เทศกาลกินเจ ถือเป็นที่รอคอยของใครหลายคน ทั้งคนชอบทำบุญและเหล่าเจ้าของธุรกิจกินเจ เทศกาลกินเจ ปีนี้ที่ มี 2 ช่วงตามการนับแบบจีน ที่มีเดือน 9 สองครั้ง ในรอบ 132 ปี คือ รอบแรก ระหว่างวันที่ 24 กันยายน-2 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลตามปกติของทุก ๆ ปี
และรอบ 2 ที่จะเสริมเข้ามาในช่วงวันที่ 24 ตุลาคม-1 พฤศจิกายน กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญของทั้งผู้ประกอบการค้าปลีก และผู้ผลิตสินค้าหรือซัพพลายเออร์ จากตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมาที่การจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลกินเจขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการกินเจ ในปัจจุบัน การทานเจไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของประเพณี แต่เกิดจากความเชื่อว่าการทานเจเป็นบุญอย่างหนึ่ง และเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ อาทิ การทานเจในวันพระ ซึ่งมีถึง 50 วันต่อปี นอกจากนี้มีวันเกิด วันเข้าพรรษา การทานเจเพื่อแก้บนตามความเชื่อ เป็นต้น เมื่อบวกกับการมีเทศกาลเจ 2 ครั้งสำหรับปีนี้ จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มโอกาสการขายให้มีมากขึ้น
พฤติกรรมการทานอาหารเจจะเป็นการซื้อสำเร็จรูปตามร้านค้าด้วยสัดส่วน ถึง 57% ซื้อมาทำกินเองประมาณ 27% และทานที่โรงเจ 15% แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบและสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ
คาดว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมารับประทานอาหารเจสำเร็จรูปมากกว่าซื้อมาประกอบ อาหารเอง เพราะสะดวกสบายและประหยัดกว่า จึงเป็นโอกาสของร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
นาย ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่นอีเลฟเว่น ได้วิเคราะห์ เทศกาลกินเจปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าการใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 42,000 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มคนทานเจที่มีเพิ่มขึ้น นอกจากผู้ถือศีลกินเจแล้วยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันมากินเจมากขึ้น เพราะต้องการทำบุญและใส่ใจสุขภาพ ประกอบกับแนวโน้มการทานเจในตลอดช่วงเทศกาลมีสัดส่วนสูงขึ้น รวมถึงแนวโน้มของคนไทยที่หันมาทานอาหารเจนอกเทศกาลมากขึ้น
คาดว่าตลาดในช่วงเทศกาลกินเจจะขยายตัวประมาณ 3-5% เพราะสัญญาณเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวดีนัก อย่างไรก็ตามในระยะหลังคนนิยมกินเจกันมากขึ้น เพราะมองว่าเป็นเรื่องของการทำบุญ ซึ่งแม้สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีในช่วงนี้ก็ยิ่งทำให้คนเลือกที่จะทำบุญ เพื่อความสบายใจมากขึ้น รวมทั้งเป็นเรื่องของเทรนด์หรือกระแสนิยมจึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การเป็น เทศกาลสำหรับคนไทยเชื้อสายจีน