1. รู้หรือไม่...น้ำมันมะพร้าวสามารถนำมาใช้แทนน้ำมันชนิดต่าง ๆ ในการประกอบอาหารและเบเกอรี่ได้โดยไม่มีผลต่อรสชาติอาหาร นั่นเพราะน้ำมันมะพร้าวมีไขมันดีชนิดอิ่มตัวถึง 92% โดยส่วนใหญ่จะเป็นกรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลปานกลางเช่น กรดลอริก กรดคาปริก และกรดคาปริลิก ซึ่งเมื่อรับประทานและถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกเผาผลาญได้ดี ขณะที่น้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันปาล์มมีไขมันอิ่มตัวเพียงราว ๆ 14-15% หรือน้ำมันรำข้าวก็มีเพียง 18% เท่านั้น
2. รู้หรือไม่...ในต่างประเทศนิยมใช้น้ำมันมะพร้าวแทนเนย หรือมาการีนซึ่งอุดมไปด้วยไขมันทรานส์(Transfat) กรดไขมันอิ่มตัวสูงที่ได้จากการแปรรูป โดยน้ำมันมะพร้าวเมื่อนำไปปรุงอาหารจะไม่ก่อให้เกิดไขมันทรานส์ แต่จะยังคงความหอมอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น คอนเฟิร์มโดยผลวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ยืนยันว่า การบริโภคไขมันทรานส์น้อยลงจะลดอัตราการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 50% เลยทีเดียว
3. รู้หรือไม่...น้ำมันมะพร้าวหากนำมารับประทานคู่กับกระเทียม จะถือเป็น Super antioxidant ที่สามารถลดโอกาสการเกิดโรคร้ายแรงบางชนิด ได้ เช่น โรคหัวใจ เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคอเลสเตอรอลน้อยมาก น้อยกว่าน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันพืชตัวอื่น ๆ ที่ใช้กันอยู่ และวิตามินอีในน้ำมันมะพร้าว จะช่วยลดความหนืดของเลือด ขยายหลอดเลือด และป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ ส่วนกระเทียมก็มีสารประกอบของกำมะถันสูงมาก และยังมีสารสำคัญอีกกว่า 30 ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
4. รู้หรือไม่...การรับประทานน้ำมันมะพร้าวในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยทำให้ทารกมีภูมิคุ้มกันที่ดี และยังช่วยเพิ่มคุณค่าของน้ำนมแม่อีกด้วย นั่นเพราะในน้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง รวมทั้งป้องกันภาวะกระดูกพรุน หรือการสูญเสียแคลเซียมของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์และให้นมลูกน้อย
5. รู้หรือไม่...ถ้าคุณนอนไม่ค่อยหลับ น้ำมันมะพร้าวช่วยคุณได้ เพราะน้ำมันมะพร้าวนั้นอุดมไปด้วยกรดลอริก กรดคาปริก และกรดคาปริลิก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผ่อนคลาย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวติดต่อกันทุกวันในปริมาณเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้คุณนอนหลับได้สนิทขึ้น และยังช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ลดความเครียด และอาการอ่อนเพลียได้ด้วย
6.รู้หรือไม่...การรับประทานน้ำมันมะพร้าวก่อนมื้ออาหาร 3 เวลา จะช่วยลดปัญหาโรคเบาหวาน และหากนำไปผสมกับชา กาแฟ หรือโกโก้ ก็จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ และการติดเชื้อในลำคอได้อีกต่างหาก กรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวเป็นสารตัวเดียวกับนมน้ำเหลืองจากแม่ ซึ่งจะเปลี่ยนเป็น "มอโนลอริน"ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค เป็นทั้งยาปฏิชีวนะกำจัดเชื้อโรคชนิดที่มีเกราะหุ้มเซลล์เป็นไขมัน เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่เริม คางทูม เป็นต้น
7.รู้หรือไม่...สำหรับใครที่ชอบรับประทานข้าวมันไก่เป็นชีวิตจิตใจ คุณสามารถอร่อยอย่างมีสุขภาพได้แล้ววันนี้ โดยใช้น้ำมันมะพร้าวหุงข้าวแทนน้ำมันจากไก่ หรือน้ำมันชนิดอื่น ด้วยวิธีทำที่ง่ายมาก เพียงใส่น้ำมันมะพร้าวผสมกับข้าวที่ซาวแล้วพร้อมหุง จากนั้นก็ตามด้วยกระเทียมและพริกไทย เพียงเท่านี้ก็จะได้ข้าวมันจากน้ำมันมะพร้าวที่หอมอร่อยด้วยคอเลสเตอรอลและไขมันที่น้อยกว่ามาก
8.รู้หรือไม่...น้ำมันมะพร้าวสามารถนำมาใช้ทาเป็นครีมกันแดดได้ยิ่งไปกว่านั้นหากสาว ๆ คนไหนชอบให้ผิวเป็นสีแทนล่ะก็ สามารถทาน้ำมันมะพร้าวแล้วไปนอนอาบแดดได้เลย คุณจะมีผิวสีแทนสวยสมใจ โดยไม่ต้องกังวลกับความหมองคล้ำของฝ้าแดด เพราะนอกจากน้ำมันมะพร้าวจะอุดมไปด้วยกรดไขมันชนิดดีแล้ว ยังมีวิตามินอีซึ่งจะช่วยป้องกันฝ้าจากแสงแดดได้ด้วย
9.รู้หรือไม่...เพราะน้ำมันมะพร้าวมีสารต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังที่จะช่วยควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอล ดังนั้น การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นหนึ่งในเคล็ดลับเพื่อควบคุมน้ำหนักได้ แต่ถ้าจะใช้วิธีนี้ให้ได้ผล ขอแนะนำให้รับประทานติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป รวมถึงควบคุมอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับรองว่า คุณจะผอมหุ่นเพรียวแถมรีเทิร์นสุขภาพได้อีกต่างหาก
10.รู้หรือไม่...หลังสระผม เพียงนำน้ำมันมะพร้าวชโลมผมให้ทั่ว จากนั้นนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นโพกศีรษะทิ้งไว้ราว 15 นาทีจะช่วยคืนความนุ่มและรักษาความแห้งเสียของเส้นผมได้ ไม่ว่าความแห้งเสียนั้นจะมาจากแสงแดด หรือสารเคมีจากการทำสีผม นอกจากนี้ น้ำมันมะพร้าวยังช่วยบำรุงรากผมและสุขภาพหนังศีรษะอีกด้วย
11.รู้หรือไม่...น้ำมันมะพร้าวสามารถนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นเลิศเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณการทาน้ำมันมะพร้าวทั่วใบหน้าก่อนเข้านอน จะช่วยกักเก็บน้ำใต้ผิวเวลานอนหลับ ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น น้ำมันมะพร้าวยังเป็นอาหารของเซลล์ชั้นดี โดยเซลล์จะดูดซับกรดไขมันสายปานกลาง และเปลี่ยนเป็นพลังงานที่เพิ่มกิจกรรมการเผาผลาญ กระตุ้นการรักษาและฟื้นฟู ทำให้ปัญหารอยด่างดำต่าง ๆ ของผิวหนังหายไป นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่น้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์ในการทำให้แผลสด แผลไฟไหม้ แผลมีหนอง และการบาดเจ็บอื่น ๆ ของผิวหนังและเนื้อเยื่อหายเป็นปกติได้เร็วยิ่งขึ้น
12.รู้หรือไม่...ผู้ที่ชื่นชอบการทำสปาด้วยผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจขอเชิญทางนี้น้ำมันมะพร้าวสามารถนำมาใช้เป็นน้ำมันนวดเพื่อผ่อนคลายได้ (Oil Massage) โดยน้ำมันมะพร้าวจะดูดซึมเร็วทำให้ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทั้งยังมีการอ้างอิงข้อมูลในสมัยอยุธยาว่า มีการนำน้ำมันมะพร้าวมาใช้รักษาอาการปวด และการอักเสบต่าง ๆของกล้ามเนื้อ ซึ่งในปัจจุบันได้มีข้อพิสูจน์แล้วว่า เป็นเพราะกรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวนั่นเองที่ช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ เหล่านี้
13.รู้หรือไม่...หลังจากเราดูสวยใสด้วยการแต่งหน้ามาทั้งวัน พอถึงขั้นตอนการทำความสะอาดใบหน้า น้ำมันมะพร้าวก็กลายเป็นผู้ช่วยที่แสนมหัศจรรย์ไปในทันที ด้วยน้ำมันสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติที่สามารถทำความสะอาดเครื่องสำอางได้อย่างล้ำลึก หมดจด โดยไม่มีสารเคมีตกค้าง ร่วมด้วยการนวดเบา ๆ ขณะชโลมน้ำมันมะพร้าวทั่วใบหน้าก่อนเช็ดทำความสะอาด จะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของต่อมน้ำเหลือง ทำให้เกิดความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อผิวแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น