แบกเป้ ผจญภัยฉายเดี่ยวเที่ยวยุโรป เยือนเนเธอร์แลนด์

แบกเป้ ผจญภัยฉายเดี่ยวเที่ยวยุโรป เยือนเนเธอร์แลนด์


...
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ The Walking Backpack สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม, เฟซบุ๊ก The Walking Backpack, thewalkingbackpack.com และ Instagram punpuapipat

          ใครอยากลองแบ็คแพ็กเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ...ตามเรามาเลยค่ะ เพราะวันนี้เราได้หยิบเอาบันทึกการเดินทางของ คุณ The Walking Backpack สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอมกับ Euro Trip ในฝัน แบกเป้ ผจญภัยฉายเดี่ยว รอบยุโรป 9 ประเทศ 21 เมือง 45 วัน [The Walking Backpack Ep.1 สองล้อในอัมสเตอร์ดัม] ซึ่งรีวิวที่เรานำมาแนะนำกันนั้น เป็นการไปทัวร์ประเทศเนเธอร์แลนด์กับทริปการปั่นจักรยานท่องเที่ยวสุดชิล ดื่มด่ำกับวิถีชีวิตและธรรมชาติสุดงดงามของเมืองนี้ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ผ่านภาพถ่ายและร้อยรียงเรื่องราวเป็นตัวหนังสือให้เราได้ชมและอ่านกันค่ะ


          หลายคนมีความฝันเหมือนผมไหมครับ ความฝันที่จะแบกเป้หนึ่งใบเดินทางผจญภัยไปรอบทวีปยุโรป ไปในเมืองสุดโรแมนติก เรียนรู้วัฒนธรรมและความคิดของชาวยุโรป ผมเป็นหนึ่งคนที่มีความฝันอันนี้ตั้งแต่เด็ก หลังจากที่ผมเตรียมตัว เก็บเงิน หาข้อมูล การเดินทางครั้งนี้จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยความตั้งใจที่จะให้มันเป็น

           1. การเดินทางคนเดียวกับกระเป๋าเป้หนึ่งใบ
           2. ประหยัดด้วยการกางเต็นท์ (งบไม่เกิน 1 แสนบาท)
           3. ไปแบบตามใจไม่มีแผนตายตัว เดินทางเป็นวงกลม 1 รอบทวีปยุโรป เริ่มที่อัมสเตอร์ดัมและจบที่เดิม

          ก่อนอื่นเลยนะครับผมชื่อ “ปั้น” ตอนนี้ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 ที่ประเทศสิงคโปร์ หลายคนอาจจะรู้จักผมในนาม The Walking Backpack ใน

           FB :  เฟซบุ๊ก The Walking Backpack
           IG : punpuapipat
           Twitter : @Punpuapipat

          ผมเป็นคนที่รักในการเดินทาง โดยเฉพาะการแบกเป้ไปคนเดียว ค่ำไหนนอนนั้นไม่มีแผนการที่แน่นอน ทุก ๆ วันผมจะได้เจอกับเพื่อนใหม่ เรื่องราวและข้อคิดดี ๆ จากเพื่อนร่วมทางเสมอ

          การแบ็คแพ็กรอบยุโรปครั้งนี้เป็นความฝันที่อยากไปดูโลกในทวีปยุโรปตั้งแต่เด็ก และด้วยช่วงเวลาว่าง 45 วัน หลังจากที่ผมฝึกงานที่ประเทศสิงคโปร์เสร็จกับเงินเก็บที่พอจะมี ผมเลยออกไปทำความฝันอันนี้ให้เป็นจริง และด้วยการสนับสนุนของสายการบิน KLM และบริษัท Diethelm Travel ผมจึงสามารถออกไปทำความฝันครั้งนี้ให้เป็นจริง

          ในกระทู้นี้ผมจะเขียนถึงสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากทริปนี้ และอธิบายทั้งหมดว่าถ้าคุณมีความฝันในการท่องยุโรปเหมือนผม คุณจะต้องทำอะไรบ้าง การกางเต็นท์ หาที่กิน วิธีการเดินทางข้ามเมืองต่าง ๆ และเทคนิคหลายอย่างที่จะช่วยคุณ ทำให้การเดินทางไม่ได้ยากและแพงอย่างที่คิดครับ โดยผมขอแบ่งการรีวิวเป็น 5 ตอนตามเส้นทางการเดินทางจริง

           ตอนที่หนึ่ง : Amsterdam-Delft-Rotterdam
           ตอนที่สอง : Antwerp-Brussels-Brugge-Paris-Chamonix
           ตอนที่สาม :  Barcelona-Rome-Florence-Pisa-Cinque Terre-Milan
           ตอนที่สี่ : Venice-Munich-Salzburg-Austria
           ตอนที่ห้า : Budapest-Prague-Berlin

          ถ้าพร้อมแล้วขอเริ่มการรีวิวด้วยรูปนี้นะครับ โชคดีและโชคร้ายรอเราอยู่ในการเดินทางเสมอ บางครั้งโชคร้าย ไม่ลำบาก เหนื่อย ก็ของหาย รู้สึกเศร้าใจ แต่ก็อย่าลืมว่าโชคดี ๆ มันรอเราอยู่ อย่างเช่นเจ้ารุ้งกินน้ำเส้นนี้ที่ชีวิตนี้เกิดมาไม่เคยจะเห็น แต่ได้มาเห็นเต็ม ๆ ตาในทริป ๆ นี้
 


          ก่อนอ่านต่อไปอย่าลืมให้กำลังใจผมด้วยการช่วยโหวตกระทู้นี้ด้วยนะครับ ตั้งใจทำเป็นอย่างยิ่ง

สารบัญ

          สำหรับใครที่เวลาน้อยอยากรีบอ่าน ผมขอแนะนำให้เริ่มที่ตอน Top 10 Experiences 10 อันดับสิ่งที่ผมประทับใจ

          1. ปั่นจักรยานรอบคลองแห่งอัมสเตอร์ดัม 

          2. ชมวิถีชีวิตที่ทุกอย่างเกิดขึ้นบนสองล้อ 

          3. รุ้งกินน้ำเต็มวงที่บนแม่น้ำ IJ 

          4. เส้นปั่นจักรยานที่หนาวที่สุด และสวยที่สุดใน Amsterdam Noord 

          5. หลงใหลในสุดยอดศิลปะ Modern Art ที่ Museumplein 

          6. Joordan ที่ Coffee Shop, Red Light District และพระอาทิตย์ตกสุดสวยมารวมตัวกัน 

          7. หลงทางในเมือง Delft 

          8. เจอกับโลล่าอีกครั้งและฉลองไปพร้อมกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ 

          9. Rotterdam ที่ที่เมืองคือพิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรม 

          10. กางเต็นท์ใน Amsterdam Nord 

           จุดมุ่งหมายของทริป 
           การแพ็กกระเป๋า 
           การหาที่พัก 
           งบประมาณ 
           การดูแลเงินและความปลอดภัย 
           สายการบิน 


การเตรียมตัว

          ผมเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้ด้วยการวาดเส้นทางให้เราพอรู้ว่าจะเดินทางจากไหนไปไหน แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่ตายตัวนะครับ เปลี่ยนแปลงไปตามใจเราได้เสมอ มีคนแนะนำให้เราไปไหน เราก็ไป แต่สองสิ่งที่สำคัญ คือ เราควรจะอ่านเกี่ยวกับทวีปยุโรปให้มากที่สุด  และมีความรู้...รู้ว่าเราอยากไปเที่ยวไหน
 


          นี่คือเส้นทางและแผนการเดินทางคร่าว ๆ ของผมนะครับ ไม่มีอะไรตายตัว ไม่ได้จองอะไรไว้ก่อนไปหาเอาข้างหน้า
 


          สิ่งที่ผมจะหาเตรียมไว้ก่อนเลย คือ เมืองนี้นอนกางเต็นท์ได้ที่ไหนบ้าง โดยหาใน Google นั่นแหละครับ ราคาค่ากางเต็นท์ส่วนใหญ่อยู่ที่ 10-12 ยูโร ส่วนข้อมูลการท่องเที่ยวผมจะโหลด Lonely Planet ของทุกประเทศที่จะเดินทางไปเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ จะได้เปิดดูได้ตลอดเวลา

จุดมุ่งหมายของทริป

          ผมขออนุญาตเตือนก่อนเลยว่า Euro Trip ที่ผมไปมามันไม่ได้สบาย ๆ ถ่ายรูปสวย ๆ นอนสบาย ๆ มันเป็นการผจญภัย ทุกวันคุณจะต้องแก้ปัญหา หาทางเอาตัวรอด และเรียนบทเรียนชีวิตมากมายระหว่างทาง ระหว่างการเดินทางผมเจอเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนฟินแลนด์ เขาถามผมว่า “What is the purpose of this trip ?” ผมก็งงไปเหมือนกันเพราะไม่ได้คิดว่าทริปนี้จะมีเป้าหมายอะไร แต่ในความงงตอนนั้นผมตอบไปว่า

          “Ermmm, I don’t know man. I just want to see the world, eat what you eat, experience European life.”

          ถ้าใครมีโอกาสได้มาเดินทางแบบบ้าคลั่งอย่างผมในครั้งนี้ บางครั้งคุณจะรู้สึกเหนื่อยรู้สึกท้อแท้ แต่จำไว้ครับว่านี่คือสุดยอดบทเรียนชีวิตนอกห้องเรียน ผมอยากแนะนำให้ทุกคนที่จะเดินตั้งจุดหมายเอาไว้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนผม คุณอาจจะหลงใหลในศิลปะ ทริปของคุณก็จะเต็มไปด้วยการไล่ล่าภาพวาด งานศิลปะที่คุณชื่นชอบ และมันจะเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า

การแพ็กกระเป๋า

          นี่คือของทั้งหมดที่ผมเอาไปนะครับ สองกระเป๋าน้ำหนักร่วมกับ 20 กิโลกรัม เต็นท์อันที่ผมเอาไปมันกันน้ำไม่ค่อยดีเท่าไร นอนไปสองสามคืนตื่นขึ้นมานึกว่าอยู่ในสระน้ำ เปียกมาก แนะนำให้เอาถุงนอนหนา ๆ และเต็นท์ที่มันกันน้ำได้จริง ๆ ไปครับ ช่วยให้ชีวิตสบายขึ้นเยอะ
 


          คอมพิวเตอร์ไม่จำเป็นในการเดินทางนะครับ แต่ผมเอาไปเพราะต้องใช้เก็บรูป Process ผมขอแนะนำว่าแบกของไปให้น้อยที่สุด อะไรไม่จำเป็นไม่ต้องเอาไป ทุกกิโลกรัมที่คุณแบกไปมันจะหนักมาก ตอนทดลองอยู่บ้านเดินสบาย ๆ มั่นใจว่าไม่มีปัญหา แต่พอไปจริงเดินไปสัก 5 กิโลกรัม คุณรู้ว่ามันหนักขนาดไหน เที่ยวไปสักสองอาทิตย์ หลังจะเริ่มปวด อยากโยนกระเป๋าทิ้ง ผมคิดว่าสัก 15 กิโลกรัม คือ น้ำหนักที่ดี เสื้อผ้าไม่ต้องเอาไปเยอะมากก็ได้ครับ มีผงซักฟอกหรือสบู่ซักผ้าติดไป ถึงเวลาทุกที่จะมีที่ซัก ที่ตากผ้า
 


เริ่มออกเดินทาง

          การเดินทางครั้งนี้ผมต้องขอขอบคุณสายการบิน KLM เป็นอย่างยิ่งที่สนับสนุน ใจดีที่สุดเป็นสปอนเซอร์ในการผจญภัยครั้งนี้ นำพาผมจากกรุงเทพมหานครไปยังกรุงอัมสเตอร์ดัมโดยไม่มีการหยุดพักเปลี่ยนเครื่องเลย...ว่าแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางกันเลย
 


          ตลอดการเดินทาง 13 ชั่วโมง โดยไม่หยุดแวะเครื่องผมได้รับการบริการอย่างดีจากพี่คนนี้ Air Steward อาหารก็อร่อย กินข้าวอร่อยมาก ดูหนังหลับสบายตลอดการเดินทาง
 


          อาหารบนเครื่องก็มีให้เลือกหลายแบบหลายรสชาติครับ รูปนี้มื้อเช้าบนเครื่องบินของผม Pasta ซอสมะเขือเทศ
 


Top 10 Experiences of this Episode

          ผมขอเขียนกระทู้นี้ด้วยการจัดอันดับ 10 กิจกรรม ที่ผมประทับใจที่สุดในเมืองสามเมืองของกระทู้นี้ Amsterdam-Delft-Rotterdam

          1. ปั่นจักรยานรอบคลองแห่งอัมสเตอร์ดัม

          ถ้าคุณเป็นคนชอบปั่นจักรยาน อัมสเตอร์ดัมคือเมืองในฝันของคุณเลยครับ ผมขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน เมือง ๆ นี้ขนาดไม่ใหญ่มาก มีเส้นทางปั่นจักรยานไปได้ทุกที่ การสัญจรด้วยจักรยานจึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสุด ๆ แต่สิ่งที่ทำให้การปั่นจักรยานรอบคลองอัมสเตอร์ดัมเป็นไฮไลท์อันดับหนึ่งของผม คือ บ้านเรือน ตึกข้างทางที่สวยไม่เหมือนที่ไหนในโลก ถ้าไม่เชื่อก็ลองดูภาพเหล่านี้
 


          บริเวณนี้คือ Amsterdam Centraal Station เป็นศูนย์กลางของเมือง โดยคุณสามารถเดินทางไปทุกเมืองของประเทศเนเธอร์แลนด์ได้จากที่นี่ และตัวสถานีรถไฟก็สวยมาก ๆ ในการเดินทางไปไหนมาไหนก็ง่าย ๆๆ ครับ เดินเข้าไปซื้อตั๋วได้เลย แต่ถ้าไม่อยากต่อคิวนานก็แนะนำให้ซื้อตั๋วบนอินเทอร์เน็ต แล้วพริ้นท์ตั๋วไปก่อนเลย อย่างเช่นตั๋วไปเมือง Rotterdam ราคาแค่ 11 ยูโร ไป Brussels 25 ยูโร
 


          ภายในสถานีรถไฟ Amsterdam Centraal Station ยามเย็นที่สุดสวยงาม
 


          ขี่จักรยานมาอีกไม่นานคุณก็จะมาเจอกับจัตุรัส The Dam เป็นบริเวณกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมอย่างแท้จริง ที่นี่มีร้านขายของมากมายให้ได้ช้อปปิ้งและเดินเล่นกัน
 


          รูปนี้เป็นหนึ่งในรูปที่ผมชอบมากที่สุดในทริปนี้เลยครับ เด็กคนนี้วิ่งเล่นกับนกพิราบอยู่ ผมเลยหลอกใช้วิ่งจนได้ออกมาเป็นภาพนี้
 


การเช่าจักรยาน

          มีหลายสถานที่ที่คุณสามารถเช่าจักรยานในเมืองนี้ได้นะครับ อย่างผมเช่าจากที่กางเต็นท์เลยวันละ 10 ยูโร แต่ที่ที่ผมจะแนะนำให้ทุกคนไปเช่าจักรยานกัน คือ ร้าน MacBike ที่อยู่บนถนน Waterlooplein ใกล้ ๆ กับพิพิธภัณฑ์ RijksMuseum น่าจะเป็นร้านเช่าจักรยานที่ถูกและดีที่สุดในเมืองอัมสเตอร์ดัม
 


          การขี่จักรยานของผมนะครับ ผมไม่ได้ซีเรียสมากว่าจะต้องไปทางนั้นทางนี้ ผมขี่ไปตามใจ เห็นอะไรน่าสนใจก็ไปทางนั้น อย่างถนนเล็ก ๆ บริเวณ Nieuwendik ที่ผมเจอเข้าโดยบังเอิญ แถวนี้จะมีร้านขายของเล็ก ๆ ผับและบาร์เยอะครับ น่ามาเดินเล่นซื้อของ
 


          ร้านขายชีสร้านนี้ซื้อ Cheese Factory เป็นตัวอย่างของความเป็นดัตช์อย่างแท้จริง เต็มไปด้วยความเป็นดัตช์
 


          บริเวณถนนหน้าร้านที่มีธงสีรุ้งติดอยู่ เมืองนี้มีการสนับสนุนเรื่องเสรีเพศสูงที่สุดในโลกเมืองหนึ่ง ธงสีรุ้งเหล่านี้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดี
 


          หรือจะเป็นร้านขายชุดชั้นในที่ลุงกับป้าคู่นี้กำลังพิจารณาสินค้าอยู่ 555
 

 


          จากนั้นผมแนะนำให้คุณปั่นจักรยานไป Amsterdam Museum ดูนะครับ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับประวัติและเรื่องราวของเมืองอัมสเตอร์ดัม ผมชอบที่นี่มาก
 


          หนึ่งใน Permanent Exhibition ที่แปลกที่สุดของพิพิธภัณฑ์
 


          ขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ คุณก็จะเจอกับคลองหลายแบบหลายขนาดที่สวยแตกต่างกันไป อย่างเช่นคลองใหญ่ ๆ แบบนี้
 


          และถ้าเกิดขี่จักรยานจาก Amsterdam Museum ไปอีกหน่อย เราจะไปเจอกับ Bloemenmarkt ซึ่งเป็นตลาดดอกไม้เล็กน่ารักอยู่ริมคลอง ในตลาดมีร้ายขายดอกไม้เต็มไปหมด ใครที่ชอบดอกไม้ต้องมาลองเที่ยวดู
 


          หนึ่งในความแปลกของเมือง ๆ นี้ ก็คือ หน้าต่างหน้าตาแปลก ๆ แบบนี้ละครับ
 

 


          ตอนเย็น ๆ พระอาทิตย์ใกล้ตก (ในช่วงซัมเมอร์พระอาทิตย์ตกประมาณ 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม บางวันผมจะเหนื่อยมากเพราะแทบจะหมดแรงไปกับการเที่ยวทั้งวัน) ผมขอแนะนำให้คุณขี่จักรยานไปบริเวณถนน Keizersgracht คุณจะได้ชื่นชมกับพระอาทิตย์ตกและคลองแห่งอัมสเตอร์ดัมที่แสนสงบเงียบ เป็นบริเวณที่ผมชอบที่สุดในเมืองตอนเย็น ๆ เพราะมีแต่ความสงบ ร้านอาหารเล็ก ๆ ของในภาพเล่าเรื่องแทนคำพูดนะครับ
 

 


          ทุกสะพานจะมีชื่อสะพานเขียนอยู่บนราวที่กั้น อย่างสะพานนี้ชื่อว่า Lunbaansburg
 

 


          บรรยากาศในช่วงเย็นที่สวยจนผมไม่อยากกลับที่พัก
 


          จุดนี้ใกล้ ๆ กับถนน keizersgracht เป็นจุดที่ผมชอบที่สุดในเมืองนี้แล้วครับ
 


          2. ชมวิถีชีวิตที่ทุกอย่างเกิดขึ้นบนสองล้อ

          จักรยาน คือ วิธียอดฮิตในการเดินทางไปไหนมาไหนของคนทุกคนในประเทศนี้ ผมเลยขอรวบรวมไอเดียแปลก จักรยานแนว ๆ และภาพสวย ๆ ของทุกชีวิตที่เกิดขึ้นบนจักรยานมาฝากกัน

          บางคนเลี้ยงหมาบนจักรยาน
 


          บางคนไปทำงานสาย
 


          บางคนยังไม่อยากออกจากเตียง
 


          บางคนมาแบบสวยมั่นใจ
 


          บางคนมากันเป็นคู่
 


          บางคนลูกเดี่ยว
 


          บางคนลูกสอง
 


          บางคนก็ลูกสาม
 


          หรือบางคนก็แม่ลูกอ่อน
 


          บางคนชอบนอนปั่น อยู่ต่ำ ๆ ติดพื้นดิน
 


          บางคนชอบสูง ๆ ปั่นอยู่บนชั้นสอง
 


          บางคนขี่อยู่อย่างเดียวดาย
 


          บางคนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายกับคนที่ไม่รู้จัก
 


          บางคนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบกับคนที่รักคุณ
 


          บางคนอยู่เรียบง่าย ต้องการแค่ธรรมชาติ
 


          และบางคนต้องการเพื่อนและความสนุกครื้นเครง (จักรยานคันนี้เป็นบาร์เคลื่อนที่ทุกคนจะต้องปั่นไปดื่มไปแล้วจะมีหนึ่งคนบังคับทิศทาง)
 


          ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศเนเธอร์แลนด์เกิดขึ้นบนเจ้าสองล้อที่หมุนและไม่มีวันหยุดหมุน สุดท้ายอยากฝากภาพนี้ไว้ นี่คือลานจอดจักรยานกลางเมืองของสถานีรถไฟเมือง Delft ถ้าเป็นคนไทยมองที่ดินผืนนี้เราคงเห็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หรือไม่ก็โครงการคอนโดกลางเมืองสามสิบชั้น แต่สำหรับชาวดัตช์เขามองเห็นที่จอดจักรยานเพื่อประชาชน อยากฝากไว้ว่าการสร้างวัฒนธรรมและ Lifestyle ที่ดีต่อสุขภาพของชาวดัตช์และสิ่งแวดล้อม ต้องเริ่มจากสองสิ่ง คือ ตัวประชาชนและนโยบายของรัฐบาล ในเมืองไทยมีคนมีความฝันมากมายที่อยากจะปั่นจักรยานไปไหนมาไหน แต่ถ้าทางรัฐบาลไม่สนับสนุน วางโครงสร้างระบบถนน ที่จอดจักรยาน ภาพคนขึ้นจักรยานไปไหนมาไหนทุกที่คงเกิดขึ้นยากในเมืองไทยของเรา
 


          3. รุ้งกินน้ำเต็มวงที่บนแม่น้ำ IJ

          ผมเชื่อเสมอว่าในการเดินทางเราจะต้องเจอกับโชคร้ายและโชคดี โชคร้ายทริปนี้ผมทำโทรศัพท์หาย ต้องนอนพื้นหลายคืน และตกรถไฟบ่อย ๆ แต่ในทุกโชคร้ายจะมีโชคดีเสมอ และถ้าพูดถึงสุดยอดของความโชคดี ผมว่ามันก็ต้องเป็นภาพนี้ รุ้งกินน้ำเต็มวงริมแม่น้ำ IJ ที่ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไปที่เดียวกับผม แต่ก็ (คง) ไม่ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งนี้
 


          ริมแม่น้ำ IJ ยังมีตึกที่น่าสนใจมากอีกนะครับ อย่างตึก The Eye ซึ่งที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์แห่งชาติของประเทศนี้ ด้านในจะมี Film Exhibition ที่เราสามารถไปดูได้ฟรีครับ
 

 
Credit: PostJung
#เนเธอร์แลนด์
PatPuch
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
19 ก.ย. 57 เวลา 10:31 1,742
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...