แมวตาเพชร ที่แท้คือ....

ข่าวแมวตาเพชรในบ้านเรา มีให้เห็นและฮือฮาอยู่เป็นระยะ ๆ บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก ในขณะที่บางคนมีความเชื่อว่า ตาของแมวที่มีสีแปลกตา คือ เพชรตาแมว หากได้ครอบครอง จะทำให้เกิดโชคลาภเงินทองไหลมาเทมา ถึงขั้นยอมเสียเงินเสียทองเพื่อที่จะได้ครอบครองแมวตาเพชร

กรณีข้างต้นต้องถือว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล แต่ในแง่มุมวิทยาศาสตร์ รองศาสตราจารย์นายสัตวแพทย์ปานเทพ รัตนากร คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายกรณีแมวตาเพชร ว่า เรื่องนี้ได้มีการอธิบายไปหลายครั้งแล้ว ว่า แมวมีความผิดปกติ แมวป่วย ตาของแมวเป็นต้อ ไม่ได้มีความพิเศษอะไร ตรงกันข้ามแมวกลับน่าสงสารด้วยซ้ำ

ความผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นที่เลนส์ตาแมวซึ่งเป็นต้อ จึงมีลักษณะสีขุ่นมัวและมีประกายออกมา ดังนั้นความเชื่อที่ว่าแมวตาเพชรควรเลิกกันได้แล้ว ไม่่ใช่หลงเชื่องมงาย

อยากให้ความรู้ว่า ความผิดปกติดังกล่าวพบได้เป็นระยะ ๆ โดยแมวเป็นต้ออาจพบได้ตั้งแต่แมวอายุยังน้อย ๆ หรือ อาจจะพบภายหลังจากที่แมวโตขึ้น ซึ่งการที่แมวเป็นต้อ เป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นควรรีบพาแมวไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักษาจะดีกว่า

เพราะหากปล่อยไว้ พอถึงระยะหนึ่งแมวอาจมีความทรมาน เจ็บปวดบริเวณดวงตา การที่แมวเป็นต้อไม่สามารถมองเห็นได้ อาจทำให้แมวเกิดอุบัติเหตุ หาอาหารกินไม่ได้ หากปล่อยไว้อาจมีการอักเสบ ลุกลาม เจ็บปวด ดังนั้นควรพาไปพบสัตวแพทย์ ไม่ใช่เก็บไว้อย่างนั้น เพราะบางครั้งแมวป่วยมาก อาจถึงขั้นต้องควักลูกตาทิ้งไป

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดต้องให้สัตวแพทย์ดูแลรักษาโดยตรง เรื่องนี้อยากแนะนำคนที่เป็นเจ้าของแมว รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย เพื่อให้เข้าใจในเรื่องนี้ว่าแมวมีความผิดปกติ แมวป่วย ไม่ได้มีความพิเศษแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามการที่คนไทยยังมีความเชื่อเรื่องแมวตาเพชรอยู่ กรณีนี้ก็คงจะเหมือนกับจิ้งจก 2 หาง สะท้อนให้เห็นถึงการศึกษาของคนในสังคม ซึ่งถ้าหากมีการปฏิรูปการศึกษาให้คนเลิกไหว้จิ้งจก 2 หาง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ดังนั้นหากจะแก้เรื่องนี้ควรแก้ที่ต้นทาง คือ ให้การศึกษาที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันสิ่งแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญ

โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องกับลูกด้วย เพราะหากมีการให้ความรู้ที่ถูกต้อง แต่คนแวดล้อมยังเชื่ออยู่ ก็อาจทำให้เด็กคล้อยตามได้

สรุปว่า เรื่องแมวตาเพชร คือ แมวป่วยเป็นต้อ ส่วนใครที่ยังมีความเชื่ออยู่ก็คงไม่สามารถไปห้ามได้?!?.

Credit: http://variety.teenee.com/foodforbrain/63776.html
21 ก.ย. 57 เวลา 11:17 1,841 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...