เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
แพทยสภา ชี้ หลวงพ่อพิมพ์ เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ประกาศละสังขารในโลงที่ปิดแน่น ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ระบุ คนที่รู้แต่ไม่ช่วย มีความผิดทางอาญา
จากกรณีหลวงพ่อพิมพ์ หรือ พระครูเวฬุวันจันทะรังสี อายุ 65 ปี เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน หมู่ 4 บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ประกาศละสังขารล่วงหน้า ในวันที่ 9 กันยายน 2557 เวลา 21.00 น. ด้วยการเข้าไปนอนภาวนาภายในโลงที่เตรียมไว้ พร้อมสั่งลูกศิษย์ห้ามรบกวน จนวันที่ 11 กันยายน 2557 เวลาประมาณ 13.00 น. จึงนำร่างมาฌาปนกิจ ทำให้ลูกศิษย์จากทุกสารทิศที่ทราบข่าวการละสังขารของหลวงพ่อพิมพ์ต่างเดินทางมาที่วัดเวฬุวันเป็นจำนวนมาก
ล่าสุด วันนี้ (9 กันยายน 2557) ศ. นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ได้กล่าวถึงการประกาศละสังขารของหลวงพ่อพิมพ์ ว่า ในทางการแพทย์ การเข้าไปนอนภาวนาในโลงที่มีลักษณะปิดแน่นเช่นนี้ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าการที่ต้องเข้าไปอยู่ในโลงปิดแน่นที่ไม่มีอากาศ ไม่มีน้ำ และไม่มีอาหารนั้น สุดท้ายแล้วก็ต้องเสียชีวิต แม้ว่าร่างกายจะสามารถขาดน้ำได้ 1-2 วัน หรือขาดอาหารได้เป็นอาทิตย์ แต่หากขาดออกซิเจนเกิน 10 นาทีขึ้นไป ส่งผลให้ไม่มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ซึ่งเป็นศูนย์สั่งการร่างกาย ทำให้ศูนย์ควบคุมการหายใจไม่ทำงาน ย่อมทำให้หยุดหายใจและเสียชีวิตในที่สุด
และจากกรณีหลวงพ่อพิมพ์ ประกาศละสังขารด้วยการเข้าไปนอนภาวนาภายในโลงที่เตรียมไว้นั้น ตนไม่สามารถระบุได้ชัดว่า มีเจตนาฆ่าตัวตายหรือไม่ แต่สำหรับบุคคลแวดล้อมที่ทราบดีว่า หลวงพ่อพิมพ์ เข้าไปนอนภาวนาภายในโลงปิดแน่นอย่างไรก็ต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน โดยไม่มีใครคิดช่วยเหลือ ถือว่าบุคคลแวดล้อมที่ทราบเรื่องมีความผิดทางอาญา ตามมาตรา 374 ที่ระบุว่า...
“ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิต ซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก