สเปิร์ม และอสุจิ เป็นส่วนประกอบพื้นฐานในร่างกายของมนุษย์และสัตว์เพศผู้ที่เติบโตถึงวัยเจริญพันธุ์ หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า นอกจากจะใช้ผลิตเด็กแล้ว ทั้งสเปิร์มและอสุจิยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกมากมายมหาศาล แต่ในบางกรณี มันก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตเราอีกไม่น้อยเช่นกัน และต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงสุดอะเมซิ่งของ “สเปิร์ม และอสุจิ” !!!
10. อสุจิใช้ทำผลิตภัณฑ์บำรุงหนังหน้า
เมื่อปี ค.ศ.1678 Anton Van Leeuwenhoek นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ ได้ค้นพบสารสกัดสำคัญจากอสุจิของมนุษย์เป็นครั้งแรก โดยตั้งชื่อว่า “สเปอร์มีน (Spermine)” ซึ่งต่อมาเมื่อมีการศึกษามากเข้าๆ ก็พบว่า มันสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และลดการติดเชื้อในอวัยวะเพศชายได
เมื่อไม่นานมานี้ บรรดานักวิจัยผลิตภัณฑ์บำรุงหนังหน้า ก็ได้ค้นพบความลับสุดมหัศจรรย์เพิ่มขึ้นอีกอย่างว่า สเปอร์มีน มีคุณสมบัติเป็น anti-oxidant ชั้นเลิศ เมื่อนำมาผ่านขั้นตอนในห้องแล็บ และทดลองผสมลงไปในครีมบำรุงผิวหน้าแล้ว มันสามารถช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย และทำให้หนังหน้าดูเนียนนุ่มได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 20% จึงกลายเป็นส่วนผสมตัวเอกที่พ่อค้าครีมทั้งหลายให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ พร้อมพากันคอนเฟิร์มว่า อสุจิที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสเปอร์มีนนั้น ถูกนำไปผ่านกระบวนการทางเคมีจนไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย รวมทั้งปลอดจากเชื่อไวรัสทุกชนิดด้วย
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์บำรุงหนังหน้าที่มีส่วนผสมของสเปอร์มีน ถูกส่งออกมาวางขายในร้านสปาระดับไฮเอนด์ทั่วโลก ในราคากระปุกละ 250 ดอลลาร์ (ราว 8,000 บาท) นอกจากนั้นยังถูกนำมาเป็นส่วนผสมของคอนดิชันเนอร์ ทรีตเมนต์ ครีมบำรุงผม ครีมบำรุงขอบตา ฯลฯ โดยมี ฮีทเธอร์ ล็อคเลียร์ เซเล็บสาวใหญ่ในวงการทีวีอเมริกัน เป็นผู้ถือธงนำแคมเปญโปรโมต ตอนนี้แม้เธอจะมีอายุผ่านวัยเลข 5 ไปแล้ว แต่ก็ยังคงสวยเช้งไร้ที่ติ
ลองกลับไปค้นโต๊ะหน้ากระจกที่บ้านดูนะ เผลอๆ คุณอาจเคยใช้ผลิตภัณฑ์จาก “สเปิร์ม” มานานแล้วก็ได้!
9. น้ำเชื้อวัวมีราคาแพงจนถูกขโมย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในวงการปศุสัตว์เขาถึงขั้นมีการขโมยน้ำเชื้อกันจริงๆ!
สำหรับพ่อพันธุ์วัวที่ผ่านการคัดเลือก ทั้งด้านสายพันธุ์ ความแข็งแรงปลอดโรค และลักษณะที่สวยงาม น้ำเชื้อชอตหนึ่งๆ ของมัน (ปริมาณ 0.25-0.5 มล.) อาจซื้อขายกันเป็นร้อยๆ ดอลลาร์เลยทีเดียว จึงทำให้เกิดอาชีพโจรขโมยน้ำเชื้อขึ้นมา โดยเจ้าโจรหัวใสพวกนี้จะเที่ยวจับตามองฟาร์มที่มีพ่อพันธุ์ระดับเทพไว้ในครอบครอง เมื่อเจ้าของฟาร์มรีดน้ำเชื้อพ่อทูลหัวไปเก็บรักษาไว้แล้ว ก็จะโดนนักย่องเบาไปฉกชิงออกมาขายในตลาดมืด ซึ่งถ้าจะวัดกันตามราคาที่ซื้อขายกันอยู่ในตอนนี้ น้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ระดับเทพมีราคาสูงเฉลี่ยถึงลิตรละ 40,000 ดอลลาร์! (เป็นราคาแบบเทียบบัญญัติไตรยางศ์ เพราะเอาเข้าจริงๆ คงหายากที่วัวตัวไหนยิงน้ำเชื้อได้ทีละเป็นลิตรๆ)
เหตุผลที่น้ำเชื้อวัวมีราคาแพงมหาศาลเช่นนี้ ก็เป็นเพราะ เดี๋ยวนี้น้ำเชื้อพ่อพันธุ์วัวชั้นดีในอเมริกาขาดตลาดอย่างหนัก สืบเนื่องจากที่คนอเมริกันบริโภคเบอร์เกอร์ สเต็ก และนมวัวเพิ่มมากขึ้น ฟาร์มทั้งหลายจึงต้องเร่งผสมพันธุ์วัวเพื่อป้อนสู่ตลาดกันอย่างหนัก และถ้ายิ่งได้วัวคุณภาพดีก็จะยิ่งได้ราคาดีขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ธุรกิจนี้เพิ่มมูลค่าขึ้นเป็นหลายๆ ล้านดอลลาร์ จึงเป็นที่มาของอาชีพขโมยน้ำเชื้อวัวนี่แหละ!
8. อสุจิช่วยเยียวยาอาการซึมเศร้าให้สาวๆ
อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสาวๆ ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า... จากข้อมูลการศึกษาเมื่อปี 2002 ของ Gordon Gallup พบว่า ผู้หญิงที่มีเซ็กซ์กับแฟนโดยไม่สวมถุงยางอนามัย มีสัญญาณของอาการซึมเศร้าต่ำกว่าคนที่ป้องกันโดยการใช้ถุงยางอย่างมีนัยยะสำคัญ! ซึ่งกอร์ดอนสรุปเป็นทฤษฎีไว้อย่างน่าสนใจว่า เมื่อฝ่ายชายหลั่งเข้าไปภายใน อวัยเพศหญิงไม่ได้ดูดซึมเฉพาะสเปิร์มเท่านั้น แต่ยังมีสารเคมีหลายอย่างที่มีผลกับอารมณ์โดยตรงด้วย เช่น เอ็นโดรฟิน (สารแห่งความสุข), เอสโตรน, โปรแลคติน และออกซิโตซิน โดยเฉพาะออกซิโตซินนั้น จะทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักลึกซึ้งขึ้น มีอาการตอบรับต่อกันและกันดีขึ้น ที่สำคัญคือ ช่วยลดภาวะเครียดและความกดดันต่างๆ ได้ดี
แต่ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนให้คุณเลิกใช้ถุงยางอนามัยหรอกนะ เพราะไม่ว่าจะยังไง ถุงยางอนามัยก็วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ซึ่ง Gordon Gallup เองก็ยืนยันว่า เขาไม่ได้ต่อต้านการใช้ถุงยางอนามัย เพียงแต่ทำการศึกษาเพื่อชี้ให้เห็นอีกทางเลือกสำหรับลดความรุนแรงของอาการซึมเศร้า สำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเท่านั้น... เข้าใจประเด็นกันด้วยนะจ๊ะ!
7. อสุจิสามารถฆ่าเชื้อโรคได้
จากการศึกษาในเป็ดมาลลาร์ด (Mallard Ducks) สัตว์จำพวกนกเป็ดน้ำ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สงสัยกันเหลือเกินว่า ทำไมพวกมันถึงมีอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases หรือ STD) และลักษณะด้อยทางพันธุกรรมต่ำมาก เมื่อเทียบกับสัตว์ประเภทอื่น
Dr.Melissah Rowe ผู้ตีพิมพ์ผลการวิจัยนี้ใน Journal of the Royal Society Biology Letters เปิดเผยว่า สาเหตุที่เป็ดมาลลาร์ดไม่ค่อยจะมีโรคติดต่อที่เกิดจาการผสมพันธุ์ก็เพราะ น้ำอสุจิของตัวผู้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย E.coli ซึ่งเป็นตัวการในการทำลายสเปิร์มได้ นอกจากนั้น ยิ่งตัวผู้มีปากสีสันสดใสมากเท่าไหร่ อสุจิของมันก็จะยิ่งฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เป็ดมาลลาร์ดตัวเมียจึงเลือกคู่จากสีสันบนปากของตัวผู้ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงอสุจิที่ไม่แข็งแรง หรือถ้าจะว่ากันง่ายๆ ตัวผู้ตัวไหนมีปากสีสวย ก็จะยิ่งเป็นที่หมายปองของตัวเมียนั่นเอง!
6. สร้างเซลไซบอร์ก จากสเปิร์ม
นานหลายปีดีดัก ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์พยายามคิดค้นยาที่จะมาทำหน้าที่เหมือนตัวนำวิถีของจรวด ค้นหาเซลหรือเชื้อโรคเป้าหมาย แล้วก็ทำลายล้างแบบตรงจุด เพื่อผลในการรักษาโรคที่ดีกว่า ทำการวิจัยกันมาหลากหลายรูปแบบ จนเริ่มจินตนาการถึงการใช้นาโนเทคโนโลยีสร้างโรบอตตัวจิ๋ว ฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วก็ใช้รีโมทคอนโทรลบังคับ ให้ตัวยาเข้าไปทำลายเชื้อโรคหรือเซลต้นเหตุให้สิ้นซาก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าโรบอตหรือไซบอร์กพวกนี้ มันต้องใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน ซึ่งอาจมีอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ได้
และแล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย พวกเขามาจาก Dresden Institute for Integrative Nanosciences ซึ่งได้ศึกษาจนสรุปได้แล้วว่า เจ้าไซบอร์กที่ว่านี้ สามารถสร้างขึ้นได้จากเซลของสเปิร์ม!
ด้วยหลักการง่ายๆ สร้างหลอดขนาดจิ๋ว (ผลิตจากไทเทเนียมและเหล็ก) เข้าไปจับตัวสเปิร์มมาทำหน้าที่เป็นไซบอร์ก จากนั้นก็บังคับการเคลื่อนที่ของมันด้วยแม่เหล็ก ซึ่งนับเป็นวิธีที่ทั้งชาญฉลาดและได้ผลดีเยี่ยม เนื่องจากสเปิร์มมันไม่ทำอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แถมยังสามารถว่ายดุ๊กดิ๊กได้ด้วยตัวของมันเอง ด้วยความเร็ว 100 ไมโครเมตร/วินาที โดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงใดๆ ทั้งสิ้น ชอนไชเข้าไปได้ในทุกพื้นที่ของร่างกาย นำทางยารักษาโรคเข้าไปจัดการกับปัญหาได้แบบตรงจุด ซึ่งปัจจุบัน นี่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกนำไปใช้จัดการกับเซลมะเร็ง... ขอบคุณพ่อสเปิร์มที่รัก นายคือฮีโร่ตัวจริง!
5. สเปิร์มเทียม สร้างได้ในห้องแล็บ
สำหรับคู่แต่งงานที่มีปัญหาเรื่องการมีลูกยาก และพยายามทดลองใช้วิธีต่างๆ มามากมาย จนเริ่มรู้สึกว่าการจะมีลูกเป็นของตัวเองสักคนมันช่างเหนื่อยแสนสาหัส อย่าเพิ่งถอดใจไป เพราะตอนนี้มีทางเลือกที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกอย่างแล้ว
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ประสบความสำเร็จในการใช้สเต็มเซลจากผิวหนังของหนู และตัวอ่อน ในการผลิตเซลพื้นฐานสำคัญสำหรับก่อกำเนิดชีวิตใหม่ขึ้นมาได้ คือสร้างได้ทั้งสเปิร์ม และเซลไข่เลยทีเดียว!
จากการทดลองฉีดสเต็มเซลเข้าไปในหนูทดลองที่มีความบกพร่อง เซลพื้นฐานดังกล่าวก็ถูกสร้างขึ้นมาได้ แถมยังสมบูรณ์แข็งแรง เพียงพอที่จะนำไปใช้ผสมเทียมในหลอดแก้วได้อย่างสบายๆ
ไม่ใช่แค่ที่โตเกียวเท่านั้น เพราะนักวิทยาศาสตร์จาก Ben-Gurion University ของอิสราเอลก็ได้บุกเบิกอีก 1 ทางเลือกที่สามารถสร้างสเปิร์มเทียมได้เหมือนกัน เริ่มจากการสร้างอัณฑะเทียมขึ้นมาในจานทดลอง จากนั้นอัณฑะเทียมก็จะผลิตเซลสืบพันธุ์ขึ้นมา ซึ่งสามารถเติบโตเป็นสเปิร์มที่พร้อมจะนำไปปฏิสนธิในหลอดแก้วได้เป็นอย่างดี
ในอนาคตอันใกล้ ขอแค่คุณเก็บเซลสืบพันธุ์ของตัวเองไว้ในห้องแล็บให้ได้ จากนั้นไม่ว่าคุณจะใช้ชีวิตโลดโผนเพียงใด หรือป่วยเป็นโรคร้ายแรงขนาดไหน ก็ไม่ต้องกลัวว่าเผ่าพันธุ์ของคุณจะสูญหายไปจากโลกนี้อีกแล้ว
4. ฮิตเลอร์ ฉีดอสุจิวัวเพื่อเป็นยาโด๊ป
แม้ผู้คนในโลกจะรู้จัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นอย่างดี แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ชีวิตส่วนตัว โดยเฉพาะเรื่องเซ็กซ์ของเขานั้นเป็นยังไงบ้าง นักประวัติศาสตร์ได้ข้อมูลตรงกันว่า ตลอดชีวิตของฮิตเลอร์ น่าจะมีหญิงคนรักทั้งหมด 6 คน และในจำนวนนี้มีถึง 4 คนที่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย!... นี่แกเลวขนาดผู้หญิงยังต้องรีบตายไปให้พ้นๆ เลยรึไง?
จากแฟ้มประวัติสุขภาพของฮิตเลอร์ระบุว่า เขาอาจมีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศอยู่พอสมควร การสั่งฆ่าโหดยิวนับล้านชีวิต รวมทั้งการต่อสู้กับฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลก อาจส่งผลให้เครียดหนัก ถึงขนาดกระเปี๊ยวอ่อนระทวย ไม่สามารถร้างความพึงใจให้สาวสะบึมอย่าง Eva Braun หนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดซึ่งผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาได้เลยด้วยซ้ำ
เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีไวอากร้า แพทย์ประจำตัวจึงแนะนำให้เขาฉีดอสุจิวัว เพื่อหวังจะปลุกความเป็นชายให้กลับมาผงาดง้ำค้ำโลก (ฝรั่งถือว่า วัวเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของเพศชาย แถมยังมีความคึกคักปึ๋งปั๋งตลอดเวลา) แต่น่าเสียดายเหลือเกินที่ไม่มีการบันทึกไว้ว่า หลังจากที่ฉีดเข้าไปแล้ว มันได้ผลรึเปล่า?
3. โรคภูมิแพ้อสุจิ
เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจยิ่งนัก เมื่อโลกนี้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเป็นโรคภูมิแพ้น้ำอสุจิ!
อาการของการแพ้อสุจิมีความรุนแรงต่างกันไปในแต่ละคน บ้างก็แค่เป็นผื่นคันในบริเวณที่สัมผัส ในขณะที่บางคนหนักหนาสาหัสถึงขั้นช็อกเลยทีเดียว และไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเฉพาะในผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้ชายเราบางคนก็เป็นโรคแพ้อสุจิด้วย ไม่ว่าจะของตัวเองหรือของคนอื่น (เอ่อ... แล้วจะไปโดนของคนอื่นทำไมแว้?)
อาการแพ้อสุจิในผู้ชายมีชื่อเรียกว่า POIS (Post-Orgasmic Illness Syndrome) โดยหลังจากไปถึงจุดสุดยอดแล้ว ร่างกายจะแสดงอาการคล้ายไข้หวัดนานตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมง จนถึงหลายๆ วัน!
ผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อสุจิมีมากถึง 12% จากจำนวนผู้หญิงทั้งหมด สำหรับอาการก็มีตั้งแต่ปวดหัว มีผื่นคัน จนถึงขั้นช็อก แต่แพทย์ก็ยืนยันว่า ถึงคุณจะป่วยเป็นโรคนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีลูกไม่ได้ เพราะมันแพ้แค่น้ำอสุจิ ไม่ได้แพ้สเปิร์มซักกะหน่อย... นับเป็นข่าวดีนะจ๊ะ สาวๆ!
2. ลักลอบนำอสุจิออกจากเรือนจำ
ด้วยข้อบังคับในศาสนา ทำไมผู้หญิงปาเลสไตน์มีข้อจำกัดเรื่องการแต่งงาน และการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะคนที่สามีต้องโทษอยู่ในเรือนจำของอิสราเอล ทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาได้เหมือนคนอื่น ครั้นจะหย่าร้างหรือแต่งงานใหม่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก
พวกเธอจำนวนไม่น้อยจึงใช้วิธีลักลอบนำอสุจิของสามีออกมาจากเรือนจำ เพื่อนำไปเข้าขั้นตอนปฏิสนธิในหลอดแก้วต่อไป แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ การลักลอบนำอะไรแบบนี้ออกจากเรือนจำอิสราเอลที่มีการป้องกันอย่างเคร่งครัดนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก นี่ยังไม่นับอายุของสเปิร์มที่สั้นมาก โดนความร้อนหน่อยก็ตายหมดแล้ว แถมยังต้องเสี่ยงจะเสียหายในกระบวนการขนส่งอีก
แม้จะยุ่งยากซับซ้อน และต้องเสี่ยงเสียหายหลายต่อหลายด่าน ต้องใช้ทั้งโชคและความพยายามอย่างที่สุด แต่พวกเธอก็ไม่ยอมแพ้ จนมีเคสที่ประสบความสำเร็จด้วยวิธีการนี้อยู่มากมาย แถมยังได้ทารกที่แข็งแรงสมบูรณ์เสียด้วย
1. อสุจิแช่แข็ง
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีการใหม่ในการแช่แข็งอสุจิ ซึ่งทั้งง่าย ราคาถูก และมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
สำหรับวิธีแช่แข็งอสุจิแบบเก่านั้น ต้องเก็บรักษาสเปิร์มไว้ในอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส แถมยังต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีราคาแพง ดูแลรักษาก็ยากเย็น ส่วนแบบใหม่นั้นพัฒนาไปกว่าเดิมมาก เก็บรักษาเซลสเปิร์มไว้ในอุณหภูมิเพียง 4 องศาเซลเซียสก็พอ แถมถ้าเกิดเหตุไฟฟ้าดับกะทันหัน สเปิร์มก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ในอุณหภูมิห้องปกติได้นานหลายชั่วโมงด้วย
เทคโนโลยีนี้ถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก สำหรับการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ รวมถึงเซลพันธุกรรมต่างๆ ของทั้งคน สัตว์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไว้ใน Ark (เปรียบได้กับเรือโนอา) เผื่อที่ในวันหนึ่งข้างหน้า แม้สิ่งมีชีวิตในโลกใบเก่านี้ถูกทำลายลงไปจนสิ้นซาก อย่างน้อยเราก็ยังมีหน่วยย่อยของชีวิตสำรองไว้ เพื่อสืบทอดสรรพชีวิตต่อไป
ที่มา fhm.in.th