัติตามศีล 3 ข้อใหญ่ คือ เจที่ปาก(ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่พูดคำหยาบ) เจที่กาย(ไม่ประพฤติชั่ว) และเจที่ใจ (ไม่คิดชั่ว)

7.แต่งกายด้วยชุดขาว หลายคนอาจจะสงสัยว่าข้อนี้จำเป็นหรือไม่ บอกเลยว่าต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ถ้าใส่ได้ก็จะดีกับตัวเอง เพราะร่างกายสะอาดด้วยการกินเจแล้วภายนอกเครื่องแต่งกายก็ต้องสะอาดอีกด้วย

8. กินอาหารที่คนกินเจด้วยกันปรุงเท่านั้น ข้อนี้ถ้าปฎิบัติได้จริงก็จะเป็นผลดีมาก ถือว่าบริสุทธิ์จริงๆ แต่ในปัจจุบันมีการยกเว้นเพราะยุ่งยากที่จะต้องหาร้าน แต่ถ้าใครเคร่งครัดจริงๆต้องทำให้ได้

9. ยึดหลัก 4 ล. คือ 1.ล้าง (ล้างวัตถุดิบที่นำมาปรุงประกอบอาหารเจ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ ให้สะอาด)2.ลด (ลดอาหารที่มีรถหวานจัด เค็มจัด) 3.เลี่ยง (เลี่ยงอาหารเจที่มีแป้งมาก และเลี่ยงอาหารประเภทผัด ทอด เพราะมีไขมันสูง ทำให้น้ำหนักเกินและอ้วนได้) 4.เลือก (เลือกอาหารที่มีถั่วหรือผลิตภัณฑ์จากถั่ว เช่น น้ำเต้าหู้ ฟองเต้าหู้ โปรตีนเกษตร)

10.เมื่อถึงเทศกาลกินเจควรเคลียร์ตู้เย็น เพราะเราอาจจะเผลอไปหยิบผิดหยิบถูกเอาของไม่ใช่อาหารเจมากิน จัดระเบียบ แยกเป็นสัดส่วน อาหารเจอยู่บน ส่วนที่ไม่ใช่อาหารเจอาจจะนำมาไว้ข้างล่าง

ที่มา : ไทยรัฐ