iOS 8 เปิดตัวแล้ว! มาพร้อมระบบการแจ้งเตือนแบบใหม่ คีย์บอร์ดใหม่ แต่งภาพได้ง่ายขึ้น และฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกเพียบ!
ที่น่าสนใจมากทีเดียว โดย iOS 8 นั้น แม้จะยังคงมี อินเทอร์เฟส คล้ายๆ iOS 7 ไม่เปลี่ยนแปลงทั้งหมด แต่ก็ถือว่า สะดวกในด้านการใช้งานมากขึ้นกว่าเดิมมาก มาดูกันครับว่า iOS 8 มีอะไรใหม่ มีอะไรน่าสนใจบ้าง กับบทความสรุป ฟีเจอร์เด่นบน iOS 8 โดยทีมงาน techmoblog ครับ
iOS 8 มีอะไรใหม่
สำหรับแอพพลิเคชั่นหลักๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มเติมเข้ามา บน iOS 8 ได้แก่ Photos, Messages, Design, QuickType, Family Sharing, iCloud Drive, Health, Continuity, Spotlight, Developer และ Enterprise มาดูกันครับว่า แต่ละส่วน มีจุดเด่นด้านการใช้งานอย่างไร
Photos
สำหรับ Photos หรือแหล่งรวมภาพถ่าย ภาพทุกภาพที่ถูกถ่าย ไม่ว่าเราจะถ่ายภาพด้วย iPhone หรือ iPad จะถูกบันทึกบนทุกอุปกรณ์ที่เรามี ผ่านทาง iCloud Photo Library นั่นเอง นอกจากนี้ ยังสามารถค้นหาภาพที่ต้องการได้อีกด้วย
นอกจากนี้ Photos ยังมีเครื่องมือการแก้ไขภาพถ่ายแบบใหม่ ต่อให้ภาพที่ถ่ายออกมาไม่สวย แสงมืด หรือตำแหน่งของภาพไม่ถูกใจ สามารถนำมาปรับแต่งได้ใหม่ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบการปรับความสว่าง และ contrast แบบที่ไม่ต้องพึ่งแอพฯ แต่งภาพอื่นๆ อีกเลย รวมไปถึงการใส่ฟิลเตอร์ ก็มีให้เลือกมากมายกว่าเดิมครับ
Messages
Messages หรือระบบ iMessage แบบเดิมๆ นั่นเองครับ โดยได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ สามารถอัดเสียงแล้วส่งเป็นคลิปเสียงได้แล้ว ส่วนผู้รับ ถ้าต้องการฟังเสียง ก็สามารถยก iPhone ขึ้นฟังได้เลย ซึ่งนอกจากคลิปเสียง Messages ยังสามารถส่งคลิปวีดีโอได้อีกด้วย เรียกได้ว่า เปลี่ยนจากการส่งข้อความแบบธรรมดาๆ ให้มีความหลากหลายมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ Messages ยังสามารถคุยแบบเป็นกลุ่มได้ด้วยเช่นกัน สามารถเพิ่มเพื่อน หรือลบเพื่อนที่ไม่ต้องการออกจากกรุ๊ป นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งไม่ให้แจ้งเตือนตลอดเวลาได้ ด้วยการเปิดฟังก์ชัน Do Not Disturb และสามารถเข้ามาอ่านเมื่อมีเวลาครับ
ปิดท้ายด้วยการแชร์ Location แทนที่จะพิมพ์ว่าอยู่ที่ไหน กดแชร์ Location ให้เพื่อนได้รับรู้กันไปเลย เรียกได้ว่า ฟีเจอร์นี้ เริ่มทัดเทียมคู่แข่งอย่าง LINE บ้างแล้ว
Design
ความน่าสนใจของ iOS 8 นั้น ก็คือเรื่องของการออกแบบอินเทอร์เฟส นั่นเองครับ แม้ว่าอินเทอร์เฟสของ iOS 8 นั้น จะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบ minor change แต่ก็ถือว่า สะดวกต่อการใช้งานมากกว่าเดิม มีอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่า
อย่างแรกก็คือ เรื่องของการแจ้งเตือน หรือ Notification ครับ ปกติแล้ว เวลามีข้อความแจ้งเตือนเข้ามา ผู้ใช้สามารถคลิกแล้วเข้าสู่แอพฯ นั้นได้ทันที แต่บน iOS 8 เราสามารถตอบกลับจากหน้าจอเด้งนั้นได้เลย ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนทัก Messages มา แค่ลากลงเพื่อเปิดกล่องข้อความ พิมพ์ แล้วส่ง โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเข้าตัวแอพฯ เลยนั่นเอง นอกจากข้อความธรรมดาๆ แล้ว การแจ้งเตือนปฏิทินนัดหมาย, อีเมล รวมไปถึง Facebook ก็สามารถตอบได้เลยทันที รวดเร็วทันใจครับ
ปกติแล้ว การกดปุ่ม Home 2 ครั้ง จะเป็นการเข้าสู่เมนู Multitasking แต่บน iOS 8 นี้ Multitasking ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวอีกต่อไปครับ เพราะได้มีการเพิ่ม รายชื่อผู้ติดต่อ ทั้งแบบ Favourite และผู้ติดต่อล่าสุด เพิ่มเข้ามา ซึ่งสามารถกดโทร, ส่งข้อความ หรือเริ่มใช้ FaceTime ได้เลยจากที่นี่
ในส่วนของอีเมล ได้มีการเพิ่มลูกเล่นเข้ามาใหม่ ปัดไปด้านขวา สำหรับตั้งเป็น ข้อความที่อ่านแล้ว (Mark as Read) หรือการปัดไปทางซ้าย ได้เพิ่มส่วนของ Flag หรือการปักธงอีเมลที่สำคัญๆ (บน iOS 7 มีแค่ปุ่ม More กับ Trash)
Safari บน iPad เปลี่ยนแปลงใหม่ครับ เพิ่ม Tab view และ Sidebar แบบใหม่ ที่ผู้ใช้สามารถทำการ bookmarks, เพิ่ม Reading List และแชร์ลิงก์ได้ง่ายๆ สะดวกกว่าเดิม
QuickType
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ คีย์บอร์ด บน iOS 8 ครับ โดยทุกๆ ครั้งที่พิมพ์ จะมีการเดา คำศัพท์ หรือประโยคถัดไป ให้เลือกใช้ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องพิมพ์ทุกคำให้เสียเวลา นอกจากนี้ iOS 8 ยังฉลาดขึ้น ด้วยการคาดเดาได้ว่า เรากำลังสื่อสารเรื่องอะไรอยู่ ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนพิมพ์ Messages ถามมาว่า Do you want to go for dinner or a movie? เราไม่จำเป็นต้องพิมพ์ Dinner หรือ Movie ครับ ด้านล่าง จะมีคำขึ้นมาให้เลือกได้เลย
และที่สำคัญ ฟีเจอร์เดาคำ นี้ รองรับภาษาไทยด้วย แบบนี้ต้องลองเล่นดูนะครับว่า รองรับภาษาไทยได้สมบูรณ์หรือไม่
ส่วนใครที่เบื่อคีย์บอร์ด Apple แบบเดิมๆ ตอนนี้ iOS 8 เปิดรับคีย์บอร์ดของนักพัฒนาแล้ว เรียกได้ว่า ชอบใช้คีย์บอร์ดแบบไหน ก็เลือกได้ตามใจครับ
Family Sharing
เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา หลายๆ ท่านคงเคยได้ยินข่าว ผู้ปกครองฟ้องร้อง แอปเปิล ให้ทำการคืนเงินจากการซื้อแอพฯ เนื่องจากบุตรหลานของตนเอง เผลอไปกดซื้อแบบไม่ตั้งใจ และไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง ทำให้ iOS 8 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ที่มีชื่อว่า Family Sharing ที่สามารถแอด บุคคลในครอบครัวได้สูงสุด 6 คนด้วยกัน ข้อดีก็คือ ทุกๆ ครั้งที่มีการซื้อแอพฯ บน App Store จะมีการแจ้งเตือนไปยัง ผู้ปกครอง ก่อน ทำให้หมดปัญหาเรื่อง บุตรหลานเผลอไปกดซื้อแอพฯ ได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ ยังสามารถแชร์รูป, ตารางนัดหมายต่างๆ รวมไปถึง แชร์ Location ได้อีกด้วย
iCloud Drive
iCloud Drive หรือ Dropbox เวอร์ชัน iOS 8 ได้รับการปรับปรุงใหม่ จากเดิมที่รองรับเฉพาะไฟล์เอกสาร ตอนนี้ รองรับไฟล์ได้ทุกประเภทครับ ทั้ง Presentation, Spreadsheet, PDF, รูปภาพ, เพลง หรือวีดีโอ ซึ่งสามารถเข้าถึงด้วยอุปกรณ์ใดก็ได้ ทั้ง iPhone, iPad, iPod touch, Mac รวมไปถึง Windows PC
โดยการแก้ไขไฟล์ต่างๆ จะเป็นแบบ เรียลไทม์ ครับ สมมติว่า เปิดไฟล์เอกสารบน Mac และทำการแก้ไขอยู่ ส่วนอีกคน เปิดไฟล์เดียวกัน บนiPhone ก็จะเห็นว่า ไฟล์กำลังถูกแก้ไขเช่นกัน เรียกได้ว่า สะดวกมากทีเดียว
Health
แม้ว่าในงาน จะยังไม่มีการเปิดตัว iWatch นาฬิกาอัจฉริยะ แต่ทางแอปเปิล ก็เริ่มเน้นเรื่องสุขภาพมากขึ้นแล้ว กับแอพพลิเคชั่นที่มีชื่อว่า Health ที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านร่างกายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น อัตราการเต้นของหัวใจ, การเผาผลาญแคลอรี่, ระดับน้ำตาลในเลือด, คอเรสเตอรอล และอื่นๆ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นด้านสุขภาพต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา ที่มีชื่อว่า HealthKit ในการพัฒนาแอพฯ เพื่อสุขภาพ สำหรับใช้งานบน iOS 8 ด้วย ซึ่งในอนาคต น่าจะมีแอพฯ เพื่อสุขภาพให้ดาวน์โหลดกันบน App Store มากมายทีเดียว
Spotlight ฉลาดขึ้นกว่าเดิม
Spotlight เวอร์ชันเดิมๆ เน้นค้นหาเฉพาะแอพพลิเคชั่น หรืออีเมล เท่านั้น แต่สำหรับ Spotlight บน iOS 8 สามารถค้นหาได้หลากหลายมากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น Wikipedia, ค้นหาข่าวสาร, สถานที่ใกล้เคียง, iTunes Store, App Store, iBooks Store, แนะนำเว็บไซต์ที่น่าสนใจ รวมไปถึง ตารางภาพยนตร์ที่เข้าฉาย
iOS 8 รองรับการเชื่อมต่อระหว่าง iPhone, iPad และ Mac แล้ว
นับตั้งแต่ iOS 7 เป็นต้นมา อุปกรณ์ iOS กับ Mac สามารถรองรับการทำงานด้วยกันได้บ้างแล้ว แต่บน iOS 8 และ OS X Yosemite ที่เปิดตัวพร้อมกันในงาน WWDC 2014 รองรับฟีเจอร์การใช้งานร่วมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
Handoff ทุกๆ ครั้งที่มีการล็อกอินผ่าน iCloud ด้วยบัญชีเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเปิดอ่านเว็บไซต์อะไร, กำลังตอบอีเมล หรือแก้ไขไฟล์เอกสารผ่าน Pages ข้อมูลหรือข้อความดังกล่าว ก็จะปรากฏบนอุปกรณ์ทุกเครื่อง ที่มีการล็อคอินด้วยบัญชีเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น กำลังเขียนอีเมลบน Mac เมื่อเปิดบน iPhone ก็จะมีอีเมลแบบ draft ปรากฏด้วยเช่นกัน
iPad และ Mac สามารถรับโทรศัพท์ได้แล้ว!! เพื่อนๆ อ่านประโยคนี้ไม่ผิดหรอกครับ แม้ว่า iPad และ Mac จะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ แต่ iOS 8 และ OS X Yosemite เนรมิตทุกอย่างให้เป็นจริงได้ สมมติว่า iPhone อยู่ในกระเป๋า แต่เรากำลังพิมพ์งานบน MacBook อยู่ เมื่อมีสายเรียกเข้า จะมีข้อความแจ้งเตือนปรากฏบนหน้าจอ Mac ซึ่งเราสามารถรับสายได้ทันทีครับ แต่ฟีเจอร์นี้ มีข้อแม้ก็คือ จะต้องมีการเชื่อมต่อ Wi-Fi เดียวกัน และ iPhone ที่ใช้ต้องรัน iOS 8 ด้วย จึงจะสามารถใช้ได้
ไม่เพียงเท่านั้น ยังสามารถกดโทรออกได้ จากเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าเว็บไซต์บน Safari, บนปฏิทิน และบนรายชื่อผู้ติดต่อได้เลย (จาก Mac หรือiPad)
iOS 8 รองรับบนอุปกรณ์ใดบ้าง
สำหรับอุปกรณ์ที่รองรับ iOS 8 ได้แก่ iPhone 4S, iPhone 5, iPhone 5C, iPhone 5S, iPod touch 5th generation, iPad 2, iPad with Retina display (iPad 4), iPad Air, iPad mini และ iPad mini with Retina (iPad mini 2)
iOS 8 เปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อใด
สำหรับกำหนดการเปิดให้ดาวน์โหลด iOS 8 สำหรับผู้ใช้ทั่วไป เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ หรือราวๆ เดือนกันยายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ งานเปิดตัว iPhone 6 นั่นเอง ส่วน iOS 8 beta เปิดให้นักพัฒนาได้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้