เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ข่าวสด
นักเรียนอาชีวะ รับน้องโหด จนรุ่นน้องเสียชีวิต พบผู้ตายป่วยโรคลูคีเมีย มีอาการเหนื่อยง่าย เจ้าของร้านอาหารริมหิดชี้ รับโหดเกินไปตั้งแต่ดึกยันเช้า ขณะที่นักศึกษายืนยัน ผู้ตายเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัว
หลังจากที่วานนี้ (30 สิงหาคม 2557) ได้เกิดกรณี นักเรียนอาชีวะ รับน้องโหด จับเหล้ากรอกเข้าปากและคว่ำหน้าบนชายหาดมีคลื่นซัด จนเป็นผลให้ นายโภไคย แสงโรจน์รัตน์ รุ่นน้องมีอาการเลือดออกปากและหมดสติ เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยรุ่นพี่รีบนำน้องมาส่งและทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน โดยแพทย์คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตมาราว 1 ชั่วโมงแล้ว โดยเบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ก่อนนำศพส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ให้แพทย์ผ่าพิสูจน์อีกครั้งนั้น
คืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม เจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณหาดทรายน้อย พบร่องรอยการก่อกองไฟบนชายหาด 3 จุด จึงได้สอบถามเจ้าของร้านอาหารและบ้านพักในพื้นที่ใกล้เคียง จึงทราบข้อมูลว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าวเดินทางมาพร้อมกันประมาณ 30-40 คน ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม โดยมีการก่อไฟ ดื่มสุรา มีกิจกรรมรับน้องรูปแบบต่าง ๆ และพบว่ามีการเตะรุ่นน้องด้วย โดยเตะให้ล้มลงไปในทะเล เล่นกันจนดึก จนช่วงเช้ามาเปิดร้านยังพบว่ายังรับน้องกันอยู่ กระทั่ง 9 โมงเช้า มีรุ่นพี่พบว่ามีน้องคนหนึ่งนอนสลบอยู่ที่ชายหาดในสภาพนอนคว่ำหน้ากับหาดทราย จึงช่วยกันยกร่างชายคนดังกล่าวขึ้นท้ายรถยนต์กระบะและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมา นายภาณุพงศ์ แสงโรจน์รัตน์ และ นางศิริวิมล แสงโรจน์รัตน์ พ่อแม่ของนายโภไคย ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน เพื่อดูอาการลูกชาย ทั้งคู่ต่างร่ำไห้แทบขาดใจเมื่อทราบว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว จากนั้นจึงได้เดินทางมายัง สภ.หัวหิน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิด พร้อมเปิดเผยว่า นายโภไคยเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว และมีร่างกายไม่ค่อยจะแข็งแรง มีอาการเหนื่อยง่าย โดยป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือด หรือโรคลูคีเมีย แต่ได้รักษาหาย เมื่อ 4 ปีแล้ว สำหรับครั้งนี้ลูกชายมาขออนุญาตไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่จึงอนุญาต แต่ขอว่าอย่าไปกินเหล้าซึ่งลูกชายก็รับปาก จนกระทั่งวันนี้ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนลูกชายว่า ลูกอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน จึงรีบเดินทางมาหาแต่ก็พบว่าลูกชายเสียชีวิตไปแล้ว
ต่อมาพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ได้นำตัวนักศึกษาที่มาด้วยกันกับผู้เสียชีวิตประมาณ 30 คนมาให้ปากคำ พร้อมทั้งสอบปากคำเจ้าของห้องพักที่ให้นักศึกษาพัก ตลอดจนเจ้าของร้านอาหารและผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ที่มีการรับน้องอีก 5 ปาก และจะส่งศพนายโภไคยไปทำการผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชต่อไปเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดต่อไป โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ตั้งข้อหาใคร ต้องรอผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการเสียก่อน
ด้าน พ.ต.อ.รณภพ พัฒนา พงส.ผทค.(หน. งานสอบสวน) สภ.หัวหิน เปิดเผยว่า จากการสอบสวนรุ่นพี่ของนายโภไคยให้การว่า เดินทางมาจัดกิจกรรมรับน้องโดยมีรุ่นพี่ 20 คน รุ่นน้อง 10 คน โดยจัดซุ้มให้รุ่นน้องเข้าทำกิจกรรมจำนวน 7 ซุ้ม สำหรับผู้ตายทำกิจกรรมรับน้องมาถึงซุ้มที่ 4 ซึ่งอยู่ริมทะเล ก็เกิดอาการหน้ามืดและเป็นลมสลบลงไปในทะเล รุ่นพี่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็กเมื่อนำตัวผู้ตายส่งโรงพยาบาลแล้วก็รีบขับรถกลับไปเก็บของยังที่พัก แล้วโทรศัพท์แจ้งมารดานายโภไคยให้รีบเดินทางมาที่โรงพยาบาลหัวหิน เมื่อมารดานายโภไคยเดินทางมาถึงเด็กกลุ่มนี้จึงออกไปหาและพากันมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบถาม นางศิริวิมล มารดานายโภไคย ให้การว่า บุตรชายมีโรคประจำตัวคือลูคีเมีย มีการเหนื่อยง่าย อาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามตนได้ระดมเจ้าหน้าที่ให้สอบปากคำเด็กทั้งหมดแล้ว ซึ่งเพื่อนที่ร่วมรับน้องด้วยกันต่างก็ยืนยันว่านายโภไคยเสียชีวิตเอง ไม่ได้ถูกรุ่นพี่ทำร้าย ทั้งนี้สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงจะเป็นเพราะโรคประจำตัวหรือถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายนั้น ต้องรอผลการผ่าพิสูจน์จากสถานบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
ส่วนนางเอมอร กองแก้ว เจ้าของร้านอาหารริมหาดทรายน้อย เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 5 ทุ่มของวันที่ 28 สิงหาคม ได้มีนักศึกษากลุ่มใหญ่เดินทางมากับรถ 2 แถว 2 คัน และรถยนต์ส่วนอีก 4-5 คัน หลังจากนั้นน่าจะเป็นรุ่นพี่ที่สั่งให้รุ่นน้องจับมือเป็นแถวลงไปยังชายหาดกันหลายสิบคน และยังได้ยินเสียงนักศึกษากลุ่มนี้ตั้งแต่ 5 ทุ่มไปเกือบรุ่งเช้า โดยให้รุ่นน้องยืนเรียงแถวแล้วก็ถีบให้ล้มลงไปในทะเล ตนมองว่าเป็นการรับน้องที่เกินกว่าเหตุ และรุนแรงมากเกินไป กระทั่งช่วงเช้าจนมีคนพบว่ามีน้องเสียชีวิตนอนอยู่บนชายหาด จึงได้ ขนกันขึ้นท้ายรถกระบะขับออกไป ตนเห็นว่ารู้สึกสงสารน้องคนที่เสียชีวิตเพราะเค้ายังเด็ก นึกถึงใจพ่อแม่เค้า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รับน้องโหดจนมีคนเสียชีวิตอีก วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันดูแลให้ดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก