ภาวะพร่องเอนไซม์ จี-6-พีดี (G6PD Deficiency) คืออะไร
G6PD Deficiency (Glucose-6-Phosphate Dehydrogenase deficiency) เป็นภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ที่พบบ่อยในมนุษย์ มีประชากรประมาณ 400 ล้านคนทั่วโลก ที่มีภาวะนี้ ภาวะนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "โรคแพ้ถั่วปากอ้า" โดยโรคนี้มีการถ่ายทอดจากพันธุกรรม พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
G6PD เป็นเอ็นไซม์ที่มีอยู่ในเซลล์ทั่วไปของร่างกาย รวมทั้งเม็ดเลือดแดง ถ้าร่างกายขาดเอนไซม์ชนิดนี้ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยของแสลง โดยเฉพาะการทานยาบางชนิด หรือทานถั่วปากอ้า จะทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวง่ายค่ะ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรคอีกอย่างหนึ่งว่า โรคแพ้ถั่วปากอ้านั่นเองค่ะ
อาการของผู้ป่วยโรค G6PD
มีไข้สูง หนาวสั่น ซีดเหลือง อ่อนเพลียมาก ปัสสาวะสีดำคล้ายน้ำปลาหรือโคล่า อาการมักจะเกิดขึ้นทันทีหลังเป็นโรคติดเชื้อ หรือหลังได้รับยาที่แสลง หรือหลังจากที่กินถั่วปากอ้า มีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ได้บ่อย
สำหรับทารกแรกเกิดจะมีอาการ ตัวเหลือง ตาเหลือง หลังคลอดเพียงไม่กี่วันได้ ซึ่งอาจมีอาการเหลืองจัด หรือเหลืองนานกว่าปกติ หรือมีภาวะซีดร่วมด้วย
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นโรค G6PD
ไม่ควรซื้อยาเอง โดยไม่ปรึกษาแพทย์
ไม่ควรใช้ลูกเหม็น
หลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วปากอ้า เพราะในถั่วปากอ้ามี Vicine ทำให้สารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงอาจแตกได้ง่าย
เมื่อมีอาการซีด เหลือง หรือปัสสาวะเป็นสีโคล่า ต้องรีบปรึกษาแพทย์
โรคนี้จะเป็นติดตัวไปตลอดชีวิตโดยไม่เกิดอันตรายร้ายแรงถ้ารู้จักระวังรักษาตัว โดยหลีกเลี่ยงยาหรือสารที่แสลง ถ้าเกิดมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตกเนื่องจากภาวะการติดเชื้อผู้ป่วยต้องดื่มน้ำมาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์
แจ้งแพทย์ทุกครั้งว่ามีภาวะพร่อง G6PD พร้อมกับแสดงบัตรประจำตัว (Identification Card) ที่โรงพยาบาลออกให้ ภายในบัตรจะระบุชื่อยาและสารเคมีที่ต้องหลีกเลี่ยงไว้
โรคนี้แยกออกจากธาลัสซีเมีย โดยธาลัสซีเมียมักจะมีอาการซีดเหลือง ตับม้ามโตมาตั้งแต่เกิด
ผู้ที่เป็นโรคนี้ไม่สามารถบริจาคเลือดได้
สิ่งอื่น ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่เป็นโรค G6PD
ไวน์แดง
พืชตระกูลถั่ว
บลูเบอร์รี
โยเกิร์ตที่มีส่วนประกอบของถั่วปากอ้า ไวน์แดง พืชตระกูลถั่ว บลูเบอร์รี
ถั่วเหลือง
โทนิค (tonic)
โซดาขิง
การบูร