เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Nitat Apiwattanasirigul
คืบหน้ารถทะเบียนทูตขับสวนเลน ล่าสุดส่งหนังสือถึงเจ้าของรถจ่ายค่าปรับแล้ว ชี้เป็นความผิดตามกฎหมายจราจร ไม่ใช่ความผิดทางอาญา พร้อมระบุ ไทยไม่มี พ.ร.บ. รองรับว่านำภาพถ่ายหรือคลิปเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้
กลายเป็นข่าวดังเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา สำหรับประเด็นรถทะเบียนทูต อ 11-0060 ขับสวนเลนอย่างไร้มารยาท แถมยังบีบแตรเร่งให้อีกฝ่ายถอย โดยกล้องวงจรปิดในรถของอีกฝั่งถ่ายให้เห็นกันแบบจะจะ งานนี้ชาวเน็ตก็เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เนื่องจากการกระทำผิดกฎจราจรไม่ควรละเว้นการลงโทษให้กับผู้ใด
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด วันนี้ (5 กันยายน 2557) ที่เฟซบุ๊ก ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร – บก.02 ก็ได้โพสต์ความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวแล้ว โดยระบุว่า ทะเบียนรถทูตที่วิ่งสวนเลนออกมา ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรถของสหประชาชาติ ซึ่งตอนนี้ได้ออกหมายไปยังองค์กรและให้ส่งตัวคนขับมาดำเนินคดีแล้ว แต่ขณะนี้คนขับยังไม่มารายงานตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ทางทีมข่าวเดลินิวส์ ได้ติดต่อสอบถามไปยัง พ.ต.ท. จุมพล คณานุรักษ์ รองผกก.จร.สน.พญาไท ทราบว่า ได้ส่งหนังสือไปยังต้นสังกัดของรถยนต์คันดังกล่าวแล้ว เพื่อแจ้งความผิดฐานขับรถฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรและขอให้ส่งตัวแทนมาดำเนินการเสียค่าปรับตามกฎหมาย หากไม่มาก็จะดำเนินขั้นตอนต่อไป คือการติดตามทวงถาม ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาของหน่วยงานนั้น ๆ เองด้วย เนื่องจากหน่วยงานดังกล่าวมีเอกสิทธิ์ทางการทูตคุ้มครองอยู่จริง การจะกระทำการใด ๆ ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง
พ.ต.ท. จุมพล กล่าวต่อว่า ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดจราจร ไม่เหมือนความผิดทางอาญา คือถ้าผู้กระทำไม่มาเสียค่าปรับ แล้วเจ้าหน้าที่จะต้องไปตามจับกุม ส่วนใครหลายคนที่เข้าใจว่ามีภาพเป็นวิดีโอชัดเจน น่าจะจัมกุมมาเสียค่าปรับได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในไทยยังไม่มี พ.ร.บ. รองรับว่าการถ่ายนิ่งหรือคลิปจะสามารถใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ เป็นได้เพียงหลักฐานประกอบเท่านั้น
ท้ายนี้ พ.ต.ท. จุมพล กล่าวอีกว่า คลิปดังกล่าวไม่ได้มาจากกล้องของทางราชการ ซึ่งในทางกฎหมายผู้กระทำผิดเองก็สามารถหาหลักฐานอื่นมาใช้อ้างแก้ต่างได้เช่นกัน หากทางหน่วยงานมีหลักฐานมายืนยันว่าวันเกิดเหตุรถคันดังกล่าวถูกใช้งานอยู่ที่อื่น เราก็ทำอะไรเขาไม่ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก