ในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านดงพลวงเจริญผล ต.หนองพระ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก มีชาวบ้านยึดอาชีพแปลกทำมาหากิน สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จึงเดินทางไปตรวจสอบ โดยที่แปลงการทำเกษตรผสมผสานบนเนื้อที่ 7 ไร่ เป็นของนายบุญชู ศิดสันเทียะ อายุ 45 ปี และนางดาว ศิดสันเทียะ อายุ 43 ปี สองสามีภรรยา พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 416 หมู่ 4 ต.หนองพระ อ.วังทอง จ.พิษณุโลกโดยในเนื้อที่ 7 ไร่ ได้มีการปลูกพืชพักผลไม้ เลี้ยงหมู ขุดบ่อเลี้ยงปลา แต่ที่โดดเด่นของสวนเกษตรพอเพียงของนายบุญชู คือ การเลี้ยงมดแดง ขายตัวและไข่ แบบแปลกไม่เหมือนเกษตรกรรายอื่น
นายบุญชู ศิดสันเทียะ เจ้าของสวน กล่าวว่า ตนประสบความสำเร็จเรื่องการเลี้ยงมดแดงเพื่อขายไข่จากโครงการปิดทองหลังพระ และเน้นหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวง มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 จากนั้นจึงนำความรู้ที่ได้ลองผิดลองถูกจนประสบความสำเร็จ มาสอนให้ความรู้และแนะนำให้กับชาวบ้านที่สนใจอยากจะยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพเสริม
สำหรับวิธีการเลี้ยงมดแดงเพื่อขายไข่มีดังนี้ คือ
นำเชือกมาผูกขึงกับต้นมะม่วงต้นต่างๆ ไว้ และมัดเชือกโยงให้ไปถึงกันทุกต้น จากนั้นเตรียมอาหารของมดแดงซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวสุก เนื้อปลา นมผงเด็ก ซึ่งเป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นเอง มาขยำส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วจึงนำไปหย่อนใส่ปากขวดพลาสติกที่ถูกตัดดัดแปลงเอาไว้เป็นภาชนะใส่อาหารติดกับต้นมะม่วง เมื่อฝูงมดแดงได้กลิ่นอาหารดังกล่าวก็จะพากันเดินไต่เชือกมากินอาหารกันอย่างอุดมสมบูรณ์ เมื่อถึงช่วงผสมพันธุ์ของมดแดงตัวผู้และมดแดงตัวเมียจะตกไข่ออกมามีขนาดฟองที่ใหญ่มาก
ช่วงนี้ควรมั่นสังเกตรังมดแดงหากมีขนาดใหญ่ได้ที่จึงใช้ไม้สอยรังลงมาไว้ที่พื้น รอให้มดแดงล่าถอยออกไปเหลือไว้เพียงแต่ไข่มดแดงเท่านั้น ก็สามารถนำไปขายได้ถึงกิโลกรัมละ 300 บาท ส่วนตัวมดแดงสามารถขายได้ถึงกิโลกรัมละ 250 บาท โดยไข่มดแดงจะมีพ่อค้าทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่เดินทางมารับซื้อนำไปประกอบอาหาร ส่วนตัวมดแดงทางโรงพยาบาลปศุสัตว์และสัตว์ป่า จ.กาญจนบุรี จะรับซื้อไปเป็นอาหารสัตว์ของตัวสมเสร็จ หรือชะมดเช็ด สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัวถึงเดือนละ 30,000 บาท ซึ่งมดแดงเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่ายและสร้างกำไรงามให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่อีกด้วย.